ในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีเลิร์นนิงจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไป ที่ต้องการการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความสะดวกสบาย, การเข้าถึง และความยืดหยุ่นของการเรียนอีเลินนิ่ง ได้ปฏิวัติวิธีการเรียนรู้แบบเดิม ทำให้กลายเป็นทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันและปรับตัวในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

การสำรวจสถิติ e-learning ทั้งหมดอาจเป็นเรื่องที่ยาก เพราะมีข้อมูลกระจายอยู่ในรายงานและเว็บไซต์หลายร้อยแห่ง อย่างไรก็ตาม เราได้รวบรวมสถิติการเรียนออนไลน์ที่จำเป็นสำหรับปี 2024 ที่คัดสรรมาอย่างดีแล้ว และเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าที่สุด ดังต่อไปนี้

ข้อมูลโดยย่อของสถิติ e-learning

  • คาดว่าตลาดการศึกษาออนไลน์ทั่วโลก จะมีมูลค่าถึง 3.50 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
  • ก่อนเกิดโรคระบาด มีนักเรียนเกรด 1-12 เพียง 5 – 8% เท่านั้นที่เรียนออนไลน์
  • 82% ของพนักงานในองค์กร พบว่า วิดีโอแบบอินเทอร์แอคทีฟมีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจได้ดีกว่า 
  • ในช่วงปี 2021 นักศึกษาอุดมศึกษาของสหรัฐฯ 30.3% ต้องเรียนหลักสูตรออนไลน์โดยเฉพาะ
  • คาดว่า AI จะเพิ่มขีดความสามารถของระบบการจัดการเรียนรู้ (LMS) ได้มากกว่า 47% ภายในปี 2024

สถิติ e-learning สถิติการเรียนออนไลน์

ประเภทของสถิติ e-learning 

จากการสำรวจในปี 2019 นักเรียนมัธยมปลายประมาณ 63% ในสหรัฐอเมริกา ใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการศึกษาในขณะอยู่ที่โรงเรียน

ในทางตรงกันข้าม นักเรียนระดับประถมศึกษาประมาณ 45% มีส่วนร่วมในการเรียนรู้แบบดิจิทัลที่คล้ายคลึงกัน

สถิติ e-learning ในโลกธุรกิจ พบว่า 41.7% ของบริษัทที่ทำกำไรสูงสุดที่มีรายชื่ออยู่ใน Fortune 500 มีการใช้เครื่องมืออีเลิร์นนิงเพื่อฝึกอบรมออนไลน์

ผู้ที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในช่วงแรก เห็นได้ถึงประโยชน์ในการประหยัดเวลาและประหยัดเงินจากการฝึกอบรม (หรือฝึกอบรมพนักงานใหม่) ได้อย่างมาก ในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้

ชั้นเรียนออนไลน์ระบบเปิดจำนวนมาก (MOOCs) มีผู้เข้าร่วมอย่างรวดเร็วราว ๆ 380 ล้านคนทั่วโลกภายในหนึ่งทศวรรษ โดยมุ่งเน้นที่ข้อมูลประจำตัว, หลักสูตรหน่วยกิต และปริญญาบัตร

ก่อนเกิดโรคระบาดทั่วโลกในปี 2020 การศึกษาออนไลน์กำลังเฟื่องฟู และมีเนื้อหาการเรียนรู้ระดับแนวหน้าทั่วโลก

สถิติ e-learning ด้านการเรียน

ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2006 มีนักเรียนหลังมัธยมศึกษาออนไลน์ 3.48 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 9.7% จากปีก่อนหน้า

จากปี 2002 ถึง 2006 มีจำนวนนักเรียนออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 1.6 ล้านคนในฤดูใบไม้ร่วงปี 2002 เป็น 3.48 ล้านคนในฤดูใบไม้ร่วงปี 2006 ซึ่งบ่งบอกถึงอัตราการเติบโต 21.5% ต่อปี

ในปี 2016 นักศึกษาและผู้บริหารจากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ที่ถูกสัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณค่าของ Video Conference ได้ให้ข้อมูลเชิงลึก ดังนี้:

