200 สถิติ Affiliate Marketing ปี 2024 – รวมกลยุทธ์ต้องรู้

สถิติ Affiliate Marketing ที่สำคัญ สามารถเป็นกุญแจเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์การตลาด เพื่อช่วยให้คุณเรียนรู้ว่าอะไรได้ผลและไม่ได้ผลได้อย่างชัดเจน

Affiliate Marketing จึงเป็นเครื่องมือสำคัญของนักการตลาดเกือบทุกคนทั่วโลก เนื่องจากธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์การตลาดแบบพันธมิตรที่ชาญฉลาด เพื่อขยายการเข้าถึงตลาดอย่างรวดเร็ว ทั้งการดึงดูดลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่

เราได้รวบรวม 200 สถิติ Affiliate Marketing จากแหล่งที่มามากกว่า 25 แหล่ง เพื่อให้คุณเห็นคุณค่าที่เป็นไปได้ของสิ่งนี้ ซึ่งเหมาะสำหรับนักการตลาดออนไลน์ ผู้โฆษณา  และผู้เผยแพร่ เพื่อเรียนรู้กลยุทธ์ใหม่ ๆ ให้เป็นประโยชน์

สถิติ Affiliate Marketing ด้านรายได้

รายงานจาก Proficient Market Insights ประเมินมูลค่าแพลตฟอร์มการตลาดแบบพันธมิตรไว้ที่ 15.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 และคาดการณ์ CAGR ที่ 9.89% ถึงปี 2027 ซึ่งจะทำให้มูลค่าตลาดอยู่ที่ 27.8 พันล้านดอลลาร์

นอกเหนือจากนี้ Astute Analytica คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรม Affiliate Marketing จะมีมูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2031 หรือคิดเป็น CAGR ที่ 7.9% จากปี 2024

สถิติ Affiliate Marketing ในปี 2024 จาก The State of Affiliate Marketing: Benchmark Report ซึ่งเผยแพร่โดย Influencer Marketing Hub ให้ความสำคัญกับ Affiliate Marketing ทั่วโลกที่ 14.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และสูงถึง 15.7 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2024 เทียบกับปี 2013 ซึ่งเคยตลาดมีมูลค่าเพียง 2.9 พันล้านดอลลาร์

รายงานนี้ยังมีการประมาณการด้วยว่า มีบริษัทที่ทำ Affiliate Marketing มากถึง 9,600 แห่งในปี 2024 ซึ่งรวมถึงเอเจนซี่ แพลตฟอร์ม Affiliate และธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่ง (4,500 แห่ง) อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ

การใช้จ่ายในสหรัฐอเมริกามีมูลค่าสูงถึง 8.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และการเติบโตนี้ยังไม่มีสัญญาณการชะลอตัว

สถิติ Affiliate Marketing ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขายเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางในการดึงดูดลูกค้าคนสำคัญอีกด้วย

การสำรวจโดย Forrester จาก Pepperjam พบว่า Affiliate Marketing เป็น ช่องทางดึงดูดลูกค้าอันดับต้น ๆ กว่า 20% ขององค์กร ซึ่งมากกว่าช่องทางอื่น ๆ

54% จัดให้ Affiliate Marketing ติด 3 อันดับแรกสำหรับการตลาดดิจิทัล ซึ่งสำคัญกว่า:

• โฆษณาแบบเสียเงิน (45%)
• โฆษณาแบบดิสเพลย์ (42%)
• โฆษณาแบบเสียเงินและการค้นหาทั่วไป (42%)

การสำรวจยังพบว่า Affiliate Marketing เป็นตัวขับเคลื่อนรายได้อันดับต้น ๆ ถึง 19% ของผู้ตอบแบบสำรวจ ซึ่งเท่ากับการโฆษณาค้าปลีก

โดยรวมแล้ว 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ Affiliate Marketing เป็นแหล่งรายได้ 3 อันดับแรก เทียบกับ 47% สำหรับโฆษณาแบบดิสเพลย์ และ 42% สำหรับโฆษณาแบบเสียเงิน

รายงานที่เผยแพร่โดย Business Insider ระบุว่า ประมาณ 15% ของรายได้ในอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลมาจาก Affiliate Marketing

นักการตลาด Affiliate ทำเงินได้เท่าไหร่?

