บทบาทของ AI กับการท่องเที่ยวกำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนวิธีเดิม ๆ ไปสู่การผจญภัยในรูปแบบใหม่อย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่มุ่งมั่นจะยกระดับบริการการท่องเที่ยว หรือนักท่องเที่ยวที่ชอบค้นหาประสบการณ์ใหม่ ๆ การทำความเข้าใจเรื่อง AI กับธุรกิจท่องเที่ยวผ่านสถิติที่สำคัญ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่คุณไม่ควรมองข้ามไปเลย
ข้อมูลโดยย่อเกี่ยวกับ AI กับการท่องเที่ยว
- 68% ของผู้ใช้แชทบอท พึงพอใจในความสะดวกและการตอบกลับที่รวดเร็ว
- 75% ของนักท่องเที่ยวไว้ใจให้ AI วางแผนเที่ยว
- 40% ของคนในสหรัฐอเมริกา สนใจการท่องเที่ยวเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- AI กับการท่องเที่ยว มีมูลค่าถึง 81.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022
- ในปี 2032 คาดว่า Generative AI ในตลาดการท่องเที่ยวจะสูงถึง 3.58 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก
AI ถูกนำมาใช้ในการท่องเที่ยวอย่างไร?
Artificial intelligence (AI) กำลังถูกนำไปใช้ในภาคการท่องเที่ยวผ่านช่องทางต่าง ๆ และมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อันเนื่องมาจากโลกาภิวัตน์ สิ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ
AI กับการท่องเที่ยวสามารถปรับปรุงงานต่างๆ ได้ เช่น การคัดกรองสัมภาระ แอพหาทางไปสนามบิน บริการเจ้าหน้าที่ในโรงแรม การวางแผนการท่องเที่ยว ระบบการจองต่าง ๆ และอื่น ๆ การลงทุนใน AI สามารถเพิ่มประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน เพิ่มขีดของพนักงาน ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ และบรรลุผลประโยชน์อื่น ๆ ได้มากมาย
จากการศึกษาของ Accenture การนำ AI ไปใช้ในด้านการท่องเที่ยว เกิดขึ้นเร็วกว่าการเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลทั่วไปถึง 16 เดือน
สัดส่วนรายได้ของบริษัทการท่องเที่ยวที่ “ได้รับอิทธิพลจาก AI” เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ระหว่างปี 2018 ถึง 2021 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายในปี 2024
ในปี 2021 ข้อมูลเชิงลึกของ AI มีอิทธิพลต่อรายได้ของบริษัทท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ถึง 21% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 9% ในปี 2018 ในขณะที่ ส่วนแบ่งรายได้ที่ได้รับอิทธิพลจาก AI ในอุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 32% ภายในปี 2024
AI กับการท่องเที่ยวเพื่อการบริการลูกค้า
AI สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล ดึงข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าที่ช่วยยกระดับการโต้ตอบกับลูกค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานได้ การใช้ AI วางแผนเที่ยวจะทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น พร้อมบริการอัตโนมัติที่ปรับแต่งได้อย่างเหมาะสม และใช้ทรัพยากรที่มีจำนวนมากได้โดยอัตโนมัติ AI จึงช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่าย เปลี่ยนเส้นทางการทำงานของพนักงานไปสู่หน้าที่ที่สำคัญกว่า และจัดการกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้
แชทบอทได้เข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้วยการสนับสนุนลูกค้าแบบทันทีและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกค้า ฟังก์ชันการทำงานของแชทบอทอาศัยการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้โมเดลที่ได้รับการฝึกอบรมจาก AI เพื่อทำความเข้าใจ และตอบสนองผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ
68% ของผู้ใช้พึงพอใจในความสะดวก และอัตราการตอบกลับที่รวดเร็วของแชทบอท ซึ่งช่วยทำให้เกิดการสื่อสารโดยตรงระหว่างลูกค้าและบริษัทท่องเที่ยว ลดเวลารอคอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมอบการบริการที่รวดเร็ว เป็นมิตร และง่ายดาย ผู้ช่วยในอุตสาหกรรม AI กับการท่องเที่ยวเหล่านี้ สามารถจัดการ รวบรวมข้อมูล และแก้ไขปัญหาได้อย่างเชี่ยวชาญ โดยไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์สักคน
หลายบริษัทสามารถเพิ่มยอดจอง และ ROI ได้จากแชทบอท ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อประเมินผลกระทบด้วย Comm100 Chatbot ที่ต่อเข้ากับศูนย์ติดต่อบริษัท
ขนาดของบริษัท
เงินเดือนพนักงาน
ระยะเวลาแชทเฉลี่ย
จำนวนแชทที่ทำได้พร้อมกัน
ปริมาณการแชทที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
25
50,000 ดอลลาร์
12 นาที
3
10%
ปริมาณการแชทที่เพิ่มขึ้น 10% ต่อปี จะเป็นการเพิ่มจาก 780,000 แชท เป็น 858,000 แชท ซึ่งบริษัทอาจต้องการพนักงานเพิ่มอีก 3 คนหรือหากใช้ Comm100 Chatbot เพียง 1 ตัว ก็ตอบสนองงานนี้ได้เช่นกัน
การใช้แชทบอทจะช่วยลดค่าใช้จ่ายบริษัทลงเหลือ 1.34 ล้านดอลลาร์ หรือประหยัดเงินได้ปีละ 94,564 ดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้ ROI เป็น 59.3%