  • ผู้ให้สัมภาษณ์ 88% เชื่อว่า Video Conference จะ เปิดโอกาสให้ผู้คนจำนวนมากประสบความสำเร็จในการเรียนปริญญาขั้นสูงได้
  • ผู้ให้สัมภาษณ์ 73% แสดงความเห็นว่า Video Conference ลดอัตราการลาออกของนักเรียนได้
  • ผู้ให้สัมภาษณ์ 87% มีแผนจะเพิ่มการลงทุนในเครื่องมือที่ใช้ในการทำงานร่วมกันทางออนไลน์ ภายใน 5 ปีข้างหน้า

ผู้ตอบแบบสอบถามยังระบุถึงแอปพลิเคชัน 3 อันดับแรก สำหรับ Video Collaboration ในบริบททางการศึกษา ดังนี้:

  1. ใช้เพื่อขอความร่วมมือกับเพื่อนร่วมวิชาชีพด้านการศึกษา
  2. ขยายการเข้าถึงการศึกษาในระดับภูมิภาคที่หลากหลาย
  3. เปิดใช้งานชุมชนเสมือนจริงของวิทยากรรับเชิญ

การสำรวจในปี 2016 ที่สอบถามนักศึกษา 3,300 คนในสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า 81% ของนักเรียนมีเกรดที่ดีขึ้นเมื่อเรียนอีเลินนิ่ง

81% ของนักเรียนรายงานว่า e-learning ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยนักเรียนประมาณ 2 ใน 3 (69%) กล่าวว่า e-learning ช่วยเพิ่มสมาธิในการเรียนได้ดี

สถิติ e-learning อื่น ๆ ในปี 2016 พบว่า 41% ของครูในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การฝึกอบรมที่ไม่เพียงพอ ถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการขยายการใช้ edtech ในห้องเรียน

ส่วนเหตุผลอื่น ๆ ได้แก่ เงินทุนไม่เพียงพอ (63%), การขาดแคลนอุปกรณ์สำหรับนักเรียน (60%), WiFi ช้า (45%) และอุปกรณ์ล้าสมัย (44%)

อุปสรรคด้านเทคโนโลยีการศึกษา

สถิติ e-learning ในปี 2021 พบว่า 55% ของนักเรียน คิดว่า ความสามารถในการจ่าย เป็นเหตุผลอันดับ 3 ในการเลือกเรียนออนไลน์

จากการสำรวจนักศึกษา 1,530 คน ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมออนไลน์ ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ การได้รับการรับรองของโรงเรียนหรือโปรแกรม (41%) ส่วนปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ : 

  • ความเข้มข้นของโปรแกรม – 29%
  • ชื่อเสียงของโรงเรียน – 28%
  • เนื้อหาหลักสูตร – 27%
  • คุณภาพของผู้สอน – 20%

โปรแกรมการเรียนออนไลน์

E-Learning เชิงวิชาการ ในช่วงระหว่างและหลังการระบาดครั้งใหญ่

ก่อนการระบาดของ COVID-19 สถิติ e-learning พบว่า การเรียนออนไลน์ของนักเรียนเกรด 1-12 อยู่ที่ประมาณ 5% – 8%

แต่สถานการณ์การแพร่ระบาด กระตุ้นให้เกิดการสอนออนไลน์ในเดือนมีนาคม 2020 ในขณะที่ นักเรียนและครูโดยส่วนใหญ่ยังขาดความคุ้นเคย และขาดความพร้อมสำหรับการศึกษารูปแบบใหม่

ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2020 นักเรียนเกรด 1-12 ประมาณ 80% สามารถใช้เทคโนโลยีอีเลิร์นนิงได้เพิ่มขึ้น

การเปลี่ยนแปลงนี้บ่งชี้ว่า นักเรียนสามารถใช้ประโยชน์การเรียนออนไลน์ได้มากขึ้น และทำให้พวกเขาบรรลุผลลัพธ์ผ่านเทคโนโลยีนี้ได้

ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 นักศึกษาระดับปริญญาตรี 75% (11.8 ล้านคน) เรียนหลักสูตรการศึกษาทางออกไลน์อย่างน้อยหนึ่งหลักสูตร โดย 44% (7 ล้านคน) เรียนเฉพาะหลักสูตรออนไลน์

