เครือข่ายส่วนตัวสำหรับนักศึกษา กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทั่วโลกต้องตระหนัก เพราะมีผู้ใช้งานงานมากถึง 2.963 พันล้านคน โดย Facebook ของ Meta (เดิมชื่อ Facebook Inc.) ถือเป็นผู้นำเครือข่ายโซเชียลในตลาดนี้
การรับรู้เหตุผลที่ทำให้โซเชียลเน็ตเวิร์กนี้ถูกเลือกไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงรวบรวม 90 สถิติ Facebook เพื่อให้คุณค้นพบทุกสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ ทั้งประวัติความเป็นมา, รายได้, ผลิตภัณฑ์ และ Facebook Statistics Insight อื่น ๆ
สรุปสถิติ Facebook ที่สำคัญ
- Facebook เป็นเว็บไซต์ยอดนิยมอันดับ 2 ของโลก
- อัลกอริทึมของ Facebook ได้รับการอัปเดตกว่า 70 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2006
- ในปี 2023 Facebook มีจำนวนผู้ใช้งานเกือบ 3 พันล้านคน และกลายเป็นเครือข่ายโซเชียลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ผู้ใช้งาน Facebook มีการอัปโหลดรูปภาพกว่า 2.5 แสนล้านภาพ หรือมี 350 ล้านภาพถูกอัปโหลดบน Facebook ทุกวัน
- มีกลุ่ม Facebook มากกว่า 100 ล้านกลุ่ม ที่ผู้คนเข้าร่วมทุกวัน
ข้อมูลการลงทุนของ Facebook Inc.
ข้อมูลการลงทุนที่แสดงด้านล่างนี้ เป็นของบริษัท Facebook Inc ซึ่งปัจจุบันมี Meta เป็นบริษัทแม่ เราจะสรุปการเดินทางจากบริษัทสตาร์ท ก่อนจะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ติด 5 อันดับแรกของโลก
Facebook Inc. เริ่มต้นด้วยเงินลงทุน 500,000 ดอลลาร์ ในเดือนกรกฎาคม 2004
Mark Zuckerberg, Dustin Moskovitz, Chris Hughes และ Eduardo Saverin เปิดตัว ‘The Facebook’ ที่สร้างขึ้นจากห้องพักในมหาวิทยาลัย Harvard ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากจัดตั้งบริษัทใน Delaware นักลงทุนรายแรกที่ชื่อว่า Peter Thiel ก็เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 10.2% ทำให้ Thiel ได้เข้าร่วมคณะกรรมการของ Facebook และต่อมาก็ได้รับเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์จากการลงทุนในปี 2012
Facebook Inc. ระดมทุนเพิ่ม 12.7 ล้านดอลลาร์ ในรอบ Series A
ในปี 2005 บริษัท Accel Partners เข้ามาลงทุนใน Facebook ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านดอลลาร์
การระดมทุนรอบ Series B ทำให้ Facebook Inc. ระดมทุนได้ 25 ล้านดอลลาร์
เงินทุนนี้มาจาก Greylock Partners, Meritech Capital, นักลงทุนจาก Accel Partners และ Peter Thiel ทำให้เวลานั้น Facebook มีมูลค่าประมาณ 525 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ Accel Partners ได้ลงทุนอีก 12.7 ล้านดอลลาร์ และ Jim Breyer ลงทุน 1 ล้านดอลลาร์ด้วยเงินทุนของเขาเอง
สถิติ Facebook Inc. ใช้เงิน 200,000 ดอลลาร์ ซื้อโดเมนในปี 2005
หลังจากตัดคำว่า ‘the’ ออกจากชื่อ Facebook ได้มีการซื้อชื่อโดเมน Facebook.com จาก AboutFace Corporation
ในปี 2007 Facebook Inc. ได้รับเงินทุน 240 ล้านดอลลาร์ ในการระดมทุนรอบ Series C
Microsoft ซื้อหุ้น 1.6% ใน Facebook ในราคา 240 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลค่า Facebook อยู่ที่ 1.5 sหมื่นล้านดอลลาร์ ข้อตกลงนี้ยังมาพร้อมกับสิทธิ์สำหรับ Microsoft ในการวางโฆษณาระหว่างประเทศบน Facebook อีกด้วย
ในปี 2009 Facebook Inc. ได้รับเงินทุน 200 ล้านดอลลาร์
Facebook มีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อ DST ของ Yuri Milner และนักธุรกิจโลหะชาวรัสเซียที่ชื่อ Alisher Usmanov เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง
เดือนพฤศจิกายน 2010 Facebook Inc. มีมูลค่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์
จากข้อมูลของ SecondMarket Inc. (การแลกเปลี่ยนหุ้นของบริษัทเอกชน) Facebook มีมูลค่ากว่า 41,000 ล้านดอลลาร์
ในปี 2011 Facebook Inc. ได้รับเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์
Goldman Sachs ลงทุน 450 ล้านดอลลาร์ และ DST ลงทุนเพิ่มอีก 50 ล้านดอลลาร์ ทุบสถิติ Facebook และทำให้มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ในเดือนพฤษภาคม 2012 Facebook Inc. เริ่มขายในตลาดหุ้นสาธารณะ
ราคา IPO เริ่มที่ 38 ดอลลาร์ต่อหุ้น และ Facebook ระดมทุนได้ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้ผู้ก่อตั้งอย่าง Zuckerberg (ถือหุ้น 15%), Moskovitz (ถือหุ้น 6%) และ Saverin (ถือหุ้น 5%) กลายเป็นมหาเศรษฐีทันที อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นตกลงมากกว่า 40% ในอีกหลายเดือนข้างหน้า และขาดทุนรวม 50,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม 2012 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการตัดสินใจของ General Motors ที่จะดึงโฆษณา 10 ล้านดอลลาร์ออกจาก Facebook
