ข้อมูลของ DappRadar รายงานว่า มูลค่าของ NFT ในปี 2021 รวม ๆ แล้วมีสูงถึง 25 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีคนที่ยังไม่รู้วิธีซื้อ nft อยู่ ตัวอย่างที่เห็นได้จะเป็น NFT ที่ชื่อ Ocean Front ของ Beeple ที่สามารถขายไปได้ในราคา 6 ล้านดอลลาร์
ไม่ว่าคุณจะเป็นดิจิทัลอาร์ติสต์ นักลงทุน หรือเป็นแค่คนหนึ่งที่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับ NFT ก็สามารถศึกษาเรื่อง NFT ได้จากคู่มือนี้ ที่จะให้คำแนะนำคุณตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการซื้อ nft แต่ก่อนอื่นเรามาลองดู NFT ชื่อดังที่ได้รับความนิยมที่น่าสนใจ ณ เวลานี้กันก่อน
ซื้อ nft ชิ้นแรกของคุณ – คู่มือฉบับย่อ
ถ้าคุณต้องการจะสร้างรายได้ด้วย NFTs คุณต้องรู้จักวิธีซื้อ NFTs อย่างปลอดภัยก่อนเป็นอย่างแรกที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะซื้อ nft ที่ไหน
- ✅ ขั้นที่ 1: ซื้อ Ethereum ผ่านโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย –ขอแนะนำให้ซื้อผ่าน eToro
- 💳 ขั้นที่ 2: จัดการตั้งค่า Metamask Wallet และทำการโอน ETH ไปไว้ที่กระเป๋าเงิน
- 🔎 ขั้นที่ 3: เชื่อมต่อกระเป๋าเข้ากับตลาด NFT – แนะนำให้เลือก NFT LaunchPad
- 🛒 ขั้นที่ 4: ซื้อ nft โดยใช้ ETH ที่อยู่ในกระเป๋าเงิน Metamask
ซึ่งเราจะอธิบายกระบวนการซื้อ NFTs โดยละเอียดให้คุณได้รู้ในเนื้อหาส่วนต่อไป
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย
ซื้อ NFT ชิ้นแรกของคุณ
ในขั้นตอนแรกสำหรับการซื้อขาย NFTs นั่นคือการจัดการกับกระเป๋าเงินดิจิตอลของคุณ ซึ่งมีตัวเลือกอยู่มากมายแต่จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้กระเป๋าเงินที่รองรับเหรียญ Ethereum
Ethereum เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่เหมาะกับการใช้งานเพื่อเทรด NFT ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าถึงตลาดลงทุนใน NFT ส่วนใหญ่ได้
การซื้อ nft ในปี 2022 คุณสามารถเข้าถึงตลาด NFT ได้ผ่านการใช้งานแอป NFT ที่ดีที่สุดหรือผ่านการกิจกรรม NFT giveaways ที่ดีที่สุด ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถเข้าถึง NFTs ระดับท็อป ไปจนถึงโปรเจกต์ NFT ที่ดีที่สุด, หรือโปรเจกต์ Metaverse NFT ที่ดีที่สุด, โครงการ NFT Land ที่ดีที่สุด, และโปรเจกต์กีฬาแข่งม้า NFT ที่ดีที่สุด
ถ้าคุณต้องการซื้อ NFTs ชิ้นแรก คุณอาจต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับ NFT lawyers ที่ดีที่สุดของปี 2022 จากเราก่อน
การซื้อ Ethereum และตั้งค่ากระเป๋าเงินคริปโต
การซื้อ NFT ในตลาดชั้นนำอย่าง Crypto.com และ Binance คุณต้องชำระเงินโดยใช้ ETH ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของเครือข่าย Ethereum