สถิติ e-learning ในปี 2020 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรีลงทะเบียนหลักสูตรออนไลน์ เพิ่มขึ้น 97% จากฤดูใบไม้ร่วงปี 2019 (จาก 6 ล้านคน เป็น11.8 ล้านคน) ส่วนการลงทะเบียนออนไลน์ในหลักสูตรพิเศษเพิ่มขึ้นถึง 186% (จาก 2.4 ล้านคน เป็น 7 ล้านคน)

จากรายงานปี 2021 พบว่า 21% ของนักเรียนที่ทำแบบสำรวจ ต้องการเรียนหลักสูตรเหล่านี้ผ่านอุปกรณ์พกพา

คนจำนวนมากกว่าครึ่ง (51%) รายงานว่า พวกเขาต้องการมีส่วนร่วมผ่านอุปกรณ์พกพา ส่วนคนรุ่นมิลเลนเนียลและคน Gen Y ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี แสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้ผ่านมือถือมีปริมาณที่สูงขึ้น โดยปัจจัยด้านอายุมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญ

การใช้อุปกรณ์พกพา ทำให้นักเรียน 64% สนใจที่จะตรวจสอบเกรด และตรวจสอบวันครบกำหนดต่าง ๆ

นักเรียน 47% ต้องการสื่อสารกับอาจารย์ และ 39% ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้น ทั้งนี้ การมีส่วนร่วมในชั้นเรียน เช่น การสนทนา และการฝึกปฏิบัติบนอุปกรณ์พกพา ยังสามารถดึงดูดผู้เรียนออนไลน์ได้จำนวนมาก แม้ว่าจะมีอันดับต่ำกว่ารายการอื่นก็ตาม

mobile phone learning

สถิติ e-learning ของนักเรียน 57% ในสหรัฐอเมริกา เรียนอีเลินนิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด

ก่อนเกิดโรคระบาด หลักสูตรออนไลน์ของวิทยาลัยโดยส่วนใหญ่ มักได้รับความสนใจในผู้สูงอายุที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญา แต่มีภาระผูกพันในชีวิตหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดได้เปลี่ยนแปลงการรับรู้ และนำไปสู่การเปิดรับหลักสูตรออนไลน์ของนักเรียนทั่วไปอย่างกว้างขวาง

การสำรวจในปี 2021 เผยให้เห็นว่า นักเรียน 76% ชอบหลักสูตรออนไลน์ และ นักเรียน 64% ชอบตัวเลือกการเรียนหลักสูตรแบบตัวต่อตัว และแบบออนไลน์

Bay View Analytics ได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากนักศึกษา 1,469 คน และคณาจารย์/ผู้บริหาร 1,286 คนจากสถาบัน 856 แห่งในสหรัฐอเมริกา พบว่า นักเรียนสามในสี่ที่ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรออนไลน์ในปัจจุบัน ต้องการเรียนหลักสูตรออนไลน์เพิ่มเติมในอนาคต

สถิติ e-learning ในช่วงปี 2021 พบว่า นักศึกษาระดับอุดมศึกษาของสหรัฐฯ 30.3% ต้องเรียนหลักสูตรออนไลน์ทั้งหมด

ในขณะที่ 27.9% มีส่วนร่วมในการเรียนออนไลน์เพียงบางส่วน ทั้งนี้ สถิติ e-learning ของกลุ่มประชากรทั้งสองมีจำนวนลดลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากโรคระบาดที่ลดลง

รายงานปี 2024 พบว่า ผู้เรียนออนไลน์ 1 ใน 3 ระหว่างปี 2020 ถึง 2024 ไม่เคยคิดที่จะเรียนออนไลน์ก่อนเกิดโรคระบาด

และนักเรียน 59% ที่เคยลงทะเบียนในโปรแกรมเรียนออนไลน์ วางแผนที่จะเรียนออนไลน์ต่อไป

สถิติการเรียนออนไลน์พบว่า 18% ของผู้เรียน มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปเรียนในห้องเรียนจริง และ 16% มีแนวโน้มสูงมาก หรือคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ที่ต้องการโอนย้ายไปยังวิทยาเขตของตัวเอง