สุดยอดนักการตลาด Affiliate สามารถสร้างรายได้จากค่าคอมมิชชันได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อเดือน และมีประมาณ 11.7% ที่ทำรายได้ได้ในระดับนี้

อย่างไรก็ตาม นักการตลาด Affiliate ส่วนใหญ่มีรายได้น้อยกว่านี้ และนี่คือรายละเอียดรายได้จากสถิติ Affiliate Marketing ของ Statista:

• ต่ำกว่า $10k/เดือน: 57.55%
• $10k ถึง $50k/เดือน: 16.2%
• $50k ถึง $100k/เดือน: 5.15%
• $100k ถึง $150k/เดือน: 7.94%
• มากกว่า $150k/เดือน: 3.78%
• ไม่เปิดเผย: 9.37%

นักการตลาด Affiliate สามารถแบ่งกลุ่มตามรายได้ต่อเดือน ได้ดังนี้:

• ระดับเริ่มต้น: $0 ถึง $1k/เดือน
• ระดับกลาง: $1k ถึง $10k/เดือน
• ระดับสูง: $10k ถึง $100k/เดือน
• ระดับ Super Affiliate: มากกว่า $100k/เดือน 

ตามข้อมูลของ Payscale ผู้ที่ทำงานในตำแหน่ง Affiliate Marketing โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 55,564 ดอลลาร์ต่อปี อีกทั้ง ได้รับโบนัสสูงถึง $8k และค่าคอมมิชชั่นสูงถึง $24k ต่อปี

การสำรวจของ Authority Hacker ในปี 2024 พบว่า นักการตลาด Affiliate มากกว่า 2,200 ราย มีรายได้ $8,038 ต่อเดือน หรือมากกว่า $96,000 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมาก แม้จะรวมค่าคอมมิชชั่นแล้วก็ตาม

สถิติ Affiliate Marketing เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่อยู่ในงาน Affiliate Marketing มานานกว่า 10 ปี จะมีรายได้เฉลี่ย 44,918 เหรียญต่อเดือน ซึ่งมากกว่าผู้ที่มีประสบการณ์เพียง 1-2 ปีถึง 10 เท่า

การสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า นักการตลาด Affiliate ที่มีประสบการณ์มาก มักจะพึ่งพาการตลาดผ่านอีเมล

41.9% ของนักการตลาด Affiliate ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ใช้การตลาดผ่านอีเมลเป็นแหล่งรายได้หลัก เทียบกับเพียง 20.3% ของมือใหม่ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการสะสมรายชื่ออีเมลเมื่อเวลาผ่านไป และกลายเป็นแหล่งรายได้จาก Affiliate ที่มากขึ้น

โดยรวมแล้ว 22.8% ของนักการตลาด Affiliate ใช้การตลาดผ่านอีเมล ซึ่งสร้างรายได้มากกว่าผู้ที่ไม่ใช้มากถึง 66.4%

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงการตลาดผ่าน Social Media เทรนด์กลับสวนทาง โดยนักการตลาดหน้าใหม่จะมีสัดส่วนการเข้าชมจาก Social Media แบบออร์แกนิกที่สูงกว่า

ทั้งนี้ Search Engine Optimization (SEO) ยังคงเป็นวิธีหลักสำหรับนักการตลาดทุกระดับในการเพิ่มปริมาณการเข้าชม

จากข้อมูลของ Kenshoo ชาวอเมริกัน 84% มีแนวโน้มที่หาข้อมูลจาก Google ก่อนตัดสินใจซื้อ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นว่า มีคนจำนวนมากเท่าใดที่ใช้เว็บไซต์ Affiliate เพื่อค้นหาคำแนะนำ