ซึ่งกระเป๋าเงินดิจิตอลส่วนใหญ่จะรองรับ ETH อยู่แล้ว แต่ที่ใช้และง่ายที่สุดคือ MetaMask Wallet เมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำ 3 ขั้นตอนด้านล่างนี้ คุณก็จะสามารถซื้อ ETH และตั้งค่ากระเป๋า MetaMask ได้ ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ จากที่บ้านของคุณเอง
วิธีซื้อ Ethereum ด้วย eToro
ถ้าคุณยังไม่มี ETH สิ่งที่ต้องทำคือการเข้าไปซื้อ ETH มาจากโบรกเกอร์หรือเทรดด้วยคริปโตสกุลอื่นมา ซึ่งตอนนี้ก็มีโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มให้เลือกเยอะมาก แต่เราอยากแนะนำให้คุณใช้ eToro แพลตฟอร์มที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ FCA ที่คุณสามารถเริ่มต้นซื้อ ETH ได้ในราคาเพียง 10$ (7.37£)
ด้านล่างนี้คือวิธีการ 3 ขั้นตอนที่คุณต้องทำเพื่อซื้อ ETH ด้วย eToro:
ขั้นที่ 1 – เปิดบัญชีกับ eToro และทำการยืนยัน
กดไปที่ ‘Join Now’ บนหน้าแรกของ eToro จากนั้นก็กรอกข้อมูลอีเมล กำหนดชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน จากนั้นก็คลิก ‘Complete Profile’ ต่อไปก็ให้ทำการยืนยันบัญชี และทำการอัปโหลดหลักฐานยืนยันตัวตน (เช่น หนังสือเดินทางหรือใบขับขี่) และหลักฐานที่อยู่ (เช่น statement ธนาคาร หรือบิลค่าน้ำค่าไฟ)
ขั้นที่ 2 – ทำการฝากเงิน
เมื่อคุณทำการยืนยันบัญชีแล้ว eToro จะส่งอีเมลถึงคุณ ต่อจากนั้นคุณก็จะสามารถเริ่มทำการฝากเงินได้เลย ซึ่ง eToro กำหนดการฝากขั้นต่ำไว้ที่ 10$ (7.37£) โดยคุณสามารถใช้วิธีชำระเงินต่อไปนี้ได้:
- บัตรเครดิต/เดบิต
- โอนเงินผ่านธนาคาร
- PayPal
- Skrill
- Neteller
- Klarna
ขั้นที่ 3 – ซื้อ ETH
พิมพ์คำว่า ‘ETH’ ลงในแถบค้นหาและคลิก ‘Trade’ เมื่อกล่องคำสั่งปรากฏขึ้น ให้คุณป้อนจำนวนเงินที่ต้องการลงไป (ขั้นต่ำ 10$) จากนั้นก็คลิก ‘Open Trade’
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย
วิธีดาวน์โหลด MetaMask Wallet
ขั้นที่ 1 – ดาวน์โหลด
ไปที่เว็บไซต์ MetaMask จากนั้นก็ทำการติดตั้งวอลเล็ทไว้ที่เบราว์เซอร์ของคุณได้เลย
ขั้นที่ 2 – ตั้งค่าวอลเล็ท
ให้คุณคลิกไปที่ create a wallet และทำตามคำแนะนำเพื่อตั้งค่าบัญชีของคุณให้พร้อมใช้งาน
ขั้นที่ 3 – รับ ETH address
ขั้นตอนนี้ คุณจะต้องเข้าไปที่ ‘View Account’ เพื่อรับ ETH address ซึ่งจะเป็นชุดตัวเลขและตัวอักษรที่คละกัน
วิธีนำ ETH ไปไว้ที่ MetaMask
ขั้นที่ 1 – ดาวน์โหลด eToro Money และทำการโอน ETH
อย่างแรกที่ต้องทำคือการโอน ETH ของคุณไปยัง MetaMask Wallet ก่อนอื่นคุณจะต้องดาวน์โหลดแอป eToro Money แอปกระเป๋าคริปโตของ eToro เมื่อดาวน์โหลดแล้ว ให้คุณลงชื่อเข้าใช้แอปด้วยข้อมูลประจำตัวของคุณ
จากนั้นก็กลับไปที่แพลตฟอร์ม eToro แล้วคลิกเลือก ‘Portfolio’ ไปที่ Ethereum แล้วคลิก ‘Edit Trade’ จะมีกล่องรายการปรากฏขึ้นมา ให้คุณเลือก ‘Transfer to Wallet’ เพื่อนำ ETH ของคุณย้ายไปไว้ที่ eToro Money
ขั้นที่ 2 – นำ ETH ไปไว้ที่ MetaMask Wallet