ซึ่งมีแรงจูงใจมาจากความต้องการสร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมากขึ้น (49%) และต้องการเรียนแบบตัวต่อตัว (36%)

นักเรียนออนไลน์หลังโควิด

โดยรวมแล้ว หลังเกิดโรคระบาดทำให้สถิติ e-learning มีความคิดเห็นเชิงบวกเพิ่มขึ้นจาก 82% เป็น 91%

ส่วนความคิดเห็นเชิงลบลดลงครึ่งหนึ่ง

ในปี 2022 Western Governors University ในรัฐ Utah มีจำนวนนักศึกษาสูงสุด (136,139) ที่ลงทะเบียนในหลักสูตรออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา

ตามมาด้วย Southern New Hampshire University ในอันดับที่ 2 ที่มีนักศึกษาลงทะเบียน 106,375 คน

การฝึก E-learning ในองค์กร

ในปี 2021 ทั่วโลกมีระบบอีเลิร์นนิงขององค์กรที่มีมูลค่าประมาณ 2.25 หมื่นล้านดอลลาร์

และคาดว่าจะขยายตัวต่อไปเฉลี่ยปีละประมาณ 10.5% โดยคาดว่าภายในปี 2018 จะมีมูลค่าเกือบ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์

สถิติ e-learning ในปี 2019 พบว่า 82% ของพนักงานในองค์กร เชื่อว่า วิดีโอแบบอินเทอร์แอคทีฟมีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจได้ดีกว่า

งานวิจัยเผยให้เห็นว่า แม้ว่าการกระตุ้นให้พนักงานได้รับการฝึกอบรมและเรียนอีเลินนิ่งผ่านวีดีโออาจเป็นเรื่องยาก และพนักงานประมาณ 72% ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอย่างเต็มที่มากนัก แต่การค้นพบนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า วิดีโอแบบอินเทอร์แอคทีฟสามารถเพิ่มระดับความสนใจได้มากขึ้น

corporate training

91% ของพนักงาน ใช้วิดีโอสำหรับการฝึกอบรม เพื่อเรียนรู้ในสถานที่ทำงานของพวกเขา

กว่า 90% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่า วิดีโอเป็นวิธีการเรียนรู้ทักษะเฉพาะในสภาพแวดล้อมการทำงาน แม้ว่า Gen Z จะคุ้นเคยกับวิดีโอ แต่คนรุ่นอื่น ๆ ก็ใช้แนวทางนี้ได้เช่นกัน

อัตราการใช้วิดีโอเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เกือบจะเท่ากันในทุกรุ่น และการแพร่หลายของวิดีโอคุณภาพสูง จากแพลตฟอร์มอย่าง Netflix และ Hulu มีผลต่อความคาดหวังในที่ทำงาน

สถิติ e-learning พบว่า ระยะเวลาที่ใช้อบรมลดน้อยลงประมาณ 40% – 60% เมื่อเทียบกับการอบรมแบบเดิม

วิธีการฝึกอบรมแบบดั้งเดิม เช่น การฝึกอบรมแบบมีผู้สอน จะต้องใช้เวลาและค่าเดินทางจำนวนมาก แต่การเรียนอีเลินนิ่งจะช่วยให้พนักงานจัดสรรเวลาและความรับผิดชอบได้ดีมากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้และการพัฒนา (L&D) ให้เวลา 57% แก่อีเลิร์นนิง ตามการค้นพบของ Linkedin

การแพร่ระบาดทำให้การเรียนรู้ออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความคุ้มค่า, เป็นการใช้เทคโนโลยีแบบ Interactive และเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผู้เรียน ปัจจัยเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงการศึกษาโดยรวม, เปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ และลดการฝึกอบรมในห้องเรียนแบบเดิม ๆ ได้

เมื่อต้นปี 2020 งานวิจัยชี้ว่า 38% ของผู้เชี่ยวชาญด้าน L&D คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมโดยมีผู้สอน (ILT) ได้ ในขณะที่ 57% คาดว่าจะต้องเพิ่มการลงทุนเพื่อการเรียนรู้ออนไลน์