เดือนสิงหาคม 2013 ราคาหุ้นของ Facebook Inc กลับสู่ระดับ IPO
หลังการเข้าซื้อกิจการ Facebook ของ Instagram ทำให้รูปแบบธุรกิจเน้นการโฆษณามากขึ้น และทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 468% ไปสูงสุดที่ 217.50 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม 2018 หลังจากการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สองของ Facebook หุ้นทุกตัวต่างลดลง 19% และราคาหุ้นของ Facebook ก็ดิ่งลงถึง 40% เนื่องจากหลักเกณฑ์ใหม่ในชุมชน, ค่าปรับ, เรื่องอื้อฉาว และข้อกังวลเกี่ยวกับข้อมูล
ในปี 2019 หุ้น Facebook Inc. เพิ่มขึ้นเป็น 56.6%
สถิติ Facebook ชี้ว่า มูลค่าเด้งกลับขึ้นมาเมื่อลดความกังวลเกี่ยวกับการจัดระเบียบและนโยบายการควบคุมของภาครัฐ ทำให้สิ้นปี 2020 หุ้นเพิ่มขึ้น 33% เนื่องจากการมีส่วนร่วมและจำนวนผู้ใช้งานที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โควิด
Facebook Inc. กลายเป็นบริษัทสหรัฐ ที่สร้างมูลค่าตามราคาตลาดได้ 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่เร็วที่สุด เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2021
ราคาหุ้นแตะ 355.64 ดอลลาร์ และทำให้ Facebook มีมูลค่าหลักล้านล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม 2021 Facebook Inc ได้เปลี่ยนเป็น Meta Inc. อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ตั้งแต่นั้นมา โดย Meta รอดพ้นจากการลดลงของการประเมินมูลค่า 232 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก ตามมูลค่าราคาตลาด ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2023 Meta มีมูลค่าตลาด 607.44 พันล้านดอลลาร์ และราคาหุ้นอยู่ที่ 239.24 ดอลลาร์
เดือนเมษายน 2023 Meta ได้ซื้อกิจการ 101 รายการ
นวัตกรรมล่าสุดคือ Gary Sharp ในเดือนมกราคม 2023 การเข้าซื้อกิจการที่โดดเด่นที่สุดของ Meta ได้แก่:
- Instagram (2012)
- WhatsApp (2014)
- Oculus VR (2014)
- Onavo (2013)
- Beluga (2011)
Meta ลงทุนใน 51 รายการ
การลงทุนล่าสุด คือ WiseCut ในเดือนเมษายน 2023
ข้อมูลธุรกิจของ Facebook
Meta ตั้งสำนักงานใหญ่ที่ Menlo Park ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในปี 2011
เพื่อรองรับการเติบโตที่เพิ่มขึ้น Meta ได้ย้ายสำนักงานใหญ่จาก Palo Alto ไปยัง Menlo Park โดยบริษัทได้ซื้อที่ดินขนาด 57 เอเคอร์ ด้วยมูลค่า 202 ล้านดอลลาร์
Meta มีศูนย์ข้อมูล 21 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา, เอเชีย และยุโรป
จากข้อมูลของ Meta ศูนย์ข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ที่ทำให้เทคโนโลยีและบริการต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ ศูนย์ข้อมูลและสำนักงานต่าง ๆ ปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ และได้รับการสนับสนุนด้านพลังงานหมุนเวียน 100% นอกจากนี้ ศูนย์ยังสนับสนุนการก่อสร้างใหม่ และการปฏิบัติงาน ซึ่งสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นด้วย
Meta ได้เปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของ โดยจาก สถิติ Facebook สิ่งนี้เกิดขึ้นมากกว่า 70 ครั้ง ตั้งแต่เปิดตัว Facebook News Feed ในปี 2006
Meta ก็ต้องการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งาน ทำให้อัลกอริทึมของ Facebook ได้มีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ดังนี้:
วันที่
คำอธิบาย
15 กุมภาพันธ์ 2022
เปลี่ยน “News Feed” เป็น “Feed”
22 เมษายน 2021
มีการเผยแพร่แบบสำรวจขนาดเล็ก เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่ผู้คนต้องการมากขึ้น
31 มีนาคม 2021
ผู้ใช้งานสามารถควบคุมฟีดข่าวของตนเองได้มากขึ้น
2 กรกฎาคม 2019
ข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพตกเป็นเป้าหมาย
16 พฤษภาคม 2019
อัลกอริทึมถูกพัฒนาให้เห็นว่าโพสต์ใดมีความสำคัญต่อผู้ใช้งานมากที่สุด
6 พฤษภาคม 2019
ผู้สร้างวิดีโอได้รับการสนับสนุนให้เผยแพร่วิดีโอต้นฉบับได้
10 เมษายน 2019
การวิเคราะห์ “Click-Gap” เพื่อต่อต้านข่าวปลอม
ไตรมาสที่ 4 ปี 2022 บัญชี Facebook มีการลบบัญชีปลอม 1.3 พันล้านบัญชีออกจากแพลตฟอร์ม