การศึกษาโดย Juniper Research พบว่า การโต้ตอบด้วยแชทบอทสามารถเพิ่มยอดขายจาก 7.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2019 ให้เป็น 112 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2023 ได้ การศึกษายังเผยให้เห็นว่า การโต้ตอบโดยแชทบอทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นการขายเป็น 22 พันล้านชิ้น ภายในปี 2023 จากเดิมที่เคยขายอยู่ที่ 2.6 พันล้านชิ้นในปี 2019
ตามข้อมูลของผู้ให้บริการแชทบอท ค่าใช้จ่ายของแชทบอทอยู่ในช่วงตั้งแต่ 0 ถึง 1,000 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งต้นทุนจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับงาน โดยงานที่สามารถกำหนดให้แชทบอททำได้ ได้แก่:
- งานบริการลูกค้า
- ระบบนำทางในเว็บไซต์
- การสร้างกำหนดการหรือการลงทะเบียน
- การทำธุรกรรม
- การสร้างความน่าดึงดูดให้ลูกค้าสนใจสินค้า
Generative AI กับการวางแผนการท่องเที่ยว
การสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 เผยให้เห็นว่า 40% ของคนในสหรัฐอเมริกา สนใจตัวแทนการท่องเที่ยวเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วย AI กับการท่องเที่ยวที่มีการสนับสนุนลูกค้า นอกจากนี้ 38% ยังสนใจให้ AI แพลนเที่ยวให้ด้วย
Generative AI สามารถตีความข้อมูลของลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง ทั้งประวัติการท่องเที่ยวและความชอบส่วนตัว ซึ่งจะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างคำแนะนำส่วนบุคคล เช่น จุดหมายปลายทาง กิจกรรม และแผนการท่องเที่ยวได้
75% ของนักท่องเที่ยว ไว้ใจให้ AI วางแผนที่พักให้ โดยในเดือนสิงหาคม 2022 การสำรวจทั่วโลกได้สอบถามเกี่ยวกับ AI กับการท่องเที่ยวในปี 2023 ซึ่งส่วนใหญ่ไว้วางใจให้ AI วางแผนที่พักมากที่สุด ส่วนประเด็นอื่น ๆ ก็มีความสอดคล้องและใกล้เคียงกัน ได้แก่:
- 74% ใช้ AI จัดการการขนส่งระหว่างประเทศ
- 74% ใช้ AI จัดการการขนส่งในประเทศ
- 73% ใช้ AI ต่ออายุหนังสือเดินทาง
- 72% ใช้ AI ค้นหาประกันและการท่องเที่ยวส่วนบุคคล
- 72% ใช้ AI สำหรับงาน/การประชุม
- 70% ใช้ AI ค้นหาอาหารและความบันเทิง
- 70% ใช้ AI ทำกิจกรรมเชิงประสบการณ์
- 70% ใช้ AI พิจารณาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมการท่องเที่ยว
ในเดือนเมษายน 2023 ผู้ตอบแบบสำรวจประมาณ 30% ในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มปานกลางถึงสูงที่จะใช้ ChatGPT เพื่อจัดทริปเที่ยวในทางตรงกันข้าม 26% ของผู้ตอบแบบสำรวจ คิดว่าโอกาสจะใช้เครื่องมือนี้น้อยมากหรือแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้
ตามรายงานของ Euromonitor International นักท่องเที่ยวมีการใช้เครื่องมือ AI เช่น ChatGPT เพื่อวางแผนการท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงเครื่องมือ AI บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ ตราบใดที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยไม่คำนึงถึงสถานที่หรือเวลา Caroline Bremner หัวหน้าฝ่ายวิจัยการท่องเที่ยวของ Euromonitor International กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นอย่างมาก นี้บ่งบอกถึงความสะดวกสบาย และการเข้าถึงตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน”
97.8% ของผู้บริหารด้านการท่องเที่ยว คาดการณ์ว่าการใช้ AI กับการท่องเที่ยวจะมีอิทธิพลต่อกัน โดยในปี 2023 AI จะเข้ามาพลิกโฉมการจองทริปท่องเที่ยว โดยเชื่อว่า 66% เป็นการจองผ่านทางออนไลน์ และ 35% ของยอดจองออนไลน์เป็นการจองผ่านมือถือ
โรงแรมและที่พัก
ผู้ให้บริการ เช่น โรงแรมและที่พัก ได้นำ AI มาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของแขก ด้วยการนำเสนอบริการเฉพาะบุคคลและการโต้ตอบที่ราบรื่น
AI ปรับปรุงการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพงาน เช่น การจอง การเช็คอิน และการดูแลทำความสะอาด เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ การวิเคราะห์ผ่าน AI ยังให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับความชอบและแนวโน้มของแขก ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถตัดสินใจด้วยข้อมูล และปรับแต่งข้อเสนอให้สอดคล้องได้
AI แชทบอท และหุ่นยนต์ในโรงแรม
ในการสำรวจผู้ประกอบการโรงแรมทั่วโลกในเดือนมกราคม 2022 ผู้เชี่ยวชาญด้านโรงแรมได้คาดการณ์ว่า การใช้แชทบอทในภาคการบริการจะเพิ่มขึ้น 53% โดยคาดว่าการใช้เทคโนโลยีนี้จะเพิ่มขึ้น 42% ในโรงแรมเครือดัง ๆ และเพิ่มขึ้น 64% ในโรงแรมทั่วไป
แชทบอทสามารถวางแผนบริการที่หลากหลาย โดยผสมผสานทั้งการดำเนินงานภายในและการโต้ตอบของแขกได้ เช่น:
- การสั่งอาหาร
- การจัดรถขนส่ง
- การจัดการตารางเวลา
- การตั้งปลุก
- การจัดบริการห้องพัก
- การประสานงานกับแม่บ้าน
- การรับแจ้งสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม
จากข้อมูลของผู้ให้บริการแชทบอท การใช้แชทบอทสามารถเพิ่มความพึงพอใจของแขกและลดต้นทุนโรงแรมได้
นี่คือเหตุผลบางประการว่า ทำไมอุตสาหกรรมโรงแรมจึงใช้แชทบอท:
- บริการลูกค้าได้ตลอด 24/7
- กำหนดโปรโมชั่นส่วนบุคคลได้
- ช่วยลดต้นทุน
- ช่วยให้พนักงานมีเวลาไปทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
- เพิ่มยอดจอง
เครือโรงแรมระดับโลกที่ใช้ประโยชน์จากแชทบอทเพื่อยกระดับประสบการณ์ของแขก และช่วยทำงานในโรงแรม ได้แก่:
- โรงแรม Marriott
- โรงแรม Hyatt