ในปัจจุบัน สถิติ e-learning เหล่านี้เปลี่ยนแปลงไป โดย 73% ของผู้เชี่ยวชาญด้าน L&D คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายใน ILT จะลดลง และ 79% คาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายการเรียนรู้ออนไลน์จะเพิ่มขึ้น

linkedin online training

จากข้อมูลของ Chartered Institute of Professional Development ในสหราชอาณาจักร ในปี 2020 มีองค์กรเพียง 36% เท่านั้น ที่ใช้การสัมมนาผ่านเว็บหรือห้องเรียนเสมือนจริง

ในปี 2021 สถิติ e-learning เพิ่มขึ้นเป็น 51% อย่างไรก็ตาม องค์กรต่าง ๆ ค่อย ๆ นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง (เช่น แอพมือถือ แชทบอท VR และ AR) 

หลักสูตร E-learning

คาดว่าหลักสูตรการเรียนการสอนออนไลน์แบบเสรี (MOOC) จะมีมูลค่าสูงถึง 64,034 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 การเติบโตนี้คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจาก CAGR ที่ 36.7%

ในปี 2021 MOOC มีผู้เรียนเข้าถึงกว่า 220 ล้านคน ยกเว้นในจีน และในปีเดียวกัน ผู้ให้บริการได้เปิดตัวหลักสูตรกว่า 3,100 หลักสูตร และ Micro-Credential 500 รายการ

ในปี 2021 มีผู้เรียนรายใหม่ 40 ล้านคนลงทะเบียนใน MOOC อย่างน้อย 1 หลักสูตร เทียบกับในปี 2020(ที่เกิดโรคระบาด) มีมากถึง 60 ล้านคน 

ย้อนกลับไปในปี 2011 มีนักศึกษามากกว่า 300,000 คน เข้าร่วมใน MOOC ผ่านหลักสูตรเสริม 3 หลักสูตร ที่เปิดสอนโดยมหาวิทยาลัย Stanford

หลักสูตรเหล่านี้โฮสต์บน Coursera ซึ่งรวบรวมการลงทะเบียนจากตัวแทน 190 ประเทศ และมีบทบาทใน MOOC ซึ่ง Coursera เป็นจุดเริ่มต้นสู่แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น edX และ Udacity

ประมาณ 1 ใน 3 ถึงครึ่งหนึ่ง ของบรรดาผู้ที่ลงทะเบียนใน MOOC ช่วงแรก ๆ ไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมใด ๆ

สถิติ e-learning พบว่า ผู้ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างน้อย 1 กิจกรรม คิดเป็นประมาณ 5-10% ดำเนินการต่อเพื่อรับใบรับรองเมื่อจนหลักสูตร

ในปี 2021 หรือครบ 1 ทศวรรษหลังจาก MOOC ถือกำเนิดขึ้น มีหลักสูตรมากถึง 19,400 หลักสูตร

ในตอนแรก ผู้ให้บริการ MOOC อาศัยมหาวิทยาลัยอย่างมากในการพัฒนาหลักสูตรของตน แต่การพึ่งพานี้ลดน้อยลง

ถ้าคุณสนใจวิธีทำบัญชีสำหรับธุรกิจของคุณโดยใช้ Excelเยี่ยมชมคำแนะนำของเรา

เพราะทุกปีจะมีหลักสูตรจากบริษัทต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น Google, Microsoft, Amazon และ Facebook

non-uni courses

หลังการแพร่ระบาด ผู้เรียนรายใหม่มีจำนวนลดน้อยลง โดยในปี 2021 มีผู้เรียนใหม่ประมาณ 40 ล้านคน ที่ลงทะเบียนใน MOOC อย่างน้อยหนึ่งหลักสูตร ตรงกันข้ามกับในปี 2020 ที่มีมากถึง 60 ล้านคน

ความเป็นมาของอีเลิร์นนิง

ทศวรรษที่ 1960: แนวคิดคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAL) เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ในยุคแรก ๆ 

1970s: PLATO (Programmed Logic for Automatic Teaching Operations) เป็นผู้บุกเบิกระบบการเรียนรู้ผ่านระบบ Interactive