Meta ให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กับบัญชีปลอม ที่พยายามสร้างความเสียหาย เทคโนโลยีการตรวจจับของ Facebook ช่วยบล็อกความพยายามในการสร้างบัญชีปลอมทุกวันนับล้านครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหลังการสร้างสิ่งนี้
ไตรมาสที่ 4 ปี 2022 สถิติ Facebook พบว่า คอนเทนต์ 6.4 ล้านชิ้นถูกกำจัดทิ้ง เนื่องจากมีเนื้อหากลั่นแกล้งและล่วงละเมิด
Meta ยังคงลงทุนในเทคโนโลยีการตรวจจับเชิงรุก เพื่อให้แน่ใจว่า การกลั่นแกล้งและการล่วงละเมิดบน Facebook จะได้รับการจัดการ เพื่อปกป้องชุมชนนี้
Facebook จัดการกับเนื้อหาสแปม 1.8 พันล้านรายการ
ตามรายงานการบังคับใช้มาตรฐานชุมชนของ Meta มีการจัดการกับเนื้อหาจาก 1.4 พันล้านในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 เป็น 1.8 พันล้านในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 เนื่องจากมีการโจมตีด้วยสแปมที่เพิ่มขึ้น ในเดือนตุลาคม 2022 และยังคงปรับปรุงความสามารถในการตรวจจับอย่างต่อเนื่อง
Facebook จัดการกับกรณีความเกลียดชังและการก่อการร้ายมากถึง 15.5 ล้านเรื่อง
การใช้ Facebook สามารถระบุและลบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง, การก่อการร้าย และความเกลียดชัง ที่มีการจัดการในเชิงรุกได้
Facebook ลบคอนเทนต์กว่า 5 ล้านชิ้น ในปี 2022 เนื่องจากผิดลิขสิทธิ์, ละเมิดเครื่องหมายการค้า หรือมีการปลอมแปลง
Facebook ยังคงพัฒนาเครื่องมือตรวจจับและบังคับใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
สถิติ Facebook ด้านการโฆษณา
เดือนมกราคม 2566 การเข้าถึงโฆษณา Facebook มากถึง 1.98 พันล้านครั้ง
การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุด Facebook เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับแบรนด์ระดับโลกและธุรกิจต่าง ๆ
ผู้ชมที่มีอายุมากมีส่วนร่วมกับ Facebook มากกว่าอายุน้อย
ผู้ชมอายุ 18-24 ปีมีส่วนร่วมในการดูโฆษณาวิดีโอเพียง 75%
โฆษณา Facebook มีอัตราการคลิกโฆษณาเฉลี่ย 0.90%
นี่คือค่าเฉลี่ยของทุกอุตสาหกรรมตามที่มีการศึกษา
สถิติ Facebook ด้าน %Conversion เฉลี่ยของโฆษณาอยู่ที่ 9.21%
ค่าเฉลี่ยในทุกอุตสาหกรรมเท่ากับ 9.21% แต่บางอุตสาหกรรม เช่น ฟิตเนสและธุรกิจดูแลสุขภาพ มี %Conversion ที่สูงกว่ามาก
ปี 2022 Facebook สร้าง ROI สำหรับผู้ลงโฆษณาได้สูงสุด
เพราะ Facebook มี %Conversion สูงสุด จึงทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับทุกธุรกิจ เมื่อเทียบระหว่างโซเชียลมีเดีย พบว่า Facebook ให้ผลตอบแทน ROI สูงสุด ส่วนInstagram, YouTube และ TikTok มีสัดส่วนน้อยกว่าตามลำดับ
สถิติ Facebook สำหรับธุรกิจ
ไตรมาสที่ 3 ปี 2020 มีผู้ลงโฆษณาใน Facebook สูงถึง 10 ล้านราย
ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2019 ที่มีเพียง 7 ล้านราย
ธุรกิจกว่า 200 ล้านธุรกิจใช้แอปพลิเคชันและเครื่องมือฟรีของ Facebook
ธุรกิจขนาดเล็กโดยส่วนใหญ่ ใช้ Facebook ในการเข้าถึงลูกค้าของตน
มี Facebook Shop อยู่ 250 ล้านร้านทั่วโลก
ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2021 Facebook Shops มีผู้ใช้งานเฉลี่ยหนึ่งล้านคนต่อเดือน และสถิติ Facebook พบว่ามีร้านค้าประมาณ 250 ล้านแห่งทั่วโลก
ในปี 2020 ธุรกิจกว่า 160 ล้านราย ใช้ Facebook เพื่อโต้ตอบกับลูกค้า
Facebook ยังคงมีบทบาทสำคัญตั้งแต่การโฆษณา, การรับรู้แบรนด์ ไปจนถึงการบริการลูกค้า ที่แบรนด์ขนาดใหญ่และขนาดเล็กเลือกใช้
สถิติ Facebook สำหรับครีเอเตอร์
เช่นเดียวกับหลาย ๆ ธุรกิจ Facebook ลงทุนสร้างเครื่องมือสำหรับครีเอเตอร์ และมอบวิธีต่างๆ มากมายในการช่วยครีเอเตอร์ และเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้บน Facebook
Facebook ส่งเสริมให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้ให้มากขึ้นในปี 2023
ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้ผ่านสิ่งต่อไปนี้:
- การแทรกโฆษณาในวิดีโอและการสตรีมแบบสด
- เปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นผู้สนับสนุนด้วยการให้ดาว, กิจกรรมออนไลน์แบบเสียเงิน และ Subscription
- ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ เพื่อสร้างธุรกิจกับพันธมิตรแบบชำระเงิน
เดือนธันวาคม 2022 Facebook ปรับลดเกณฑ์การรับเงินสำหรับครีเอเตอร์ในสหรัฐอเมริกา
สถิติ Facebook พบว่า พวกเขาอยากให้ครีเอเตอร์ได้รับเงินครั้งแรกเร็วขึ้น จึงลดเกณฑ์การชำระเงินสำหรับครีเอเตอร์ในสหรัฐฯ จาก 100 ดอลลาร์เป็น 25 ดอลลาร์ วิธีนี้จะช่วยให้ผู้สร้างรายเล็กได้รับเงินเร็วขึ้น เกณฑ์การจ่ายเงินใหม่ใช้กับการสมัครรับดาว และ Subscription และการใช้งานเฟสบุ๊คสำหรับสร้างรายได้เพิ่มเติม