- โรงแรม GRT
การใช้หุ่นยนต์พนักงานต้อนรับที่ขับเคลื่อนด้วย AI กับการท่องเที่ยวในภาคโรงแรมกำลังได้รับความนิยม ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว
หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถจัดการบริการรูมเซอร์วิส ทำให้การเช็คอินของผู้เข้าพักเป็นไปได้อย่างราบรื่น เช่น โรงแรมชื่อดังเครือ Marriott เช่น St. Regis, Westin และ Aloft ได้เปิดตัวหุ่นยนต์ Alexa เพื่อบริการนักท่องเที่ยว
พิพิธภัณฑ์และไกด์ทัวร์
ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีและประสบการณ์ของมนุษย์ ทำให้ AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมงานศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมได้ การสำรวจในปี 2021 โดย Museum Booster เปิดเผยจำนวนพิพิธภัณฑ์ที่ใช้ AI กับการท่องเที่ยว ดังนี้:
- 49% ของพิพิธภัณฑ์ ไม่ใช้ AI ในการทำงาน
- 29% ขาดข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน AI
- 4% ไม่แน่ใจเกี่ยวกับการนำ AI ไปใช้
- น้อยกว่า 20% ใช้ AI ในด้านต่าง ๆ เช่น คอลเลกชัน การบริหาร การจัดการ การศึกษา และการเงิน
AI และ Machine Learning ช่วยให้พิพิธภัณฑ์และสถาบันวัฒนธรรมอื่น ๆ รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวได้ การรวบรวมและการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้พิพิธภัณฑ์เข้าใจผู้เข้าชมได้ดีขึ้น นำไปสู่การปรับปรุงข้อเสนอและบริการ ประเมินประสิทธิภาพ ระบุแนวโน้ม และจัดการกับข้อเสนอแนะได้ถูกต้อง
พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้เข้าชม ได้แก่:
พิพิธภัณฑ์
American Museum of Natural History
The National Gallery
The Metropolitan Museums of Arts
ที่ตั้ง
New York City, USA
London, UK
New York City, USA
วัตถุประสงค์ AI
แบบสำรวจผู้เข้าชม และการวิเคราะห์ความคิดเห็น
พยากรณ์ข้อมูลผู้เข้าชม
ให้การเข้าถึงคอลเลกชัน
ประเภท AI
การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP)
Machine Learning
Machine Vision
พิพิธภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์จาก AI กับการท่องเที่ยว มีดังต่อไปนี้:
การจัดการข้อมูล
ประสบการณ์ผู้เข้าชม
การมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม
ผู้ช่วยอัจฉริยะในพิพิธภัณฑ์ (MIA) สามารถเพิ่มประสบการณ์การเข้าชมพิพิธภัณฑ์โดยรวมได้ โดยมีส่วนในการให้ข้อมูล โต้ตอบ ดูแลความเป็นส่วนตัว และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้าชม
PalaisPopulaire สถาบันศิลปะและวัฒนธรรมในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ใช้ MIA ซึ่งเป็นเทคโนโลยี IBM Watson Assistant ภายในแอปมือถือของพิพิธภัณฑ์ MIA เพื่อช่วยให้ผู้เข้าชมและนักท่องเที่ยว ถามคำถามเกี่ยวกับการจัดแสดงและสิ่งที่นำเสนอได้
การใช้ระบบจดจำใบหน้าด้วย AI กับการท่องเที่ยว สามารถประเมินความพึงพอใจจากประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับได้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Seville ได้ทำการศึกษาเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ว่า AI สามารถวัดอารมณ์และความพึงพอใจในคุณภาพการบริการระหว่างการเข้าชมสถานที่มรดกโลกของ UNESCO ได้อย่างไร
ผลลัพธ์ยืนยันว่า การอ่านสีหน้ามีประสิทธิผลพอ ๆ กับการใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ โดยคะแนนจะถูกกำหนดตามอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความผิดหวัง ความเกลียดชัง ความกลัว ความสุข ความเป็นกลาง ความเศร้า และความประหลาดใจ นอกจากนี้ การทดลองยังยืนยันว่า บุคคลแต่ละคนสามารถแสดงหลาย ๆ อารมณ์ได้พร้อมกันได้ เช่น ความสุขและความประหลาดใจ
การแปลภาษา
เทคโนโลยีการแปลมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วด้วยพลังของ AI ความก้าวหน้าในเทคโนโลยี AI และ NLP ได้ถูกปรับปรุงด้วยเครื่องแปลภาษา ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด
ในปี 2021 ตลาดการแปลด้วยคอมพิวเตอร์ทั่วโลกมีมูลค่าถึง 812.6 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 4.069 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตถึง 19.9% จากปี 2022 ถึง 2030 ปัจจัยที่ผลักดันตลาดเครื่องแปลภาษาทั่วโลก ได้แก่ ความต้องการการสื่อสารหลายภาษา และการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก
ในเดือนพฤษภาคม 2023 Google Translate มียอดดาวน์โหลด 8.82 ล้านครั้ง และกลายเป็นแอพแปลภาษาชั้นนำระดับโลก เมื่อใช้ Google Translate นักท่องเที่ยวสามารถใช้กล้องบนโทรศัพท์ส่องไปที่ข้อความ เพื่อแปลภาษาบนหน้าจอได้ทันที หรือสามารถแปลข้อความจากภาพถ่ายได้ สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการแปลภาษาในภายหลัง
เทคโนโลยีการแปลภาษาที่ขับเคลื่อนโดย AI ช่วยเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวและส่งเสริมการมีส่วนร่วมได้ ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ “Google Lens” ของ Google Translate ช่วยให้สามารถอ่านเมนูร้านอาหาร อ่านป้ายในเมือง หรือสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่าย
ใครบ้างที่ใช้ AI กับการท่องเที่ยว?
จากการสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการในปี 2022 พบว่า 30% ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการใช้ AI บริษัทท่องเที่ยวใช้ AI ในฟังก์ชันที่หลากหลาย ตั้งแต่การบริการลูกค้า การตลาด การดำเนินงาน และการวิเคราะห์ข้อมูล
บริษัทเทคโนโลยีการท่องเที่ยวออนไลน์ กำลังนำ AI มาใช้เพื่อปฏิวัติวิธีวางแผนการท่องเที่ยว และเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยว
การใช้ประโยชน์จากระบบคำแนะนำ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเสนอคำแนะนำด้วย AI กับการท่องเที่ยวส่วนบุคคล ตัวเลือกที่พัก และแผนท่องเที่ยวที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละคนได้ นอกจากนี้ แชทบอทยังสามารถให้บริการลูกค้า ให้ความช่วยเหลือแบบเรียลไทม์ ตอบคำถาม และอำนวยความสะดวกในการจองได้อย่างราบรื่น ในขณะเดียวกัน ก็ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมไปด้วย
เรามาสำรวจบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่ให้บริการเทคโนโลยีออนไลน์ชั้นนำ และสำรวจว่าพวกเขาใช้ AI เพื่อความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์อย่างไร
Booking.com
ในเดือนมิถุนายน ปี 2023 บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่อย่าง Booking.com ได้เปิดตัวโปรแกรมวางแผนแชทเวอร์ชันเบต้าในสหรัฐอเมริกา ที่ใช้เทคโนโลยี ChatGPT ซึ่งช่วยให้สามารถให้คำแนะนำแก่ลูกค้าได้ทันที และจัดทำแผนการท่องเที่ยวที่กำหนดเองได้ โดยพิจารณาจากความสนใจ งบประมาณ เพื่อนร่วมทาง และเป้าหมาย
ชื่อ บริษัท
Booking Holdings
มูลค่าตลาด
112.95 พันล้านดอลลาร์
สำนักงานใหญ่
อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
ภาคส่วน
OTA
บริษัทลูก
เทคโนโลยี AI ที่ใช้
Expedia
ในเดือนเมษายน ปี 2023 Expedia ได้เปิดตัวการวางแผนการท่องเที่ยวแบบสนทนาที่ใช้ ChatGPT
ปลั๊กอิน ChatGPT ได้รับการพัฒนาโดย Expedia ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถสนทนาโดยตรงบนเว็บไซต์ ChatGPT ได้ ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการแชทให้เป็นการโต้ตอบในทันทีได้โดยเลือกปลั๊กอินใน Expedia
สิ่งนี้ช่วยประหยัดเวลาในการให้บริการได้มากกว่า 2 ล้านชั่วโมงในหนึ่งไตรมาส ด้วยการใช้โมเดล AI และโมเดลภาษาขั้นสูง ซึ่ง Expedia นำเสนอวิธีในการสำรวจจุดหมายปลายทาง และเพลิดเพลินกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบบูรณาการให้แก่ลูกค้า
บริษัท
Expedia
มูลค่าตลาด
16 พันล้านดอลลาร์
สำนักงานใหญ่
ซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา
ภาคส่วน
OTA
บริษัทลูก
เทคโนโลยี AI ที่ใช้
Hopper
Hopper อาศัยอัลกอริธึม Machine Learning มากเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยตรวจสอบข้อมูลการท่องเที่ยวกว่า 8 ปี และประมวลผลแบบเรียลไทม์ได้ 5 หมื่นล้านรายการต่อวัน
ในขณะที่ตัวแทนการท่องเที่ยวอื่น ๆ เสนอราคาที่คงที่ แต่ Hopper จะใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อประเมินความเสี่ยงแบบเรียลไทม์ และปรับราคาแบบไดนามิก
บริษัท
Hopper
มูลค่าตลาด
5 พันล้านดอลลาร์
สำนักงานใหญ่
มอนทรีออล, แคนาดา
ภาคส่วน
OTA
บริษัทลูก
เทคโนโลยี AI ที่ใช้
Airbnb
Airbnb ใช้ประโยชน์จาก AI กับการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวด้วย 2 วิธีที่แตกต่างกัน ได้แก่:
- การตรวจสอบประวัติผู้เข้าพักด้วย AI ก่อนที่จะเข้าที่พัก
- กำหนดราคาอัจฉริยะด้วยอัลกอริธึม Machine Learning เพื่อช่วยให้เจ้าของกำหนดราคา เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าพักให้สูงสุดได้
จากผลตอบรับจากฟีเจอร์การกำหนดราคาอัจฉริยะ ส่งผลให้ราคาจองของ Airbnb เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 7% และมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 92%
Brian Chesky ซีอีโอของ Airbnb ตั้งข้อสังเกตว่า AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิศวกรซอฟต์แวร์ได้ โดยคาดว่าเครื่องมือที่คล้ายกับ ChatGPT จะทำให้งานลดลง 30% และทำให้เป็นอัตโนมัติได้ภายใน 6 เดือน
Chesky กล่าวว่า เขาตั้งเป้าที่จะเป็นเลิศในด้าน AI Personalization โดยเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นเรื่อง “ที่ไหนและเมื่อไหร่” ให้เป็นการทำความเข้าใจในเรื่อง “คุณเป็นใคร และสิ่งที่คุณต้องการคืออะไร”
Airbnb ต้องการที่จะพัฒนา AI สู่ระดับสุดยอด โดยนำเสนออินเทอร์เฟซที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งขยายขอบเขตไปไกลกว่าการป้อนข้อความแบบดั้งเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักอย่างมีประสิทธิภาพ
การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรไฟล์ที่ครอบคลุม เพื่อรวบรวมข้อมูลอันมีค่าของลูกค้า ส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสม Airbnb ตั้งใจที่จะสร้างมากกว่าอินเทอร์เฟซแบบข้อความ แต่พวกเขาตั้งใจที่จะพัฒนาโปรไฟล์ที่แข็งแกร่ง ปรับแต่งโมเดล และออกแบบอินเทอร์เฟซ AI ส่วนบุคคลที่รวมรูปภาพและข้อความไว้ด้วยกัน
บริษัท
Airbnb
มูลค่าตลาด
78.81 พันล้านดอลลาร์
สำนักงานใหญ่
ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