ขั้นสุดท้าย ให้เปิดแอป eToro Money แล้วเลือกแท็บ ‘Crypto’ คลิกที่ Ethereum แล้วกด ‘Send’ คุณจะได้รับแจ้งให้ป้อน Wallet Address ให้คุณป้อน Address ของ MetaMask แล้วคลิก ‘Send’ อีกครั้ง จากนั้น eToro จะส่งข้อความพร้อมรหัสไป ให้คุณป้อนรหัสดังกล่าวในแอป eToro Money แล้ว Ethereum ของคุณจะถูกย้ายไปไว้ที่ MetaMask Wallet
ตอนนี้วอลเล็ท MetaMask ของคุณก็จะมี ETH ให้พร้อมเอาไปซื้อ NFT ชิ้นแรกของคุณแล้ว ต่อไปคุณก็จะต้องเลือกหาตลาด NFT ที่ดีที่สุด ซึ่งสิ่งที่ต้องใช้ในการพิจารณาเลือกตลาดมีดังตอ่ไปนี้:
- การใช้งานที่ง่าย: ตลาด NFT ที่ดีจะต้องทำให้การซื้อขาย NFTs เป็นเรื่องง่ายเหมือนกับคุณเลือกซื้อของบน Amazon หรือ Ebay
- ความปลอดภัย: ตลาดซื้อขาย NFTs หลายแห่ง ให้ความสำคัญและลงทุนไปมากกับการรักษาความปลอดภัยให้ลูกค้า
- ความหลากหลายของสินทรัพย์: คุณสามารถลงทุนใน NFT ชื่อดังที่ได้รับความนิยมที่อยู่ในท้องตลาด ที่คุณจะสามารถมีส่วนร่วมกับโปรเจกต์ NFT staking ที่ดีที่สุดได้
วิธีเชื่อมต่อกับตลาด NFT และซื้อ nft
เมื่อคุณได้เอา Ethereum ไปยังวอลเล็ทของ MetaMask แล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาที่จะเชื่อมต่อกระเป๋าเงินเข้ากับตลาด NFT เพื่อเริ่มลงทุน ซึ่งเดี๋ยวเราจะมากล่าวถึงเรื่องนี้ในภายหลัง โดย NFT LaunchPad เป็นตลาดสำหรับการซื้อ-ขาย NFT ซึ่งมีรายการ NFTs ที่น่าสนใจมากมาย และยังมีการกำหนดโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่คุ้มค่าให้แก่นักลงทุนด้วย
อย่างนั้นแล้ว วิธีขั้นตอนด้านล่างก็คือวิธีตั้งค่าเพื่อเริ่มซื้อ nft ด้วย NFT LaunchPad:
ขั้นที่ 1 – รับ Wrapped BNB (WBNB)
เพราะสินทรัพย์ที่อยู่ใน NFT LaunchPad มีหน่วยเป็น WBNB ดังนั้นคุณจะต้องแปลง ETH เป็น WBNB ก่อนนำไปใช้ในการลงทุน ซึ่งสามารถทำได้โดยการแลกเปลี่ยนใน แพลตฟอร์ม DeFi ที่ดีที่สุด เช่น PancakeSwap
ขั้นที่ 2 – เชื่อมต่อ MetaMask Wallet เข้ากับ NFT LaunchPad
ไปที่เว็บไซต์ NFT LaunchPad แล้วคลิกไอคอนวอลเล็ทที่อยู่ในหน้าแรก เลือก ‘MetaMask’ และทำตามคำแนะนำเพื่อทำการเชื่อมต่อวอลเล็ทของคุณ
ขั้นที่ 3 – ค้นหาดูรายการคอลเล็กชัน NFT
คลิกไปที่แท็บ ‘Explore’ และเลือกหมวดหมู่คอลเล็กชัน NFT ที่คุณสนใจ ซึ่งแพลตฟอร์ม NFT LaunchPad มีคอลเล็กชัน NFT ให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทรดดิ้งการ์ด กีฬา ดิจิทัลอาร์ต วิดีโอ มีม และอื่น ๆ และเมื่อคุณเจอ NFT ที่ต้องการซื้อ ก็ให้คลิกที่ NFT นั้นได้เลย
ขั้นที่ 4 – ซื้อ nft
แพลตฟอร์ม NFT LaunchPad ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อ NFTs ได้ทันทีในราคาที่ระบุไว้ หรือจะเลือกเข้าร่วมในการประมูล ไม่ว่าจะแบบไหน เมื่อคุณได้ซื้อ NFT ไปแล้ว ระบบจะย้าย NFT เข้าไปที่วอลเล็ท MetaMask ที่คุณได้เชื่อมไว้จากตอนที่ทำขั้นตอนที่ 2 โดยอัตโนมัติ
เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง
อะไรคือ NFT ยอดนิยมที่น่าลงทุนในปี 2022?