ปี 2022 Facebook ได้เพิ่มโหมด Professional สำหรับโปรไฟล์ทั่วโลก
สิ่งนี้ทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานโปรไฟล์ของครีเอเตอร์ง่ายดายขึ้น โดยทำให้พวกเขาเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ และเครื่องมือระดับมืออาชีพ จากข้อมูลของ Meta ครีเอเตอร์หลายสิบล้านคน ใช้บริการนี้เพื่อปลดล็อกการมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ปี 2022 Facebook สร้างโอกาสเพิ่มรายได้จากการเล่น Reels
โบนัส Reels สิ้นสุดอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2023 โดยอนุญาตให้ครีเอเตอร์ที่มีสิทธิ์ มีโอกาสได้รับเงินสูงถึง 35,000 ดอลลาร์ต่อเดือน ตามเกณฑ์ยอดดู Reels ครีเอเตอร์ยังคงสามารถสร้างรายได้จาก Reels ผ่านโปรแกรมการสร้างรายได้อื่น ๆ ของ Meta ได้ด้วย
ประวัติ Facebook และไทม์ไลน์
TheFacebook.com เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2004 ในวงนักศึกษาฮาร์วาร์ด และเดือนมิถุนายน 2004 โซเชียลเน็ตเวิร์กนี้มีผู้ใช้งานมากกว่า 250,000 ราย และบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างเข้ามาต่อแถว เพื่อจ่ายเงินสำหรับการเข้าถึงข้อมูลบนเว็บไซต์ และ ณ สิ้นปี 2004 สถิติ Facebook สูงถึง 1 ล้านคน ด้านล่างนี้ คือ ไทม์ไลน์เหตุการณ์สำคัญของ Facebook
- 2004 – Facebook มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน และมีเงินลงทุนกว่า 500,000 ดอลลาร์ Divya Narendra และสองพี่น้องอย่าง Cameron และ Tyler Winklevoss ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ ConnectU ฟ้องร้อง Zuckerberg ว่าเลียนแบบแนวคิดและการเขียนโค้ดของพวกเขา
- 2005 – The Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น Facebook และเปิดให้ทุกคนที่มีอายุมากกว่า 13 ปีลงทะเบียนการใช้งานเฟสบุ๊คด้วยอีเมล
- 2006 – เปิดตัว News Feed
- 2007 – เปิดตัวโฆษณาบน Facebook และเพจบน Facebook เพื่อให้แบรนด์และคนดังโต้ตอบกับแฟน ๆ ได้
- 2008 – เปิดตัว “Facebook Beta” ซึ่งเป็นการออกแบบใหม่บนเครือข่ายที่ผู้ใช้งานเลือก และสามารถโพสต์ไฟล์บน Walls ได้
- 2009 – จีนบล็อก Facebook และเปิดใช้งานการติดแท็กในการอัปเดตสถานะ รวมถึงปุ่ม Like อันโด่งดัง
- 2010 – เปิดตัว “Facebook ใหม่” เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ และมีผู้ใช้งานถึง 500 ล้านคนในเดือนกรกฎาคม มีการเปิดตัว Facebook Groups ในเดือนตุลาคม และในเดือนพฤศจิกายน Facebook ได้ซื้อโดเมน fb.com จาก American Farm Bureau Federation ในราคา 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
- 2011 – Facebook กลายเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าใช้มากเป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา รองจาก Google โดยมีผู้ใช้งานงานรายวัน 483 ล้านคน และผู้ใช้งานงานรายเดือน 845 ล้านคน Cameron และ Tyler Winklevoss ยอมรับข้อตกลงที่มูลค่า 65 ล้านดอลลาร์ ในปี 2008 ฝาแฝดทั้งสองได้ขึ้นศาลเพื่อยกเลิกข้อตกลงเงินสด 20 ล้านดอลลาร์ และหุ้น Facebook 45 ล้านดอลลาร์
- 2012 – Facebook Pages เปิดตัวไทม์ไลน์ และมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน โดยมีผู้ใช้งานมือถือ 600 ล้านคน, อัพโหลดรูปภาพกว่า 219 พันล้านภาพ และเชื่อมต่อกับเพื่อน 1.4 แสนล้านคน
- 2013 – วันที่ 12 มิถุนายน Facebook เปิดตัวแฮชแท็กที่คลิกได้
- 2014 – ในเดือนมกราคม ผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนเชื่อมต่อกับ Facebook ผ่านอุปกรณ์พกพา และ Facebook ได้เปิดตัวแอพ Messenger และตัดฟีเจอร์การส่งข้อความออกจาก Facebook และ Facebook Places ได้เปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากหยุดให้บริการในปี 2011
- 2015 – อัลกอริทึมของ Facebook ถูกแก้ไขเพื่อช่วยคัดกรองเนื้อหาที่เป็นเท็จ และเพิ่มตัวบ่งชี้ในช่องความคิดเห็น เมื่อเพื่อนกำลังพิมพ์ความคิดเห็นใหม่
- 2016 – Facebook เปิดตัว Marketplace ซึ่งสร้างความโดดเด่นอย่างมากบนแอพ Facebook และเปิดตัว “Reactions” 6 อารมณ์ให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้
- 2017 – เดือนมีนาคม มีการเปิดตัว Facebook Stories ซึ่งเป็นเนื้อหาของรูปภาพหรือวิดีโอสั้น ๆ ที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้น และแชร์สู่สาธารณะได้ 24 ชั่วโมง และในเดือนสิงหาคม มีการเปิดตัว Facebook Watch เป็นบริการวิดีโอออนดีมานด์
- 2018 – Facebook ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน News Feed และทำให้หุ้นร่วงลงกว่า 4%