ทศวรรษที่ 1980: คอมพิวเตอร์รุ่นบุกเบิกของ Apple ถูกนำมาใช้ในห้องเรียนของอเมริกา ในช่วงทศวรรษที่ 1980 Apple เริ่มต้นโครงการ “Kids Can’t Wait” ในปี 1983 โดยบริจาค Apple IIe จำนวนมากให้กับโรงเรียนใน California

ทศวรรษที่ 1990: อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้าถึงได้มากขึ้น ทำให้เกิดแพลตฟอร์มการเรียนอีเลินนิ่งบนเว็บ และระบบการจัดการเรียนรู้ (LMS) ในยุคแรก

2001: MIT เปิดตัว OpenCourseWare ซึ่งเข้าถึงการเรียนออนไลน์ในหลักสูตรสาขาวิชาต่าง ๆ ได้ฟรี

2002: สถิติ e-learning พบว่า นักเรียนกว่า 1.6 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรออนไลน์อย่างน้อย 1 หลักสูตร

2005: การเปิดตัวของ YouTube ทำให้การแชร์วิดีโอเพื่อการศึกษาเป็นเรื่องง่าย และกลายเป็นทรัพยากรการเรียนรู้ที่มีค่า

2008: เกิดหลักสูตรออนไลน์แบบเสรีจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะแพลตฟอร์มอย่าง Coursera และ edX ที่มีหลักสูตรฟรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง

2011: Khan Academy เปิดตัวการเรียนรู้ออนไลน์รูปแบบใหม่ด้วยบทเรียนแบบวิดีโอสั้น ๆ และแบบฝึกหัดแบบ Interactive

2012-3: Learning Experience Platform (LXP) 3 แห่งแรกเกิดขึ้น ได้แก่ Degreed, Edcast และ Pathgather ถือเป็นจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้

2015: 87% ของนักศึกษามหาวิทยาลัย ใช้แล็ปท็อปเพื่อการเรียน และเสริมด้วยการใช้สมาร์ตโฟน, แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ไฮบริด

2019: Zoom เป็นเครื่องมือประชุมผ่านวิดีโอ ที่ได้รับความนิยมสำหรับห้องเรียนเสมือนจริง และการเรียนรู้ทางออนไลน์

2020: การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นการเร่งการนำ e-learning มาใช้ ในมหาวิทยาลัย, โรงเรียน และธุรกิจต่าง ๆ 

2021: สถิติ e-learning ด้านการใช้งานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักเรียนกว่า 1.6 พันล้านคนทั่วโลก ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงเรียนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

2022: ผู้ตอบแบบสำรวจของ Wiley ระบุว่า โรคระบาดเปลี่ยนการรับรู้ของนักเรียนเกี่ยวกับการศึกษาออนไลน์ในมุมมองเชิงบวก เพิ่มขึ้นจาก 86% เป็น 94% และมุมมองเชิงลบลดลงจาก 14% เป็น 6%

สถิติการเรียนออนไลน์

2024: คาดการณ์ว่าในปี 2024 AI จะช่วยเพิ่มศักยภาพระบบการจัดการเรียนรู้ (LMS) ได้มากกว่า 47% ช่วยให้นักศึกษาและผู้ฝึกอบรม สามารถจัดเตรียมการเรียนรู้และเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้

สถิติ e-learning และการจัดการเรียนรู้ (LMS)

Zoom

Zoom Video Communications หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Zoom ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดย Eric Yuan

zoom logo

ในช่วงแรก Zoom ถูกพัฒนาให้ใช้เพื่อประชุม Video Conferencing อย่างไรก็ตาม มันได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของ COVID-19 โดยใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการทำงานออนไลน์, การประชุมออนไลน์ และกิจกรรมเสมือนจริง

Zoom ขยายความช่วยเหลือไปยังโรงเรียน 90,000 แห่ง ใน 20 ประเทศ ในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดทั่วโลก เพื่อช่วยเหลือเรื่องการศึกษาระยะไกลสำหรับเด็ก ๆ