จากรายการทั้งหมดใน NFT calendar เราจะเน้นไปที่คอลเล็กชัน NFT ที่น่าสนใจซึ่งมีกำหนดการเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ถ้าพิจารณาถึงประเด็นเรื่องผลตอบแทนอย่างละเอียดแล้ว คอลเลกชัน Platinum Rollers Club จาก Lucky Block นั้นก็คือ NFTs ที่น่าลงทุนที่สุดในปี 2022
คอลเลกชันที่ว่านี้จะประกอบด้วย NFTs ไม่ซ้ำกันกว่า 10,000 รายการ ที่โฮสต์อยู่บน Binance Smart Chain เหตุผลที่ทำให้ NFTs ชุดนี้น่าสนใจก็คือการได้สิทธิ์เข้าร่วมการออกรางวัลแจ็กพอต NFTs รายวันของ Lucky Block ซึ่งคาดว่าจะมีเงินรางวัลรวมสูงถึง 10,000$ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นหนึ่งใน 25 คนที่ได้รับ Lucky Block NFT ในรูปแบบ ‘Rare Edition’ คุณจะได้รับรางวัลแจ็กพอตแบบคูณสองหากชนะรางวัล สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปศึกษาวิธีการซื้อ Lucky Block NFTs ได้เลยตอนนี้
NFT แต่ละรายการสามารถถูกสร้างขึ้นมาได้ในราคา 1,500$ จากศักยภาพในการเพิ่มของมูลค่าของ NFT ในตลาดรอง และผลจากการถือครอง LBLOCK ซึ่งเป็นโทเค็นหลักของ Lucky Block มากกว่า 43,000 ราย และการสนับสนุนจากชุมชนนักลงทุน สามารถคาดการณ์ได้ว่า Platinum Rollers Club จะสามารถขายออกหมดอย่างรวดเร็ว สังเกตได้จากการเปิดตัวโทเค็น LBLOCK ในเดือนมกราคม 2022 ที่เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ราคาของโทเค็นก็เพิ่มขึ้นสูงถึง 50 เท่า
วิธีที่ดีที่สุดในการติดตามการลงทุนใน Platinum Rollers Club คือการเข้าร่วมกลุ่ม Lucky Block Telegram group :ซึ่งขณะนี้กลุ่มมีสมาชิกอยู่กว่า 41,000 ราย ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของการเปิดตัวคอลเลกชัน NFT ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างผลตอบแทนจากการทำ NFT flipping ได้
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง
ตลาด NFT ใดที่เหมาะกับคุณ?
วิธีที่ดีที่สุดในการตัดสินใจเลือกหาตลาดหรือที่สำหรับซื้อขาย nft เว็บไหนดี สามารถดูได้จากตัวแปรเหล่านี้:
- NFT ประเภทใดที่คุณกำลังมองหาอยู่?
- ค่าธรรมเนียมที่คุณต้องจ่ายให้แพลตฟอร์มมีอะไรบ้าง?
- ระบบในตลาดสามารถใช้งานได้ง่ายหรือไม่?
- ตลาดนั้น ๆ มีความปลอดภัยมากแค่ไหน?