- 2019 – มีการปรับปรุงเว็บไซต์และแอพมือถือของ Facebook ในเดือนกันยายน และเปิดตัว Facebook Dating และ Facebook News
- 2020 – เปิดตัว Facebook Shops และเปิดใช้งานหน้ากิจกรรมนอก Facebook ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลที่รวบรวมโดย Facebook ได้ รวมถึงการสร้างอวาตาร์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งรูปลักษณ์เสมือนจริงได้ด้วย
- 2021 – Facebook Inc. กลายเป็น Meta ในเดือนพฤศจิกายน Facebook ยกเลิกการกำหนดเป้าหมายตามข้อมูลสุขภาพ, เชื้อชาติ, ชาติพันธุ์, ความเชื่อทางการเมือง, ศาสนา และรสนิยมทางเพศ และเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม Facebook มีการหยุดทำงานครั้งที่เลวร้ายที่สุด ถัดจากที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008
- 2022 – สถิติ Facebook รายวันลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี และมีมูลค่าลดลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และทำให้ Meta สูญเสียเงิน 232 พันล้านเหรียญ นอกจากนี้ Facebook มีการเปิดตัวแคมเปญ Reels และ Creators of Tomorrow ด้วย
- 2023 – Zuckerberg ประกาศว่า Meta จะเริ่มขายเครื่องหมายตรวจสอบการยืนยันบน Facebook และประกาศเลิกใช้ Facebook Watch
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Facebook
ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Reels, Stories, Marketplace และอื่น ๆ ทำให้ Facebook ยังคงเป็นผู้นำการปฏิวัติวงการ Social networking ได้อยู่เสมอ
Facebook Reels
Reels เป็นวิดีโอสั้นที่เปิดตัวทั่วโลกในปี 2022 และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นพบผู้คน, เนื้อหา และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้
Facebook Reels ถูกแชร์ต่อมากกว่า 2 พันล้านครั้งทุกวัน
Reels สนับสนุนให้ผู้ใช้งานสื่อสารในสังคมมากขึ้น และจำนวนผู้ใช้งานที่แชร์คลิปมือถือ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2023
Meta กำลังลงทุนใน AI สำหรับ Reels เพื่อนำเสนอเนื้อหาที่ผู้ใช้งานต้องการมีส่วนร่วม
การสร้าง Reels ตามสถิติ Facebook มีมากกว่า 140,000 ล้านครั้งต่อวันบน Facebook และ Instagram ทำให้ Meta มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานให้ดีขึ้น
Facebook Stories
Facebook Stories เปิดตัวในปี 2017 และเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ถ่ายทอดช่วงเวลาในชีวิตได้มากขึ้น
ปี 2020 ผู้ลงโฆษณากว่า 4 ล้านรายใช้โฆษณาสตอรี่ทุกเดือน
Facebook รายงานการค้นพบ, ความสนใจ และการดำเนินการที่เพิ่มเติมจากโฆษณาสตอรี่
ปี 2019 Facebook มีผู้คนมากกว่า 300 ล้านคน ใช้ Facebook Stories ในแต่ละวัน
มีการโพสต์เรื่องราวมากกว่า 1 พันล้านเรื่องทุกวัน ผ่านแอพ Facebook และ 73% อยู่ในสหรัฐฯ เนื่องจากช่วยให้พวกเขาสัมผัสกับสิ่งใหม่ ๆ นอกเหนือจากชีวิตประจำวันได้
Facebook Live
Facebook Live เปิดตัวในปี 2016 และช่วยให้ผู้ใช้งานแบ่งปันประสบการณ์ได้แบบเรียลไทม์
โดยวิดีโอ 1 ใน 5 บน Facebook เป็นวีดีโอถ่ายทอดสด
สถิติ Facebook พบว่า ประมาณ 20% ของเนื้อหาวิดีโอทั้งหมด คือ Facebook Live
การมีส่วนร่วมกับ Facebook Live อยู่ที่ 26%
ซึ่งสูงกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ
Facebook Marketplace
ในปี 2016 Facebook Marketplace ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ซื้อและขายสินค้าโดยตรงผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก และในปี 2020 Facebook ได้เพิ่ม Shops ซึ่งช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็ก สามารถนำเสนอแคตตาล็อกสินค้าของตนเองได้เหมือนในร้านค้าออนไลน์
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023 ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ถูกจำกัดไม่ให้อยู่ใน Marketplace
Meta กำหนดข้อจำกัดในบริษัทรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มรายได้จากโฆษณาให้สูงสุดในปี 2023
Facebook Marketplace มีสถิติ Facebook ทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน ในปี 2021
เช่นเดียวกับ Marketplace และ ร้านค้าบน Facebook ที่ มีการเติบโตในเชิงบวก และมีผู้ใช้งานทั่วโลกเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านคน รวมถึงร้านค้าที่เปิดขายกว่า 250 ล้านแห่งทั่วโลก
Facebook Groups
Facebook Groups เปิดตัวในปี 2010 และในปี 2020 มีกลุ่มเกิดขึ้นมากกว่า 400 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นจาก 100 ล้านคนในปี 2017