ภาคส่วน
ตลาดที่พัก
บริษัทลูก
เทคโนโลยี AI ที่ใช้
Google Maps
Google Maps เป็นแพลตฟอร์มสำคัญของ Google ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ค้นพบสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ค้นหาที่พัก และจัดทริปเที่ยวอย่างชาญฉลาดได้ นักท่องเที่ยวสามารถใช้เพื่อนำทาง สำรวจ และวางแผนการท่องเที่ยว โดยจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทาง สภาพการจราจร การขนส่งสาธารณะ จุดสังเกต จุดสนใจ และอื่น ๆ
แพลตฟอร์มการทำแผนที่ใช้ AI กับการท่องเที่ยว เช่น Computer Vision ช่วยนำเสนอมุมมองแบบเรียลไทม์ได้ ทำให้ Google Maps สามารถทำหน้าที่เป็นไกด์ท้องถิ่นที่น่าเชื่อถือ ช่วยให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้อย่างแม่นยำในทุกสถานที่
Morgan Stanley คาดการณ์ว่า Google Maps จะสร้างรายได้ได้มากกว่า 11 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 ซึ่งรวมถึงการค้นหาบนเดสก์ท็อป (1.23 พันล้านดอลลาร์) และบนมือถือ (9.82 พันล้านดอลลาร์)
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 Google ได้ประกาศเปิดตัว Immersive View บน Google Maps ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้ AI สร้างแบบจำลองและแสดงผลเส้นทาง โดย Immersive View จะใช้ประโยชน์จาก AI ขั้นสูงที่เรียกว่า Neural Radiance Field (NeRF) ซึ่งแปลงภาพปกติให้กลายเป็นภาพ 3 มิติ
Immersive View จะช่วยระบุพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่น โดยให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจว่าควรเยี่ยมชมสถานที่หนึ่ง ๆ ในเวลาใด นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นสถานที่นั้น ๆ ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน และคาดการณ์สภาพอากาศได้ด้วย
Google Maps ยังได้เปิดตัวการค้นหาด้วย Live View ซึ่งรวม AI และ AR เข้าด้วยกัน เมื่อผู้ใช้ยกโทรศัพท์ในขณะเดิน จะสามารถค้นหาจุดสนใจใกล้เคียง เช่น ตู้เอทีเอ็ม ร้านอาหาร สวนสาธารณะ และสถานีขนส่ง ฟีเจอร์นี้จะนำเสนอรายละเอียดที่สำคัญ เช่น เวลาทำการ ความหนาแน่นของผู้คน และให้คะแนน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจภายใต้ข้อมูลที่ครบถ้วน และปรับเวลาให้เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัท
Alphabet
มูลค่าตลาด
สำนักงานใหญ่
ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
ภาคส่วน
เทคโนโลยีการนำทาง
บริการที่เกี่ยวข้อง
เทคโนโลยี AI ที่ใช้
Trip Advisor
ในปี 2022 Trip Advisor ใช้เทคโนโลยีการสนทนาด้วย AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และขยายระยะเวลาการมีส่วนร่วม
ในแคมเปญจะมีระบบสั่งการด้วยเสียง เช่น Alexa และ Google Assistant เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ AI กับการท่องเที่ยว มีส่วนร่วมในการวางแผนการท่องเที่ยวได้ เช่น Abu Dhabi และ Orlando
ผู้ใช้จะใช้เวลาโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 4 นาทีขึ้นไปในการโต้ตอบด้วยข้อความประมาณ 7 รายการ โดยรวมแล้ว แคมเปญ Orlando มีการใช้งานรวม 450 ชั่วโมง ในขณะที่แคมเปญ Abu Dhabi มีการใช้งานมากกว่า 1,300 ชั่วโมง
บริษัท
Trip Advisor
มูลค่าตลาด
2.20 พันล้านดอลลาร์
สำนักงานใหญ่
แมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
บริษัทลูก
เทคโนโลยี AI ที่ใช้
ประโยชน์ของ AI กับการท่องเที่ยว
AI กับการท่องเที่ยว สามารถสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เป็นส่วนตัว และน่าจดจำให้แก่ลูกค้าได้
การศึกษาในสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นปี 2023 ต้องการศึกษาว่า เราจะรู้หรือไม่ว่าข้อความที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ถูกเขียนโดยมนุษย์หรือ AI? สำหรับ GPT-3.5 ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 53% เชื่อว่าข้อความดังกล่าวสร้างขึ้นโดยมนุษย์ และเพิ่มขึ้นเป็น 66.5% ใน GPT-4.0
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
AI สามารถทำให้งานทั่วไปกลายเป็นระบบอัตโนมัติได้ประมาณ 40% การสำรวจที่จัดทำโดย Valoir เน้นว่า การใช้เวลาจำนวนมากในการจัดการปฏิทินและการกำหนดเวลา สามารถปรับปรุงได้ด้วยระบบอัตโนมัติของ AI ข้อมูลเชิงลึกนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการใช้ AI เพื่อทำให้งานเหล่านี้ให้เป็นอัตโนมัติ
หน่วยงานการท่องเที่ยวด้านเทคโนโลยีออนไลน์ และบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ สามารถใช้ประโยชน์จาก AI กับการท่องเที่ยว ผ่านอัลกอริธึมได้หลายวิธี
ประเภทของ AI
วัตถุประสงค์
Personalization algorithms
อัลกอริธึมที่ใช้ AI วิเคราะห์ความชอบ พฤติกรรม และการโต้ตอบของผู้ใช้ เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกโรงแรมและการท่องเที่ยวที่เหมาะกับแต่ละบุคคล
Dynamic pricing algorithms
การใช้ AI ปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาตามความต้องการ การแข่งขัน และข้อมูลในอดีต
Search algorithms
อัลกอริธึมที่ใช้ AI ค้นหาที่พักที่เกี่ยวข้องและเหมาะสมที่สุด
Chatbots and virtual assistants