ลองมาดูตลาดลงทุน NFTs ที่มีคุณสมบัติตรงตามตัวแปรที่พูดถึงก่อนหน้านี้กันเลย
1. Crypto.com ตลาดเพื่อการลงทุน NFT
หนึ่งในตลาดซื้อขาย NFT ที่ได้รับความนิยมซึ่งให้บริการโดย Crypto.com กับแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้มากกว่า 10 ล้านคน ที่เปิดตัวมาในช่วงเดือนมีนาคม 2021 และให้บริการเทรด NFTs ในหมวดหมู่รายการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ เกม กีฬา ดนตรี และอื่น ๆ อีกมากมาย
ข้อดีที่น่าสนใจของ Crypto.com คือการไม่คิดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมในการซื้อ nft และคิดค่าธรรมเนียมการขายเพียง 1.99% สิ่งนี้ทำให้ Crypto.com เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการสร้าง NFTs นอกจากนั้นสมาชิกยังสามารถซื้อ nft โดยใช้บัตรเครดิต/เดบิต ซึ่งต่างจากแพลตฟอร์มอื่นที่จะยอมรับเฉพาะการชำระเงินด้วยคริปโตเท่านั้น ทำให้ Crypto.com ถือเป็นหนึ่งในตลาด Ethereum NFT ที่ดีที่สุดที่ของปี 2022
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ตลาด Crypto.com NFT ยังไม่พร้อมเปิดให้บริการในอเมริกา
2. Coinbase
สำหรับการตอบคำถามว่า nft ซื้อที่ไหนได้บ้าง ขอแนะนำ Coinbase แพลตฟอร์มที่มีเป้าหมายเพื่อการเป็นระบบทางการเงินที่เป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และมีความโปร่งใสมากขึ้น ด้วยแนวคิดที่ว่าทุกคนจากทุกมุมโลกควรสามารถส่งและรับคริปโตได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย
ปัจจุบัน Coinbase คือผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ ใช้งานง่าย ที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลได้หลากหลายมากขึ้น
ด้วยสังคมนักลงทุนขนาดใหญ่กว่า 103 ล้านราย และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่มากกว่า 245,000 ราย จาก 100 ประเทศ ทำให้นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ในการเลือกให้ Coinbase เป็นแห่งลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับผู้ใช้งานด้วยรูปแบบการใช้งานที่ง่ายและสะดวก
เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง
3. NFT Launchpad
NFT LaunchPad คือแพลตฟอร์มลงทุน NFT อันดับต้น ๆ ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ที่สมาชิกสามารถทำการซื้อ-ขาย และสร้างงาน NFTs ได้ แพลตฟอร์มนี้รองรับ NFTs ที่โฮสต์บน Binance Smart Chain (BSC) และกำหนดให้มีการเทรดด้วยเหรียญ WBNB ทำให้แพลตฟอร์มนี้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนักลงทุนได้ในวงกว้าง
ถึงแม้ว่า NFT LaunchPad จะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นในช่วงกุมภาพันธ์ 2022 แต่ก็เป็นแพลตฟอร์มที่มีคนใช้งานเป็นจำนวนมาก ในแง่ของการจัดหมวดหมู่ NFT แพลตฟอร์มนี้ได้นำเสนอสินทรัพย์ดิจิทัลในรายการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ เกม ดนตรี ภาพถ่าย เทรดดิ้งการ์ด และอื่น ๆ และที่เด่นสุดคือ NFT LaunchPad เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่นักลงทุนจะสามารถซื้อ Lucky Block NFTs ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่หลาย ๆ สื่อให้ความสนใจ