ผู้ใช้งาน Facebook 1.8 พันล้านคนใช้ Groups ทุกเดือน
ในปี 2023 มีกลุ่มมากกว่า 10 ล้านกลุ่มตามความสนใจต่าง ๆ และประเทศที่แตกต่างกัน
ในเดือนกันยายน 2022 Meta ได้เพิ่มการแชทใน Facebook Groups
การเสนอราคา ช่วยให้ผู้คนเชื่อมต่อกับชุมชนออนไลน์ได้มายิ่งขึ้นแบบเรียลไทม์ และ แชทใน Facebook Groups สร้างความเคลื่อนไหวและผลลัพธ์ในเชิงบวก โดยมีผู้ใช้งานแชทเพิ่มขึ้น 50% ในเดือนธันวาคม 2022
ในเดือนตุลาคม 2022 Meta ได้เพิ่ม Reels ในกลุ่ม Facebook
Facebook เพิ่ม Reels ในกลุ่ม เพื่อให้ชุมชนแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่านวิดีโอที่สมจริงมากขึ้น
กลุ่ม Facebook มากกว่า 100 ล้านกลุ่ม มีคนเข้าร่วมทุกวัน
จากข้อมูลของ Meta คนส่วนใหญ่บน Facebook เป็นสมาชิกของกลุ่มอย่างน้อย 15 กลุ่ม และมีกิจกรรมในกลุ่มมากกว่า 100 ล้านกลุ่มทุกวัน
เกมเฟสบุ๊ค
Facebook Gaming เป็นแพลตฟอร์มบน Facebook ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสตรีมสด, ดู และสำรวจเนื้อหาเกม เพื่อมีส่วนร่วมกับชุมชนเกม และแชร์ประสบการณ์การเล่นเกมต่าง ๆ เช่น การเล่นรวดเดียวจบ, สตรีมสด และทัวร์นาเมนต์
ตามสถิติ Facebook แต่ละเดือนจะมีมากกว่า 350 ล้านคน เล่น Instant Games
ผู้คนกว่า 230 ล้านคน เข้าร่วมกลุ่มเกมมากกว่า 630,000 กลุ่มในแต่ละเดือน
PUBG Mobile เป็นเกมยอดนิยมที่มีผู้ชมมากที่สุดบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของ Facebook ณ เดือนมีนาคม 2023
การเล่นเกมบน Facebook เปลี่ยนประสบการณ์จากการเล่นคนเดียว ไปสู่การเล่นกับผู้เล่นคนอื่น และดูคนอื่นเล่นออนไลน์ ด้วยสถิติคนเล่น Facebook เวลารับชมประมาณ 21.48 ล้านชั่วโมง และ PUBG Mobile เป็นเกมที่มีผู้ชมมากที่สุด ส่วน Mobile Legends: Bang Bang อยู่ในอันดับที่ 2 ด้วยเวลาในการรับชม 13.9 ล้านชั่วโมง
การเล่นเกมบน Facebook มีการรับชมสตรีมสดรวม 382 ล้านชั่วโมง ในไตรมาสที่ 3 ปี 2022
ทั้งนี้ สถิติ Facebook ลดลงจากสถิติสูงสุดตลอดกาล ที่มีผู้ชมกว่า 1.29 พันล้านชั่วโมง ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2021
สถิติ Facebook ด้านรายได้
ในปี 2022 Meta รายงานรายได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม: Family of Apps ( FoA ) และ Reality Labs (RL) FoA ได้แก่ Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp และบริการอื่น ๆ ส่วน RL ได้แก่ ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และเนื้อหา สำหรับผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับส่วนเพิ่มและความจริงเสมือนของ Meta
ในปี 2022 รายได้ทั่วโลกของ Meta อยู่ที่ 118.1 พันล้านดอลลาร์
ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 117.9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 ประมาณ 1%
ในปี 2022 รายได้จากการโฆษณาคิดเป็น 97.5% ของรายได้ทั้งหมด
Meta ยืนยันว่ารายได้โฆษณาเกือบทั้งหมดมาจาก Facebook และ Instagram
FoA ในปี 2022 ลดลง 1.21 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1% เมื่อเทียบกับปี 2021 เนื่องจากรายได้โฆษณาที่ลดลง
เหตุผลเป็นเพราะ:
- การลดลงของราคาโฆษณาโดยเฉลี่ย
- ความต้องการโฆษณาลดลง
- สภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ท้าทาย
- ข้อจำกัดในการกำหนดเป้าหมายโฆษณา และเครื่องมือวัดผล
- การเปลี่ยนแปลง iOS และกฎระเบียบ
Meta รายงานกำไรสุทธิ 23.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 ลดลงเล็กน้อยจากสถิติ Facebook ปี 2021 ที่ 39.3 พันล้านดอลลาร์
เหตุผลที่กำไรลดลงเนื่องจาก Meta ยังคงลงทุนอย่างหนักใน Metaverse
ในปี 2022 รายได้จากการโฆษณาของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา คิดเป็น 43%
สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของ Meta ด้วยส่วนแบ่ง 22% และเชื่อว่ายุโรปจะเป็นตัวขับเคลื่อนผลกำไรตัวต่อไป
ไตรมาสที่ 1 ปี 2023 Facebook มีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งาน (ARPU) ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอยู่ที่ 48.85 ดอลลาร์
ซึ่งมากกว่า ARPU ทั่วโลกที่ 9.62 ดอลลาร์ ในไตรมาส 1 ปี 2023 เกือบ 5 เท่า
ข้อมูลประชากรของ Facebook
สถิติผู้ใช้งาน
จากสถิติ Facebook ในเดือนมีนาคม 2023 มีผู้ใช้งานงานรายวันสูงสุดถึง 2 พันล้านคน
ตัวเลขสะท้อนให้เห็นว่า 37% ของผู้คนบนโลก ใช้ Facebook และยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เฟื่องฟู แม้ว่าปี 2021 จะมีอุปสรรคก็ตาม DAU ของ Facebook ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ลดลงเป็นครั้งแรก และ Meta รายงานผลเชิงลบ เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจาก TikTok และ YouTube
ยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลยังสังเกตเห็นการเติบโตของรายได้ที่ช้าลง อันเป็นผลมาจากผู้โฆษณาลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาลง อย่างไรก็ตาม ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 ผู้ใช้งานงานรายเดือนบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นเป็น 2.96 พันล้านคน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่สูงขึ้น
ผู้ใช้งานงานรายวันของ Facebook อยู่ที่ 2.04 พันล้านคนในเดือนมีนาคม 2023
การเปลี่ยนแปลงของ DAU เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบเป็นรายปี Mark Zuckerberg ระบุว่าสิ่งนี้มาจากการพัฒนาด้าน AI
ผู้ใช้งานงานรายเดือน (MAU) ของ Facebook อยู่ที่ 2.99 พันล้าน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2023
การเพิ่มขึ้นของ MAU คิดเป็น 2% เมื่อเทียบสถิติ Facebook รายปี
ในเดือนมกราคม 2023 ผู้ชายอายุระหว่าง 25 ถึง 34 ปี ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของ Facebook
กลุ่มเป้าหมายใหญ่บน Facebook คิดเป็น 17.6% ของผู้ที่ใช้ทั่วโลก และมีผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 24 ปี เป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่ใหญ่เป็นอันดับสอง หรือคิดเป็น 10.9%
สถิติ Facebook ในอินเดียมากที่สุดในโลกถึง 314.6 ล้านคน
อินเดียครองอันดับผู้ใช้งาน Facebook ที่มากที่สุดในปี 2023 โดยมีสหรัฐฯ ตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยจำนวน 175 ล้านคน และอินโดนีเซียเป็นอันดับสาม ด้วยจำนวน 119.9 ล้านคน
ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2023 ชี้ว่า 23.8% ของผู้ใช้งาน Facebook ในสหรัฐอเมริกา มีอายุระหว่าง 25 ถึง 34 ปี
สถิติการใช้ social media ในประเทศไทย 2566 มากถึง 52.25 ล้านคน หรือคิดเป็น 72.8% ของประชากรทั้งประเทศ โดย Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยเลือกใช้สูงสุด โดยมีสถิติการใช้ facebook ในประเทศไทย 2023 สูงถึง 91% และผู้ใช้งานในไทยมีสัดส่วนของผู้หญิงและผู้ชายใกล้เคียงกัน
ประเทศ
จำนวนผู้ใช้งาน Facebook (ล้านคน)
อินเดีย
314.6
สหรัฐอเมริกา
175
อินโดนีเซีย
119.9
บราซิล
109.1
เม็กซิโก
83.8
ฟิลิปปินส์
80.3
เวียดนาม
66.2
ประเทศไทย
48.1
บังคลาเทศ
43.3
อียิปต์
42
97.4% ของผู้ใช้งาน Facebook เข้าถึงแพลตฟอร์มจากอุปกรณ์พกพา
สถิติ Facebook 68.7% ผู้ใช้งาน เข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์กผ่านโทรศัพท์เพียงเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้งาน Facebook มีความชื่นชอบการใช้บนมือถือมาก
Facebook มีการเข้าถึงด้วยมือถือจากผู้ใช้ในไทยมากกว่าพีซี
Facebook เป็นแอพ Social Media ยอดนิยมอันดับ 1 ในไทย รองมาเป็น Line และ Facebook Messenger
28.7% ของผู้ใช้งาน Facebook เข้าถึงแพลตฟอร์มโดยใช้ทั้งอุปกรณ์พกพาและพีซี
ผู้ใช้งานประมาณ 2.6% สะดวกที่จะเข้าถึง Facebook บนเดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อปมากกว่าอุปกรณ์อื่น
สถิติ Facebook ด้านการใช้งาน
54% ของผู้ใช้งานบน Facebook ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า
ตามข้อมูลของ GWI คนที่ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 43% ในขณะที่ Instagram มีผู้ใช้งานสูงสุดที่ 61% ส่วน Facebook เป็นอันดับสอง ซึ่งมีผู้ใช้งาน 54%
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ผู้ใช้งาน 54% ดูวิดีโอบน Facebook
เมื่อวิดีโอรูปแบบสั้นและยาวเข้ามาแทนที่ Facebook ก็เห็นการเพิ่มขึ้นของสื่อที่ผู้ใช้งานมีส่วนร่วม
ผู้ใช้งาน 71% กล่าวว่า พวกเขาใช้ Facebook เพื่อส่งข้อความถึงเพื่อนและครอบครัว
GWI ยืนยันว่า การส่งข้อความถึงเพื่อนและครอบครัวยังคงเป็นกิจกรรมยอดนิยมบน Facebook และมีกิจกรรมยอดนิยมอื่น ๆ ได้แก่ การติดตามข่าวสารและกิจกรรม
ผู้ใช้งาน 62.9% ใช้ Facebook เพื่อโพสต์หรือแชร์รูปภาพและวิดีโอ
แม้ว่า Facebook จะพัฒนาไปมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผู้ใช้งานกว่าครึ่งยังคงใช้ Facebook เพื่อโพสต์หรือแชร์รูปภาพและวิดีโอ
ผู้ใช้งาน 59.5% ใช้ Facebook เพื่อติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ
รายงาน GWI พบว่า ผู้คนจำนวนมากใช้โซเชียลมีเดียเพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เทรนด์นี้กำลังเติบโต โดยผู้ใช้งานกว่าครึ่งหันมาใช้แพลตฟอร์มเพื่ออัพเดทข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ
ผู้ใช้งาน 55.2% ใช้ Facebook เพื่อติดตามและค้นหาแบรนด์และสินค้า
Facebook กลายเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับแบรนด์ โดยผู้ใช้งาน 44% ยอมรับว่า Facebook มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า
ผู้ใช้งาน 60% ใช้ Facebook เพื่อรับบริการลูกค้า
สถิติ Facebook บอกว่า ผู้ใช้งานจำนวนมากขึ้นใช้ Facebook เพื่อบริการลูกค้า
สถิติคนเล่น Facebook เวลาเฉลี่ย 9 นาที 58 วินาที
และมีการคาดว่า ผู้ใช้งานใช้งานอย่างน้อย 9 หน้าต่อเซสชันที่ไม่ซ้ำกัน
ปี 2022 มีการใช้ลิงก์คิดเป็น 47.2% ของทั้งหมด
รูปภาพมาเป็นอันดับสองที่ 35.6% และวิดีโอ 15.1% ตามลำดับ
รูปภาพ, วิดีโอ และโพสต์สถานะ มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงสุด
ในปี 2022 โพสต์ที่เป็นรูปภาพมีอัตราการมีส่วนร่วม 0.12% ในขณะที่โพสต์สถานะและวิดีโอมีอัตราการมีส่วนร่วม 0.11% และ 0.08% ตามลำดับ ส่วนลิงก์มีอัตราการมีส่วนร่วมต่ำสุดที่ 0.03%
ผู้ใช้งาน Facebook บน Android ใช้เวลาเฉลี่ย 19.7 ชั่วโมงต่อเดือน
และรองจาก YouTube ที่ 23.4 ชั่วโมงต่อเดือน และ TikTok ที่ 22.9 ชั่วโมง
ผู้ใช้งาน Facebook ชอบดูวิดีโอโดยปิดเสียง
ผู้คนมักจะดูวิดีโอผ่านคำบรรยายโดยไม่มีเสียง และ 80% มีปฏิกิริยาเชิงลบต่อวิดีโอบนมือถือที่เสียงดัง
สถิติ Facebook เทียบกับคู่แข่ง
ด้วยผู้ใช้งานงานรายเดือนเกือบ 3,000 ล้านราย ณ เดือนมกราคม 2023 เฟสบุ๊คยังคงเป็นผู้นำในตลาดนี้
Facebook เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กรายแรกที่มีผู้ใช้งาน 1 พันล้านบัญชี และปัจจุบันมีมากกว่า 2.9 พันล้านบัญชี โดย Meta เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุด 4 แพลตฟอร์ม ได้แก่ Facebook, WhatsApp, Facebook Messenger และ Instagram ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 สถิติ Facebook มีผู้ใช้งานมากกว่า 3.7 พันล้านราย
Facebook เป็นเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากเป็นอันดับ 3 ของโลก
Google และ YouTube ครองตำแหน่งที่หนึ่งและสอง ส่วน Facebook อยู่ในอันดับที่สาม นำหน้า Twitter และ Instagram
Facebook ติดอันดับสี่ ในรายการคำค้นหายอดนิยมของ Google
ตามรายงานของ We Are Social คำค้นหายอดนิยม ได้แก่ “Google” เป็นอันดับหนึ่ง “YouTube” อันดับสอง และ “Video” อันดับสาม
อันดับ
Social Network
จำนวนในเดือนมกราคม 2023 (ล้านคน)
1
Facebook
2,958
2
YouTube
2,514
3
WhatsApp
2,000
4
Instagram
2,000
5
WeChat
1,309
6
TikTok
1,051
7
Facebook Messenger
931
8
Douyin
715
9
Telegram
700
10
Snapchat
635
11
Kuaishou
626
12
Sina Weibo
584
13
QQ
574
14
Twitter
556
15
Pinterest
445
ปี 2023 Facebook มีสัดส่วนการเข้าถึงสำหรับในไทยประมาณ 67%
สถิติการใช้ facebook ในประเทศไทย 2023 ยังคงเป็นอันดับ 1 ตามด้วย Tiktok ในอันดับสองที่ 56.1% และ Facebook Messenger ในอันดับสามที่ 48.8 %
ปี 2021 Facebook Gaming มีส่วนแบ่งการตลาด 12.09%
ในขณะที่ Twitch มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 72.29% และ YouTube gaming 15.62%
ปี 2021 Facebook มีส่วนแบ่งรายได้จากโฆษณาดิจิทัล 23.7%
รองจาก Google ที่ 28.6% และ Alibaba อันดับสามที่ 8.7%
ปี 2022 ผู้ซื้อ 19% ในสหรัฐอเมริกาซื้อสินค้าบน Facebook
สถิติ Facebook ชี้ว่า นี่เป็นเครือข่ายโซเชียลอันดับต้น ๆ สำหรับการช็อปปิ้งในสหรัฐอเมริกา โดยมี Instagram มาเป็นอันดับสองที่ 12% และภายในปี 2025 คาดว่าจะมีผู้ซื้อสินค้าผ่าน Social network ในสหรัฐฯ ถึง 114.3 ล้านคน
อ้างอิง
- The Guardian
- CNBC
- Bloomberg
- New York Times
- CNBC
- Motley Fool
- The Guardian
- CNBC
- Companies Market Cap
- Crunchbase
- Business Journals
- Meta Newsroom
- Buffer
- Statista
- Meta Transparency Centre
- Datareportal
- Facebook Business
- Statista
- Statista
- Facebook Investors Call 2020
- Statista
- World Economic Forum
- The Guardian
- New York Times
- Tech Crunch
- Tech Crunch
- BBC
- CBC
- CNN
- Statista
- Reuters
- Search Engine Land
- Tech Crunch
- Techcrunch
- Business Insider
- CNN
- CNN
- Reuters
- CNBC
- Tech Crunch
- Statista
- CNBC
- Statista
- Statista
- Statista
- Statista
- Statista
- GWI
- WeAreSocial
- Statista
- Similar Web
- Statista: Social Media Websites
- Focus on Business
- Statista
- Statista