แชทบอทที่สนับสนุนข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ และสามารถตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการจองได้
Fraud detection
AI ที่ช่วยระบุกิจกรรมการทุจริตระหว่างการจองและการทำธุรกรรม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยได้
Review analysis
การวิเคราะห์ความรู้สึกด้วย AI ผ่านการประเมินรีวิวและคำติชมจากลูกค้า เพื่อปรับปรุงการบริการ
Customer service automation
เครื่องมือที่ใช้ AI ช่วยงานบริการลูกค้าโดยอัตโนมัติ ตอบสนองลูกค้าทันที และสนับสนุนข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
ปรับปรุงงาน
การปรับปรุงงานที่คาดการณ์ด้วย AI ช่วยเพิ่มความพึงพอใจลูกค้าในภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม โดยลดโอกาสที่อุปกรณ์จะเสียหายได้
แหล่งข่าวที่อ้างอิงถึง American Hotel & Lodging Association การควบคุมอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม เป็นสาเหตุหลักที่ลูกค้าไม่พอใจ ซึ่งการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ สามารถช่วยให้ระบบ HVAC ของโรงแรมรักษาอุณหภูมิห้องที่เหมาะสมได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยลดการร้องเรียนได้
การลดต้นทุนเป็นข้อดีหลักของการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ในภาคโรงแรม ด้วยการกำหนดระยะเวลาการบำรุงรักษานอกช่วงเวลาเร่งด่วน และการตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ทำให้โรงแรมสามารถลดการซ่อมแซมฉุกเฉินที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้ นอกจากนี้ การบำรุงรักษาแบบคาดการณ์ล่วงหน้า ยังช่วยให้โรงแรมสามารถยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนอุปกรณ์ก่อนเวลาที่จำเป็นได้ด้วย
พัฒนาอย่างยั่งยืน
ระบบ Intelligent Automation สามารถส่งเสริมความยั่งยืน และเพิ่มผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจได้ ระบบนี้จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และคาดการณ์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยว
ตัวอย่างของ AI กับการท่องเที่ยว เช่น นักวิจัยจาก Pereira-Doel ได้ลองใช้เทคโนโลยีประหยัดน้ำที่ควบคุมโดย AI เพื่อปรับปรุงการอาบน้ำในโรงแรม ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทดลองพบว่า ผู้คนใช้เวลาอาบน้ำลดลง 12.06% ซึ่งตอกย้ำถึงประสิทธิภาพการใช้ AI แบบเรียลไทม์เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ AI ช่วยในการจัดการการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน AI ใช้ข้อมูลการท่องเที่ยวเพื่อเปิดเผยรูปแบบสำหรับการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล อัลกอริธึม Swift จะประมวลผลข้อมูล และช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตรวจจับสถานที่ยอดนิยม คาดการณ์ความต้องการ และจัดการทรัพยากรที่มากเกินไปได้
ข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) คือความท้าทายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ AI สามารถช่วยได้ การขยายตัวของอุตสาหกรรมทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น การพัฒนาที่มากเกินไป การท่องเที่ยวที่มากเกินไป และการพลัดถิ่น การท่องเที่ยวที่มากเกินไปอาจทำให้ทรัพยากรและมลพิษแย่ลง ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพมีความเสี่ยง โดยเฉพาะในระบบนิเวศที่เปราะบาง
AI อาจมีความสำคัญในการพัฒนาหลักการ ESG ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น:
- การติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อม
- การจัดการทรัพยากร
- การวางแผนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
- การประเมินผลกระทบ
- การมีส่วนร่วมของชุมชน
- ความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทาน
- การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์
ความท้าทายของ AI กับการท่องเที่ยว
การนำ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นำมาซึ่งความท้าทายที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ตัวอย่างเช่น การสร้างสมดุลระหว่างระบบอัตโนมัติกับการบริการส่วนบุคคล ซึ่งยังคงเป็นงานที่ละเอียดอ่อน
ขาดข้อมูลที่มีคุณภาพ
การขาดข้อมูลที่มีคุณภาพ ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับการประยุกต์ใช้ AI ในการท่องเที่ยว
ระบบ AI อาศัยอัลกอริธึมหลากหลายเพื่อการคาดการณ์ ให้คำแนะนำ และการตัดสินใจที่แม่นยำ ข้อมูลอาจมีตั้งแต่ความชอบของนักท่องเที่ยว รูปแบบการจองในอดีต พฤติกรรมของผู้ใช้ และข้อมูลจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มักเผชิญกับข้อจำกัดในการรวบรวมและการเข้าถึงข้อมูลที่ครอบคลุม เนื่องจากข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว และกฎระเบียบด้านการปกป้องข้อมูล นอกจากนี้ ธุรกิจขนาดเล็กอาจไม่มีทรัพยากรในการรวบรวมข้อมูลจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้
หากไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ โมเดล AI อาจประสบปัญหาในการให้คำแนะนำที่แม่นยำและเป็นส่วนตัว ทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลง และคาดการณ์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไม่ถูกต้อง เพื่อเอาชนะความท้าทายนี้ การทำงานร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม การใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน และการใช้เทคโนโลยีที่เคารพความเป็นส่วนตัว ไปพร้อม ๆ กับการอนุญาตให้รวบรวมข้อมูล สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ AI ในภาคการท่องเที่ยวได้
การเปลี่ยนงาน
ข้อกังวลหลักประการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับผลของ AI กับการท่องเที่ยว คือ การเปลี่ยนงาน บางครั้ง เครื่องจักรและเทคโนโลยีไม่สามารถจำลองความสามารถที่มนุษย์ทำได้ เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้และการมีปฏิสัมพันธ์โดยตรง
งานที่ต้องใช้ทักษะต่ำและสูง มีแนวโน้มที่จะถูกทดแทนด้วยระบบอัตโนมัติน้อยกว่า เพราะงานที่ต้องใช้ทักษะสูงยังคงปลอดภัย เนื่องจากเป็นงานมีความซับซ้อน และไม่ใช่ประจำ
ในทางกลับกัน งานที่ใช้ทักษะต่ำจะได้รับการสงวนไว้ให้มนุษย์ เพราะความคุ้มค่า งานมีความหลากหลาย และสามารถรวมกิจกรรมที่ไม่ใช่งานประจำเข้าด้วยกันได้ ในทางตรงกันข้าม ตำแหน่งที่มีทักษะปานกลางซึ่งมักเป็นงานประจำ มีโอกาสถูกเทคโนโลยีเข้าแทนที่มากที่สุด
ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้นำด้านการเปลี่ยนงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ โดย 56% ของกิจกรรมและอาชีพของคนญี่ปุ่น ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างมาก การเปลี่ยนแปลงของ AI กับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ปรากฏชัดเจนด้วยการเปิดตัวของโรงแรมที่ดำเนินการด้วยหุ่นยนต์ที่มีชื่อเสียง
ตัวอย่างเช่น ในปี 2015 Henn na Hotel ได้รับความสนใจจากการใช้นวัตกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เพื่อจัดการการดำเนินงานในโรงแรม ที่ปกติแล้วต้องใช้มนุษย์
ตัวอย่างเช่น แขกสามารถเช็คอินที่แผนกต้อนรับ ผ่านหุ่นยนต์ที่สามารถพูดได้หลายภาษา หุ่นยนต์เหล่านี้จะช่วยในการเช็คอิน และให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักได้ หุ่นยนต์ยังสามารถให้ข้อมูลอัปเดตสภาพอากาศ และควบคุมฟีเจอร์ต่าง ๆ ของห้องพัก และบางเวอร์ชันจะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกที่เป็นหุ่นยนต์ คอยนำทางแขกและจัดการเรื่องสัมภาระให้ด้วย
AI อาจทดแทนงานเต็มเวลาได้ประมาณ 300 ล้านตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจนำไปสู่การสร้างงานใหม่ และความสามารถในการผลิตที่เพิ่มขึ้น การคาดการณ์บ่งชี้ว่า ในที่สุด AI จะสามารถยกระดับมูลค่ารวมของสินค้าและบริการที่ผลิตได้ทั่วโลกถึง 7% ต่อปี
ความปลอดภัยและการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับข้อมูลที่มีคุณค่าและละเอียดอ่อนอย่างมากเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว ทำให้การใช้ AI กับการท่องเที่ยวอาจตกเป็นเป้าหมายหลักของแแฮกเกอร์ได้ ภัยคุกคามทางไซเบอร์นี้สามารถนำไปสู่การละเมิด และส่งผลเสียต่อความไว้วางใจของลูกค้าได้
ในปี 2018 สายการบิน Cathay Pacific ประสบกับการละเมิดข้อมูลที่สำคัญ ของผู้ใช้ประมาณ 94 ล้านราย
การละเมิดนี้มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจำนวนมาก เช่น ชื่อ รายละเอียดหนังสือเดินทาง อีเมล และหมายเลขบัตรเครดิต เหตุการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำถึงความเสี่ยงและความท้าทาย ที่สายการบินและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องพยายามปกป้องข้อมูลลูกค้าจากการโจมตีทางไซเบอร์ และการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต
ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2021 ภาคการท่องเที่ยวประสบกับปัญหาการทุจริตทางดิจิทัลสูงสุด ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 68.4% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการโกงบัตรเครดิต ซึ่งลูกค้าใช้บัตรเครดิตปลอม หรือบัตรที่ขโมยมา ซึ่งนำไปสู่การปฏิเสธการชำระเงินบนเว็บไซต์
การโจมตีต่อองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั่วโลกเพิ่มขึ้น 60% ในเดือนมิถุนายน 2022 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2021 การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ บ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น
ผู้โจมตีทางไซเบอร์เล็งเป้าหมายไปที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยรายงานจาก Global Security ของ Trustwave เปิดเผยช่องโหว่ของอุปกรณ์ไอทีในภาคการท่องเที่ยว ดังต่อไปนี้:
- 72% เกิดจากเครือข่ายองค์กร /เครือข่ายภายในมีช่องโหว่
- 14% เกิดจากการโจมตระบบอีคอมเมิร์ซ
- 14% เกิดจากการโจมตีระบบคลาวด์
ด้วยการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ถึง 58% อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจึงตกเป็นเป้าหมายมากที่สุดในเหตุการณ์ดังกล่าว
- 14% ของการโจมตีเกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการเงิน
- 14% ของการโจมตีเกี่ยวข้องกับ CNP (อีคอมเมิร์ซ)
- 14% ของการโจมตีเกี่ยวข้องกับข้อมูลแทร็กการ์ด