ผู้ที่ถือ Lucky Block NFT จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแพลตฟอร์มการแข่งขัน NFT ตัวใหม่ ซึ่งหมายความว่าผู้ถือมีโอกาสที่จะได้รับรางวัลเมื่อ NFT ในคอลเล็กชันพิเศษถูกขายไปจนหมดแล้ว กับรางวัลสุดหรูอย่างที่พักระดับ 5 ดาว, บ้านพักสุดหรู, ไปจนถึง Bored Ape Yacht Club (BAYC) NFT
และไม่ได้แค่มี Lucky Block อย่างเดียว NFT LaunchPad ยังมีคอลเล็กชันงานดิจิทัลอาร์ตอีกหลายรายการ อย่างโปรเจ็กต์ NFT สุดเจ๋ง เช่น Walruses, Crazy Angry Greedy Pandas, Calamity และแม้แต่ CryptoPunks
สำหรับใครที่ที่ต้องการสร้างงาน NFTs เป็นของตัวเอง NFT LaunchPad เป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย ที่ผู้สร้างงานสามารถเลือกสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบต่าง ๆ (รวมถึง MP4) หลายรายการพร้อมกันได้ ซึ่ง NFT LaunchPad จะช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถจัดการเรื่องลิขสิทธิ์และกำหนดระดับความแรร์ของงานได้ รวมไปถึงการประมูล การกำหนดราคาแบบ fixed-price หรือ declining-price ก็ทำได้
ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อวอลเล็ทของ MetaMask และ WalletConnect ได้ง่าย ๆ ผ่านที่หน้าแรกของเว็บ NFT LaunchPad และถ้าหากว่ามีปัญหาใด ๆ ในการใช้งานคุณก็สามารถส่งคำถามเพื่อขอรับบริการให้ความช่วยเหลือที่ตรงจุดและรวดเร็วทันใจได้เลย
เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง
ซื้อ NFT บน Crypto.com ด้วย ETH
หลังจากที่ตอนนี้คุณได้จัดการตั้งค่ากระเป๋าเงินคริปโต ซื้อ ETH เข้ากระเป๋า และคุณตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อ NFT ชิ้นแรกของคุณบน Crypto.com และขั้นตอนต่อไปนี้ก็คือวิธีซื้อ nft บน Crypto.com
ขั้นที่ 1 – สร้างบัญชี NFT บน Crypto.com
ไปที่ Crypto.com NFT marketplace จากนั้นให้คลิกเลือก ‘Sign Up’ ทำการป้อนกรอกรายละเอียดชื่อ อีเมล และกำหนดชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับบัญชีของคุณ
ขั้นที่ 2 – การยืนยันบัญชี
หากคุณมีบัญชี Crypto.com อยู่แล้ว คุณสามารถสร้างและยืนยันบัญชี NFT ได้ทันทีด้วยการเชื่อมบัญชีเข้าด้วยกัน เพียงคลิก ‘Connect to App’ ในรายการรวมบัญชีและยืนยันผ่านอีเมลอีกครั้ง
แต่ถ้าคุณไม่มีบัญชี Crypto.com คุณสามารถทำการยืนยันผ่านทางโทรศัพท์ได้ โดยการคลิก ‘Edit Profile’ แล้วใส่หมายเลขโทรศัพท์ของคุณเข้าไป จากนั้นคุณจะได้รับข้อความพร้อมรหัสความปลอดภัย ต่อจากนั้นให้คุณทำการป้อนรหัสในหน้าการตั้งค่าเพื่อยืนยันการใช้งาน
ขั้นที่ 3 – เข้าสู่ตลาด NFT บน Crypto.com
เมื่อยืนยันบัญชีแล้ว คุณก็จะสามารถเข้าสู่ NFT Marketplace ที่คุณสนใจได้ เมื่อพบแล้ว ให้คลิกที่ไปที่รายการนั้นเพื่อไปยังหน้ารายการในตลาด
ขั้นที่ 4 – ซื้อ nft
NFTs จะมีการระบุราคาซื้อขายเอาไว้ รวมถึงราคาในการประมูลด้วย หากเป็นการซื้อขายทั่วไป ให้คุณกดเลือก ‘Buy for X’ และการซื้อของคุณก็จะเสร็จสมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นการประมูล คุณสามารถคลิก ‘Place a Bid’ และเข้าร่วมการประมูลได้
เมื่อคุณได้รับ NFT ที่ผ่านการโอนความเป็นเจ้าของเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเข้าไปดู NFT ชิ้นใหม่ของคุณได้ที่รายการ ‘Collectables’ ในบัญชีของคุณ