ก่อนเดือนธันวาคม 2019 ผู้ใช้งานบน Zoom สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม 2020 Zoom มีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านรายต่อวัน (เพิ่มขึ้น 2,000%) สำหรับการประชุมแบบฟรีและแบบเสียเงิน

สถิติ e-learning ในปี 2022 ระบุว่า การใช้ Zoom Meeting สำหรับการเรียนออนไลน์ในโรงเรียนประถม มีผลต่ออัตราความเข้าใจถึง 72.5%

การศึกษานี้ใช้วิธีการสำรวจแบบเจาะจง และวิเคราะห์ข้อมูลจาก 3 ส่วน ได้แก่แบบทดสอบ, แบบสอบถาม และการสัมภาษณ์ โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนจำนวน 160 คน ที่กรอกแบบสอบถามออนไลน์

Zoom Video Communication มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 7.5% ในช่วงปีงบประมาณ 2024 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

สำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2023 Zoom มีรายได้ประมาณ 4.4 พันล้านดอลลาร์

Udemy

Udemy ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดย Eren Bali, Oktay Caglar และ Gagan Biyani โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแพลตฟอร์มสำหรับบุคคลทั่วไป ในการสร้างและแบ่งปันหลักสูตรออนไลน์หัวข้อต่าง ๆ

udemy logo

ณ เดือนมิถุนายน 2023 แพลตฟอร์มดังกล่าวมีฐานผู้ใช้งาน 64 ล้านคน โดยมีหลักสูตรมากกว่า 210,000 หลักสูตร ที่สอนโดยผู้สอนกว่า 75,000 คนในเกือบ 77 ภาษา และมีการลงทะเบียนหลักสูตรบนแพลตฟอร์มมากกว่า 870 ล้านครั้ง

ในปี 2020 เมื่อการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่บรรทัดฐานที่แพร่หลาย ผลลัพธ์ได้แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากทุกภาคส่วนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น:

  • การลงทะเบียนที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งถึง 425%
  • หลักสูตรที่เพิ่มขึ้น 55%
  • การใช้งานโดยธุรกิจและรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น 80%

หลักสูตรต่าง ๆ บน Udemy มีให้เลือกถึง 77 ภาษา โดยสถิติ e-learning ประมาณ 59% จะใช้ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาอื่น ๆ ที่พบมากที่สุดบนแพลตฟอร์ม ได้แก่:

  • โปรตุเกส — 9%
  • สเปน — 8%
  • ตุรกี — 4%
  • ญี่ปุ่น — 3.5%

หลักสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Udemy คือ หลักสูตรด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ ซึ่งคิดเป็น 74.6% ของหลักสูตรทั้งหมด หลักสูตรอื่น ๆ ได้แก่:

  • ออกแบบ
  • การสอนและวิชาการ
  • การพัฒนาตัวเอง
  • การตลาด
  • การใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ
  • การเงิน
  • การถ่ายภาพ
  • สุขภาพ
  • ไลฟ์สไตล์
  • ดนตรี

courses udemy

Coursera

Coursera ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดย Andrew Ng และ Daphne Koller และเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อนำเสนอหลักสูตรและปริญญาออนไลน์คุณภาพสูง

coursera logo

ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2020 Coursera มีผู้เรียนหน้าใหม่เพิ่มกว่า 21 ล้านคน การเพิ่มขึ้นนี้คิดเป็น 353% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ในช่วงเวลานั้น แพลตฟอร์มมีการลงทะเบียนเรียนมากกว่า 50 ล้านหลักสูตร ซึ่งมีสถิติ e-learning เพิ่มขึ้น 444%

สถาบันอุดมศึกษาหลายพันแห่ง ได้รวมเอา Coursera เข้ากับหลักสูตรของตน ซึ่งเป็นเส้นทางการเรียนรู้สำหรับนักเรียน

Coursera เติบโตได้ดีกว่าคู่แข่ง และรักษาการเติบโตในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคได้ดีที่สุด

coursera คู่แข่ง

ในปี 2020 ประเทศที่มีผู้เรียนใน Coursera มากที่สุด ได้แก่:

ประเทศ จำนวนผู้เรียน (ล้านคน)
สหรัฐอเมริกา 14
อินเดีย 9.8
เม็กซิโก 3.8
จีน 3.5
บราซิล 3

หากพิจารณาการเพิ่มขึ้นของผู้เรียน ประเทศ 5 อันดับแรกบนแพลตฟอร์ม ได้แก่:

  • บังกลาเทศ – 192%
  • ไทย – 128%
  • คาซัคสถาน – 114%
  • อาร์เจนตินา – 113%
  • ฟิลิปปินส์ – 107%

สถิติ e-learning ในปี 2022 พบว่า Coursera มีจำนวนผู้ใช้ที่ลงทะเบียนแล้วกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก และในปีเดียวกันนี้ Coursera ยังมีฟีเจอร์และนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกหลายอย่าง เช่น:

  • การเปิดตัว “AI for Everyone” ที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้โลกของ AI ชัดเจนมากขึ้น และทำให้ผู้เรียนที่ไม่มีพื้นฐานทางเทคนิคสามารถเข้าถึงได้ ความเชี่ยวชาญนี้ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น การใช้งาน ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม และข้อพิจารณาด้านจริยธรรม
  • การปรับปรุงอินเตอร์เฟส, คำแนะนำส่วนบุคคล และฟีเจอร์การเรียนรู้ที่ปรับเปลี่ยนได้ เพื่อปรับเส้นทางการเรียนรู้ให้เหมาะกับความก้าวหน้า และความชอบของแต่ละคน
  • ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยและผู้นำในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้เรียนเข้าถึงหลักสูตร ความเชี่ยวชาญพิเศษ และหลักสูตรระดับปริญญาที่หลากหลายมากขึ้น
  • มุ่งเน้นทักษะในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับงาน, ความเชี่ยวชาญพิเศษ และใบรับรองที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะภาคปฏิบัติที่นายจ้างต้องการ
  • ขยายการเข้าถึงในพื้นที่ที่ด้อยโอกาส ในประเทศที่การศึกษาแบบดั้งเดิมเข้าถึงได้น้อย
  • ปรับปรุงวิธีการประเมิน, การสอนแบบ Interactive และเครื่องมือการเรียนรู้ร่วมกัน
  • เพิ่มการมีส่วนร่วมในชุมชนผ่านฟอรัมหรือกระดานสนทนา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน เพื่อการทำงานร่วมกัน และเรียนรู้จากกันและกันได้

Lynda

Lynda.com หรือต่อมาคือ LinkedIn Learning หลังจากซื้อกิจการโดย LinkedIn ถูกก่อตั้งในปี 1995 โดย Lynda Weinman และ Bruce Heavin พวกเขามุ่งเน้นการจัดทำวิดีโอการสอนสำหรับซอฟต์แวร์ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะทางธุรกิจ

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมประเมินว่า ฐานผู้ใช้ของ Lynda มีมากกว่า 5.4 ล้านคน แพลตฟอร์มนี้ถูกกำหนดให้เข้าถึงได้สำหรับชุมชนที่กำลังขยายตัวทั่วโลกของ LinkedIn ที่มีสมาชิกกว่า 347 ล้านคน

สถิติ e-learning ระหว่างปีการศึกษา 2018-2019 ใน Ontario ประเทศแคนาดา พบว่า นักเรียน คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ประมาณ 80,000 คน จากสถาบันหลังมัธยมศึกษาใน Ontario สามารถเข้าถึงวิดีโอบทช่วยสอนใน Lynda.com ได้ฟรี

สถิติการเรียนออนไลน์ พบว่า ประมาณ 60% ของคนที่ใช้แพลตฟอร์มอยู่ในวิทยาลัย และ 40% ที่เหลืออยู่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งมีผู้ใช้น้อยกว่า 1 ใน 4 ที่สำเร็จหลักสูตรทั้งหมด 

คำถามที่พบบ่อย

เรียนอีเลินนิ่งได้ผลมากแค่ไหน?

อัตราการเติบโตตามสถิติ e-learning เป็นอย่างไร?

แนวทางพัฒนา LMS ในอนาคตเป็นอย่างไร?

อ้างอิง