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรมองข้ามพอดแคสต์เมื่อพูดถึงการตลาดแบบพันธมิตร

Limelink รายงานว่า Pat Flynn กูรูด้านรายได้แบบพาสซีฟ มีรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อเดือน จากลิงก์ Affiliate ในพอดแคสต์ของเขา

ส่วน John Lee Dumas เผยแพร่พอดแคสต์สำหรับผู้ประกอบการ ก็สร้างรายได้จากการตลาดแบบ Affiliate ได้มากถึง 58,000 เหรียญต่อเดือน และรายได้จากโฆษณา 61,000 เหรียญต่อเดือน ดังนั้น พอดแคสต์ที่ใหญ่ขึ้น สามารถทำอะไรได้มากขึ้นกว่าเดิม

ตอนนี้ ลองมาดูสถิติ Affiliate Marketing ทั่วไป ว่าอุตสาหกรรมใดที่ใช้จ่ายมากที่สุด เพื่อใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์การตลาดนี้

สถิติ Affiliate Marketing ตามประเภทอุตสาหกรรม

Rakuten เผยว่า 80% ของผู้โฆษณา เคยใช้ Affiliate Marketing

สัดส่วนค่าใช้จ่าย Affiliate Marketing

การศึกษาอุตสาหกรรมการตลาดออนไลน์ในปี 2022 จาก Performance Marketing Association (PMA) เปิดเผยว่า การค้าปลีกใช้จ่ายด้าน Affiliate Marketing มากกว่า 3 ใน 4 (76%) ของการใช้จ่ายทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา

ในขณะที่ สถาบันการเงินตามมาที่ 12% และการท่องเที่ยวอยู่ที่ 5%

ภายในอุตสาหกรรมค้าปลีก ส่วนแบ่งของค่าโฆษณาตามสถิติ Affiliate Marketing มีดังนี้:

• เสื้อผ้าและเครื่องประดับ: 29%
• ความสวยงาม สุขภาพ และการดูแลสุขภาพองค์รวม: 18%
• ห้างสรรพสินค้า: 13%
• บ้านและสวน: 12%
• คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า: 9%
• อาหารและเครื่องดื่ม: 4%
• กีฬาและฟิตเนส: 4%
• บริการธุรกิจ: 3%
• เกมและของเล่น: 1%
• ของขวัญและดอกไม้: 1%
• สินค้าอุปโภคบริโภค: <0%
• อื่น ๆ : 6%

การศึกษาตั้งข้อสังเกตว่า หมวดหมู่ ‘ห้างสรรพสินค้า’ มีสัดส่วนยอดขายอยู่ในหมวดเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ซึ่งยิ่งผลักดันให้กลุ่มนี้มีความสำคัญมากขึ้น

รายได้จากตลาด Affiliate 

จากการศึกษา PMA พบว่า การค้าปลีกมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เมื่อพูดถึงรายได้จาก Affiliate Marketing:

• ขายปลีก: 84%
• การท่องเที่ยว: 10%
• ความบันเทิงและสื่อ: 2%
• สถาบันการเงิน: 1%
• โทรคมนาคม: 1%
• ยานยนต์: <1%
• อื่น ๆ : 1%

ส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดของรายได้จาก Affiliate จากร้านค้าปลีกมาจากอุตสาหกรรมแฟชั่น (29%) ตามมาด้วยบ้านและสวน (17%) และห้างสรรพสินค้า (16%)

Influencer Marketing Hub รายงานว่า 44% ของรายได้ตามสถิติ Affiliate Marketing มาจากการค้าปลีก ตามมาด้วยกลุ่มโทรคมนาคมและสื่อ (25%) และการท่องเที่ยวและการพักผ่อน (16%)

ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา

การศึกษาของ PMA พิจารณาผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) และพบว่าแบรนด์ต่าง ๆ จะได้รับผลตอบแทน 12 ดอลลาร์สำหรับทุก ๆ 1 ดอลลาร์ที่ใช้ไปกับ Affiliate Marketing ในทุกประเภทธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ROAS ในแต่ละรายการมีความผันแปรอย่างมาก และนี่คือสิ่งที่แต่ละอุตสาหกรรมได้รับสำหรับ 1 ดอลลาร์ที่ลงทุนในกลยุทธ์ Affiliate Marketing:

• ยานยนต์: $26
• การท่องเที่ยว: $21
• ค้าปลีก: $12
• ความบันเทิงและสื่อ: 9 ดอลลาร์
• โทรคมนาคม: $5

การศึกษาระบุว่าการเงินไม่รวมอยู่ในสถิตินี้ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว Conversion จะใช้เวลานานกว่า ทำให้ยากต่อการติดตามมูลค่าที่แท้จริงอย่างแม่นยำ

ภายในภาคการค้าปลีก ของเล่นและเกมได้รับ ROAS ที่ดีที่สุดจากสถิติ Affiliate Marketing:

ค่าคอมมิชชันตามอุตสาหกรรม

The State of Affiliate Marketing: Benchmark Report (2024) รายงานว่า เมื่อแบ่งหมวดหมู่ตามผลิตภัณฑ์ที่มีการจ่ายเงินสำหรับ Affiliate จะพบว่า SaaS เป็นผู้นำด้วยค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 70%

นี่คือค่าคอมมิชชั่น 9 อันดับแรก:

• SaaS: 20-70%
• การเงิน: 35-40%
• e-learning:15-30%
• ความงามและสุขภาพ: 10-30%
• ธุรกิจ: 20%
• เทคโนโลยี: 13-20%
• ฟิตเนส: 10-20%
• แฟชั่น: 13%
• ศิลปะ: 12%

แบบสำรวจ Authority Hacker พบว่า การศึกษาและ e-learning เป็นช่องทางทำกำไรได้มากที่สุดสำหรับสถิติ Affiliate Marketing โดยสร้างรายได้เฉลี่ย 15,551 ดอลลาร์ต่อเดือน ตามด้วยการท่องเที่ยว อยู่ที่ 13,847 ดอลลาร์ และความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอยู่ที่ 12,476 ดอลลาร์

สถิติ Affiliate Marketing และ Social Media

Affiliate Marketing บน Social Media ช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้าถึงผู้ชมใหม่ ๆ ได้จากผู้ชมที่มีอยู่

รายงาน State of Influencer Marketing 2024 ของ Aspire พบว่า แบรนด์ 68% วางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายในการทำการตลาดแบบพันธมิตรบนSocial Mediaในปี 2024 เทียบกับปี 2022 และมีเพียง 9% เท่านั้นที่จะลดงบประมาณ

โดยเฉลี่ยแล้ว แบรนด์ต่าง ๆ ทุ่มงบประมาณการตลาด 25% ให้กับการตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์บน Social Media และ 29% ของรายได้มาจากการขายผ่านโซเชียล

ในบรรดาแพลตฟอร์มSocial Mediaทั้งหมด Instagram ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้โฆษณา และอินฟลูเอนเซอร์ โดย 87% ของแบรนด์กล่าวว่า ในปี 2024 พวกเขาทำงานร่วมกับนักการตลาด Affiliate บน Instagram มากที่สุด

ในขณะที่ Snapchat เป็นช่องทางของแคมเปญ Affiliate Marketing เพียง 4%

รายงานเทรนด์ Social Media ปี 2023 ของ GWI เปิดเผยว่า ผู้ใช้ Social Media ต้องการดูผลิตภัณฑ์ที่โปรโมตโดยอินฟลูเอนเซอร์ หรือโฆษณาทั่วไป