และขอแสดงความยินดีด้วย ถ้าคุณชนะการประมูลและได้เป็นเจ้าของ NFT ชิ้นแรกโดยใช้ ETH ในการซื้อ อย่างนั้นเราลองมาดูถึงรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวกับการช้อปปิ้ง NFTs ด้วย ETH กันดีกว่า
เพราะเมื่อคุณทำการซื้อ NFTs โดยใช้ ETH โปรดเข้าใจด้วยว่ากระบวนการนี้จะไม่เหมือนกับการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตในการซื้อของทั่วไป และนี่คือความต่างที่ทำให้การทำธุรกรรมด้วย ETH นั้นไม่เหมือนการทำธุรกิจรูปแบบอื่น:
- ETH จะถูกโอนผ่านระบบ Ethereum blockchain ซึ่งหมายความว่าธุรกรรมนี้มีการกระจายอำนาจ
- เมื่อเกิดการทำธุรกรรม ETH ไปแล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับได้
- การทำธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum มีค่าธรรมเนียม ซึ่งคุณต้องจ่ายค่า gas fee สำหรับการแลกเปลี่ยน ETH
- ในบางครั้งการทำธุรกรรมผ่านเครือข่าย Ethereum อาจล่าช้าเนื่องจากความแออัดของการส่งข้อมูลและอาจพบความล้มเหลวในการทำธุรกรรมได้
จากตรงนี้เห็นได้ชัดว่าเครือข่าย Ethereum ยังคงต้องได้รับการปรับปรุงอยู่ ซึ่งตอนนี้คุณอาจสงสัยว่าจะสามารถซื้อ nft ผ่านเหรียญตัวอื่นที่ไม่ใช่ ETH ได้หรือไม่
เงินทุนของคุณมีความเสี่ยง
โลกที่หลากหลายของ NFTs
ก่อนจะตั้งคำถามว่าคุณจะซื้อ NFT ไปทำไม ลองมาดูประเภทของ NFTs หลายรูปแบบที่ตรงกับความสนใจของหลาย ๆ คน ไล่ตั้งแต่งานศิลปะดิจิทัลไปจนถึงงานที่เป็นมีม แม้กระทั่งเกม NFT อย่างนั้นเราลองมาดู NFTs ที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดกัน
Beeple’s ‘The First 5000 Days’
ถ้าพูดถึงงาน NFTs ที่มีชื่อเสียงจะต้องมีงานของ Beeple อยู่ด้วยเสมอ และด้วยโปรเจกต์ที่ต้องการสร้างงานชิ้นใหม่ทุกวันของ Beeple ที่ทำมาตั้งแต่พฤษภาคม ปี 2007 เพื่อสร้างงาน ‘5000 days’ ที่กลายมาเป็นงาน NFT ที่แพงที่สุดในโลกกับราคาสูงถึง 69 ล้านดอลลาร์ จากการประมูลใน Christie Auction House
Dmitri Cherniak’s ‘Ringer #109’
คอลเลกชัน ‘Ringer’ ตัวนี้เป็นผลงานของ Dmitri Cherniak ซึ่งทำให้ชุมชน NFT ตกตะลึงกับแรงบันดาลใจของงานที่ได้จากเชือกที่พันรอบหมุด โดยที่งาน Ringer 109# สามารถขายไปได้ในราคา 6.9 ล้านดอลลาร์ในตลาด OpenSea
Jack Dorsey’s ‘First Tweet’
ไม่ใช่แค่ศิลปะดิจิทัลเท่านั้นที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์ แต่ยังมี NFT อื่นอย่าง NFT ของ Jack Dorsey อดีต CEO ของ Twitter ที่ขายทวีตแรกของเขาเป็น NFT ในราคา 2.9 ล้านดอลลาร์
Chris Torres’ ‘Nyan Cat’ Meme
ก่อนหน้าที่จะมี NFTs เราพบว่ามีมต่าง ๆ ที่เห็นกันมักจะทำได้เพียงสร้างความสุขให้กับโลกออนไลน์ แต่ไม่สามารถทำเงินได้เลย แต่งานนี้ Nyan Cat ได้ทำการปฏิวัติใหม่โดยการทำให้มีมสามารถทำเงินได้ซึ่งสามารถขายเป็น NFT ไปได้ในราคาเกือบ 600,000 ดอลลาร์ เลยทีเดียว
ซึ่ง NFTs รายการด้านบนนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ NFT ที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม จากผลงานดิจิทัลอาร์ต มีม และทวีตเหล่านี้ คงจะพอทำให้ได้เกิดไอเดียและเห็นถึงมูลค่าของงานที่เกิดขึ้นในซื้อขาย NFT ได้มากขึ้นแล้วใช่ไหม