ในปี 2019 โรงแรมประสบปัญหาการบุกรุกทางไซเบอร์ถึง 13% โดยติดอันดับการตกเป็นเป้าหมายของแฮ็กเกอร์มากที่สุดในสามอันดับแรก เพราะการจองโรงแรมต้องการข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก บริษัทชั้นนำจึงอาจตกเป็นเหยื่อของแฮกเกอร์ได้
อนาคตของ AI กับการท่องเที่ยว
AI ช่วยเพิ่มเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ระบุว่า AI สามารถ0tมีส่วนสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 ตลาดอาจก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เป็นนวัตกรรม เช่น การบริการลูกค้าอัตโนมัติ การจดจำเสียงและใบหน้า การตลาดอัจฉริยะแบบกำหนดเป้าหมาย และการจัดการความต้องการที่มีประสิทธิภาพ
AI จะเปลี่ยนการท่องเที่ยวและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในอนาคต ตั้งแต่คำแนะนำเฉพาะบุคคล ขั้นตอนการจองที่ราบรื่น การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ และการบริการลูกค้า AI จะปฏิวัติวิธีที่นักท่องเที่ยวใช้โต้ตอบกับการบริการและจุดหมายปลายทาง
ภายในปี 2030 คาดว่าการใช้ AI กับการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 35.2% ซึ่งเพิ่มมูลค่าจาก 81.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 เป็น 908.7 พันล้านดอลลาร์ การขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้ตอกย้ำถึงการที่ AI มีผลต่อการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ในปี 2032 คาดว่ามูลค่าของตลาดการท่องเที่ยวที่ใช้ Generative AI ในระดับโลก จะอยู่ที่ 3.58 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 632.18 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 การเติบโตนี้คาดว่าจะรักษา CAGR คงที่ที่ 18.94% ตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2032
เมืองอัจฉริยะที่ใช้ AI กับการท่องเที่ยว
เมืองอัจฉริยะ เป็นตัวแทนของอนาคต AI โดยการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับบริการในเมือง AI วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการขนส่ง พลังงาน ความปลอดภัย และอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ช่วยยกระดับชีวิตในเมือง คาดการณ์ปัญหา และปรับปรุงการบริการได้ดี เมืองอัจฉริยะจะเรียนรู้และปรับตัวตามความก้าวหน้าของ AI เพื่อให้การใช้ชีวิตในเมืองดีขึ้น
AI สามารถส่งเสริมความก้าวหน้าของเมืองอัจฉริยะได้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Kyung Lee AI กำหนดรูปร่างและเพิ่มฟังก์ชันการทำงานของเมืองอัจฉริยะ ผ่านอัลกอริธึมขั้นสูง การวิเคราะห์ข้อมูล และระบบอัตโนมัติ
“เมืองอัจฉริยะถูกกำหนดให้เป็นเมืองที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT เพื่อนำไปสู่การเติบโตทางสังคมและเมืองผ่านการสนับสนุนระดับเศรษฐกิจ การมีส่วนร่วมของประชาชน และประสิทธิภาพของภาครัฐ”
ตัวอย่างเช่น NEOM เป็นโครงการซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะแห่งอนาคตที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยจาก AI ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของซาอุดีอาระเบีย
เมืองนี้ออกแบบมาให้ใช้พลังงานหมุนเวียน และให้ความสำคัญกับความยั่งยืน นวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัย ในฐานะการเป็นเมืองอัจฉริยะที่มีแนวคิดก้าวหน้า คาดว่าจะมีการใช้ประโยชน์จาก AI กับการท่องเที่ยวในภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยโดยรวม
ณ เดือนสิงหาคม 2023 NEOM มีเขตที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 4 เขต:
- Oxagon – เมืองอุตสาหกรรม
- Trojena – เมืองบนภูเขา
- Sindalah – เกาะหรูหรา
- The Line – เมืองอัจฉริยะรูปแบบเส้นตรง
การตอบสนองของ AI กับการท่องเที่ยว
ในปี 2024 คาดว่า บริษัทการท่องเที่ยวจะจัดสรรงบประมาณด้านเทคโนโลยี ให้กับ AI 33%
ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2018 และเพิ่มขึ้นเป็น 22% ในปี 2021
ในการสำรวจทั่วโลกปี 2021 ประมาณ 67% ของบริษัทท่องเที่ยวที่มีรายได้เกิน 1 พันล้านดอลลาร์ ถูกจัดอยู่ในประเภท “ผู้กำลังทดลอง AI”
ในทางกลับกัน ประมาณ 13% ของบริษัทเหล่านี้เป็น “ผู้ประสบความสำเร็จด้าน AI” โดยมีจุดเด่นอยู่ที่กลยุทธ์ AI ที่แข็งแกร่ง และนำไปใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญ
ผู้ประสบความสำเร็จด้าน AI สามารถเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวได้ถึง 50% นอกจากนี้ และมีความสำเร็จด้านประสบการณ์ของลูกค้า มากกว่าผู้ที่กำลังทดลองใช้ AI ถึง 8%
OTA จะยังคงใช้ Generative AI เพื่อปรับปรุงการบริการลูกค้า และจัดทำแผนการท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่กำหนดเองได้ต่อไป Generative AI จะช่วยให้สามารถตรวจสอบข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาล ทั้งประวัติการท่องเที่ยวและความชอบ เพื่อสร้างข้อเสนอแนะส่วนบุคคลสำหรับจุดหมายปลายทาง กิจกรรม และแผนการท่องเที่ยวได้
ทุกการคลิกและการค้นหา AI จะกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวยุคใหม่ ซึ่งช่วยเติมชีวิตชีวา และเผยให้เห็นคุณค่าที่แอบซ่อนอยู่ ในขณะที่แชทบอทจะช่วยลดอุปสรรคทางภาษาได้อย่างง่ายดาย และปูทางให้ใช้ AI กับการท่องเที่ยวตามความต้องการได้