52% ของเทรนด์ Gen Z พบว่า คำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์สำคัญมากกว่าการโฆษณา เมื่อเทียบกับ 49% ของกลุ่ม Gen Y, 37% ของ Gen X และ 19% ของกลุ่ม Baby Boomer

จะเห็นว่ายิ่งมีอายุเพิ่มขึ้น จะยิ่งมีความไว้วางใจในอินฟลูเอนเซอร์น้อยลง และมีแนวโน้มที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาโปรโมตลดลงเช่นกัน

สถิติ Affiliate Marketing ของ Influencer

การตลาดแบบใช้ Influencer มีความสัมพันธ์กับ Affiliate Marketing และมีการทับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้น  เนื่องจากแบรนด์ต่าง ๆ หันมาหาอินฟลูเอนเซอร์บน Social Media มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตน

HubS pot รายงานว่าการตลาดแบบใช้ Influencer แซงหน้าคำแนะนำแบบปากต่อปาก โดย 30% ของผู้บริโภคมองว่า คำแนะนำจาก Influencer เป็นปัจจัยสำคัญในการซื้อ เทียบกับ 27% ที่ให้ความสำคัญกับคำแนะนำจากเพื่อนและครอบครัว

การสำรวจโดย Pew Research Center ในปี 2022 พบว่า 40% ของผู้ใช้ Social Media ในสหรัฐอเมริกาติดตาม Influencer หรือ Content Creator และ 30% ซื้อสินค้าหลังจากเห็นหนึ่งในนั้นโปรโมตสินค้าบางอย่างบน Social Media

อย่างไรก็ตาม 30% นั้นเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อายุน้อย:

62% ของผู้ใช้ Social Media เพศหญิงอายุ 18-29 ปีกล่าวว่า Influencer ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขา เทียบกับ 43% ของเพศชายในช่วงอายุเดียวกัน และลดลงเหลือเพียง 49% และ 33% สำหรับกลุ่มอายุ 30-49 ปี

อย่างไรก็ตาม รายงานของ GWI เสนอว่า หากต้องการเข้าถึง Baby Boomer ผ่านทาง Social Media มีจำนวนของคนกลุ่ม Baby Boomer ที่ติดตามคนดังและ Influencer เพิ่มขึ้น 12% ระหว่างปี 2021 ถึง 2024

สถิติ Affiliate Marketing จาก Hubspot แสดงให้เห็นว่าแม้ Baby Boomer ยังคงค่อนข้างไม่มั่นใจเกี่ยวกับการช็อปปิ้งผ่าน Social Media แต่พวกเขาก็เปิดรับแนวคิดนี้

24% ของ Baby Boomer กล่าวว่า พวกเขาค้นพบผลิตภัณฑ์ใหม่บน Social Media ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 41% จากปีก่อน และ 6% ซื้อผลิตภัณฑ์บน Social Media ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้น 50% จากปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม มีเพียง 6% เท่านั้นที่บอกว่ารู้สึกสบายใจที่จะซื้อประเภทนี้ และมีเพียง 5% เท่านั้นที่ไว้วางใจแพลตฟอร์ม Social Media เกี่ยวกับข้อมูลบัตรเครดิตของตน ดังนั้น สิ่งนี้ยังคงเป็นอุปสรรคสำหรับแบรนด์ที่หวังจะเข้าถึงคนรุ่นเก่าผ่านการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์

ในทางตรงกันข้าม 33% ของกลุ่ม Gen Z ซื้อผลิตภัณฑ์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์

สถิติเครือข่าย Affiliate

เครือข่าย Affiliate ช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงบัญชี Affiliate Marketing ได้อย่างมหาศาลจากแพลตฟอร์มเดียว พวกเขาสามารถเลือกดูพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม สมัครเข้าร่วมโปรแกรม รับรายได้ และติดตามผลโดยละเอียดผ่านแพลตฟอร์มจากบุคคลที่สาม

ShareASale เป็นหนึ่งในเครือข่ายการตลาดแบบพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีผู้ขายมากกว่า 25,000 ราย และผู้เผยแพร่โฆษณากว่า 270,000 ราย

Affise รายงานว่า 94% ของผู้เผยแพร่โฆษณาร่วมกับเครือข่าย Affiliate หลายแห่งพร้อมกัน

จากข้อมูลของ Influencer Marketing Hub เครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่:

1. Amazon Associates: 900,000+
2. ShareASale: 700,000+
3. Awin: 225,000+
4. Rakuten: 150,000+
5. ClickBank: 100,000+

Amazon Associates เป็นหนึ่งในเครือข่าย Affiliate กลุ่มแรกที่เปิดตัวในปี 1996 แม้จะสูญเสียความนิยมไปบ้างเนื่องจากการลดค่าคอมมิชชั่นในปี 2021 แต่ก็ยังคงครองตำแหน่งผู้นำมากถึง 80% เพราะ Amazon ยังคงมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเข้าถึงได้ง่าย

ส่วน Datanyze นำเสนอสถิติ Affiliate Marketing ในด้านส่วนแบ่งการตลาด ดังนี้:

1. Amazon Associates: 48.12%
2. Rakuten: 7.13%
3. CJ Affiliate: 7.12%
4. ShareASale: 6.64%
5. Awin: 5.64%
6. SkimLinks: 3.65%
7. VigLink: 3.05%
8. rewardStyle: 1.87%
9. TradeTracker: 1.51%
10. Travelpayouts: 1.10%

Authority Hacker พบว่า Amazon Associates ยังคงเป็นเครือข่าย Affiliate ที่มีการใช้งานมากที่สุด ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่มาก

58.5% ของนักการตลาด Affiliate กล่าวว่า พวกเขาใช้ Amazon Associates เพื่อสร้างรายได้ ซึ่งกระจายในทุกระดับรายได้ แม้ว่าผู้ที่มีรายได้ 10,000 ดอลลาร์ต่อเดือนจะใช้ Amazon น้อยที่สุด แต่เกือบครึ่งหนึ่งก็เป็นกลุ่มของผู้มีรายได้สูงสุด

24.6% ของนักการตลาด Affiliate ใช้เครือข่าย Clickbank ตามมาด้วย ShareASale (21.8%) และ CJ Affiliate (20.5%)

ข้อมูลจาก Influencer Marketing Hub ระบุว่า บริษัทสามารถเลือกวิธีที่จะให้รางวัลได้ แต่ส่วนใหญ่จะเลือกการจ่ายเงินแบบอัตราคงที่ (48.9%) หรือตามเปอร์เซ็นต์ของยอดขายแต่ละครั้ง (42.4%) ส่วนรางวัลอื่น ๆ จะพบได้น้อยกว่า ได้แก่ Product-level (4.3%) และรางวัลจูงใจตามระดับ (4.3%)

Awin รายงานว่า มีพาร์ทเนอร์ที่ได้รับค่าคอมมิชชันสูงถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022

เทรนด์ Affiliate Marketing ในปี 2024

แบรนด์ต่าง ๆ ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของ Affiliate Marketing มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดทั่วไป

The State of Affiliate and Partner Marketing: The Brand Forecast for 2024 ซึ่งเผยแพร่โดย Awin และ Digiday พบว่า 80% ของนักการตลาดยอมรับว่า Affiliate Marketing จะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญในปี 2024 มากกว่าปี 2022

เมื่อถูกขอให้เปรียบเทียบความสำคัญของ Affiliate Marketing ในฐานะแหล่งรายได้ในปี 2024 เทียบกับปี 2022 ได้คำตอบดังนี้:

• สำคัญกว่าอย่างเห็นได้ชัด: 34%
• สำคัญกว่า: 46%
• ไม่มีการเปลี่ยนแปลง: 16%
• สำคัญน้อยกว่า: 4%
• สำคัญน้อยกว่าอย่างมาก: 0%

สัดส่วนที่แบรนด์จัดสรรงบประมาณตามสถิติ Affiliate Marketing พบว่าอยู่ระหว่าง 80% ถึง 100% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 9% ในปี 2022 เป็น 17% ในปี 2024

ไม่มีแบรนด์ใดที่ตอบแบบสำรวจกล่าวว่า พวกเขาไม่มีงบประมาณสำหรับ Affiliate Marketing ในปีใดปีหนึ่ง

เมื่อพิจารณาถึงวิธีการสื่อสาร Affiliate Marketing ผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ การศึกษาของ PMA เผยให้เห็นว่า กลยุทธ์ Affiliate Marketing “แบบดั้งเดิม” ยังคงแข็งแกร่ง โดยการคืนเงิน/ระดับ loyalty /รางวัล คิดเป็น 35% ของการใช้จ่าย ส่วนคูปอง/บัตรกำนัล/ส่วนลด คิดเป็น 16% ของการใช้จ่าย:

• การคืนเงิน ระดับ loyalty และรางวัล: 35%
• คูปอง บัตรกำนัล และส่วนลด: 16%
• เนื้อหา: 15%
• เครือข่ายย่อย: 12%
• โซเชียล Influencer และ Creator: 5%
• เปรียบเทียบเว็บไซต์: 4%
• โซลูชั่นเทคโนโลยี: 2%
• SEO: 2%
• อื่น ๆ : 8%

แม้ว่าส่วนแบ่งของ Social Media และการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ยังค่อนข้างน้อย  แต่ก็มีการเติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Influencer เต็มใจที่จะรับค่าคอมมิชชั่นตามผลงาน (เช่น 10% ของยอดขาย) แทนที่จะเป็นรูปแบบคงที่ (เช่น 100 ดอลลาร์ต่อโพสต์)

อย่างไรก็ตาม การศึกษาคาดการณ์ว่า “การคืนเงินและให้คูปองมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เนื่องจากผู้ขายจะเพิ่มการลงทุนในกลุ่มเป้าหมายที่เกือบจะเป็นลูกค้าหรือเป็นลูกค้าแล้ว

ความท้าทายของ Affiliate Marketing

ตามสถิติ Affiliate Marketing ล่าสุดของ Awin ในปี 2024 อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับแบรนด์ในการเพิ่มงบประมาณ Affiliate Marketing ในปี 2024 ได้แก่:

• การรับรู้ว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดแบบมิติเดียว: 48%
• การทำงานแบบไซโลโดยมีเป้าหมายที่ขัดแย้งกัน: 40%
• ขาดโอกาสในการเป็นหุ้นส่วนใหม่: 32%
• ความยากในการพิสูจน์คุณค่าต่อธุรกิจ: 30%
• ผู้อาวุโสภายในองค์กรไม่ยอมรับ: 17%

การรับรู้ของ Affiliate Marketing ในฐานะช่องทางหนึ่งมิติกำลังเปลี่ยนแปลงไป ดังที่เห็นได้จากวิธีการที่หลากหลายที่นัก Affiliate Marketing สร้างการเข้าชม:

• Influencer และ Creator: 40%
• Media house: 39%
• การเปรียบเทียบราคา: 36%
• บล็อกเกอร์: 35%
• พันธมิตรด้านเทคโนโลยี: 34%
• ส่วนลดและคูปอง: 33%
• เงินคืน: 27%
• ความร่วมมือระหว่างแบรนด์ต่อแบรนด์: 18%

Rob Davinson หัวหน้าฝ่ายเนื้อหาระดับโลกของ Awin แสดงความคิดเห็นว่า พวกเขากำลังมองเห็น ความร่วมมือระหว่างแบรนด์โดยตรงเพิ่มมากขึ้น โดยที่แบรนด์มากกว่าสองแบรนด์ตกลงที่จะโปรโมตสินค้าของกันและกัน

นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ตลอดเส้นทางการเป็นลูกค้า หรือเป็นส่วนหนึ่งของรางวัล ไม่ว่าจะกรณีใด ดูเหมือนว่าแบรนด์ต่าง ๆ จะต้องการความร่วมมือกับแบรนด์อื่น ๆ มากขึ้น

มีความท้าทายเพิ่มเติมสำหรับนักการตลาดในการติดตามความสำเร็จของแคมเปญ Affiliate Marketing ในแง่ของการวัดผลและการระบุแหล่งที่มา ตามสถิติ Affiliate Marketing ดังนี้:

• ความยากลำบากในการทำความเข้าใจว่า Affiliate Marketing ส่งผลต่อช่องทางการตลาดอื่น ๆ อย่างไร: 59%
• ไม่สามารถวัดผลข้ามอุปกรณ์ได้: 43%
• ไม่สามารถวัดผลกิจกรรมใด ๆ นอกเหนือจากการคลิกได้ : 38%
• ขาดข้อมูลแหล่งที่มาที่แม่นยำ: 19%

การทุจริตเกี่ยวกับ Affiliate Marketing

การทุจริตเกี่ยวกับ Affiliate Marketing ยังเป็นข้อกังวลที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2020 คาดว่า การทุจริตอาจทำให้ Affiliate Marketing เสียหายถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเกือบ 10% ของการเข้าชมมาจาก Affiliate Program ที่เป็นของปลอม

CHEQ บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ระบุว่า ในปี 2022 ปริมาณการเข้าถึงที่ไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้นเป็น 17% ส่งผลให้ขาดทุนมากถึง 3.4 พันล้านดอลลาร์ 

การทุจริตเกี่ยวกับ Affiliate Marketing อาจมีได้หลายรูปแบบ แต่โดยปกติแล้วจะเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงโดยนักต้มตุ๋นที่ซ่อนคุกกี้บนอุปกรณ์ของผู้ใช้ หรือใช้แผนสร้างคลิกปลอม เพื่อให้พวกเขาได้รับค่าคอมมิชชันโดยไม่ต้องโปรโมตลิงก์

ในกรณีที่รุนแรงมากขึ้น อาจมีการขโมยข้อมูลบัตรเครดิต เพื่อซื้อสินค้าจาก Affiliate Marketing ที่พวกเขาได้รับค่าคอมมิชชัน

ตามการรายงานโดย CHEQ คดีทุจริตที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ได้แก่:

• ในปี 2013 Super-Affiliate สองรายในเครือข่ายของ eBay ถูกตัดสินว่ามี ความผิดฐานทุจริตบริษัท 28 ล้านดอลลาร์ โดยการสร้าง Cookies-stuffing
• ในปี 2018 Alexander Zhukov ถูกจับกุม เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า เขาได้รับเงินกว่า 7 ล้านดอลลาร์จากค่าคอมมิชชั่นการขายในอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมาจากการสร้างบอทเพื่อหลอกว่ามีการเข้าชม
• ในปี 2019 Uber ได้ยื่นฟ้องบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งโดยอ้างว่า บริษัทใช้งบประมาณการโฆษณาไป 70 ล้านดอลลาร์สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่มีคุณภาพต่ำและทุจริต ซึ่งถือเป็นการทุจริตการระบุแหล่งที่มา

แม้จะมีความล้มเหลวเกิดขึ้นบ้างตามข้อมูลสถิติ Affiliate Marketing แต่การตลาดรูปแบบนี้ก็ยังคงเติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป

การศึกษาของ Authority Hacker พบว่า 83.1% ของนักการตลาด Affiliate มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของ Affiliate Marketing แม้ว่าจะมีการหยุดชะงักจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของ Google รวมถึงเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดย AI

คำถามที่พบบ่อย