อย่างนั้นถ้าหากคุณต้องการติดตามการเปิดตัว NFT ใหม่ ๆ สามารถเข้าไปดูที่ 2022 NFT calendar ได้เลย
แต่หากคุณต้องการมีส่วนร่วมในตลาด สิ่งที่ต้องทำก็คือการมีวอลเล็ทสำหรับลงทุน
ทางเลือกสำหรับการใช้ ETH
มีสองทางเลือกหลักในการใช้ Ethereum ก็คือ Polygon, Solana หรือ Binance ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงประเด็นของการใช้ทางเลือกเหล่านี้ แต่จำไว้เลยว่า Ethereum ยังคงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งระบบบล็อคเชนของมันได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นระบบที่มีความสามารถในการทนทานต่อการโจมตีได้มากที่สุด
Polygon (MATIC) เป็นบล็อกเชนแบบกระจายอำนาจที่ทำหน้าที่เป็นชั้นธุรกรรมบนระบบ Ethereum มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำงานร่วมกับ Ethereum เพื่อใช้ในการลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม
Polygon (MATIC) เป็นทางเลือกที่ประหยัดและเร็วกว่าสำหรับการใช้ ETH และด้วยที่มันมีการทำงานที่เชื่อมกับเครือข่าย Ethereum การเลือกโทเค็นนี้จึงทำให้คุณสามารถเข้าถึงตลาดที่หลากหลายได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็น OpenSea, ZestyMarket, และ TreasureLand
ถึงแม้ว่า Polygon จะประหยัดและเร็วกว่า แต่จำไว้อย่างหนึ่งว่าโทเค็นนี้ไม่ปลอดภัยเท่าการใช้ ETH รวมไปถึงว่าในบางตลาด เช่น OpenSea ก็จะมีแค่ NFTs บางตัวเท่านั้นที่สามารถใช้ Polygon ซื้อได้
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย
Solana (SOL) โปรเจ็กต์บล็อกเชนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ที่เกิดมาเพื่อมาฆ่า Ethereum ด้วย TPS ที่สูงและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ทำให้ Solana ได้รับการยอมรับในตลาด NFT และดูเหมือนว่าเริ่มทำให้อันดับความนิยมของ Ethereum เริ่มสั่นคลอนแล้ว
การใช้ Solana เพื่อซื้อ nft นั้นทำได้เร็วและถูกกว่าทั้ง Ethereum และ Polygon แต่ SOL ก็ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากตลาดบางแห่งเช่น OpenSea หรือ Rarible แต่โชคยังดีที่ Solana เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นการถูกนำไปใช้ในตลาด Solsea, MagicEden, และ Metaplex.
ด้วยต้นทุนและความเร็วในการทำธุรกรรมของ Solana ที่น่าประทับใจที่คอยทำให้ Ethereum หวั่น ๆ อยู่บ้าน แต่ถ้าเป็นเรื่องความปลอดภัยตัว SOL อาจยังคงไม่สามารถสู้ได้ จากที่เห็นได้ในข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่ Solana ถูกแฮ็กและถูกขโมยเอา SOL ออกไปประมาณ 320 ล้านดอลลาร์
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย
Binance (BNB,BUSD) ได้สร้างตลาด NFT ของตัวเองซึ่งคุณสามารถเข้าไปซื้อ nft ใน BNB, BUSD, และ ETH ซึ่ง Binance คือตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งได้เปิดตัวตลาด NFT ของตัวเองไปในปี 2021
ตลาด Binance มีการเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดตัวและมี NFTs ให้เลือกมากมาย ซึ่งหากคุณคุ้นเคยกับการเทรดใน Binance อยู่แล้ว การลงทุนในตลาด Binance NFT ก็จะเป็นเรื่องง่าย ๆ เลย
คาดกันว่าหากตลาด Binance ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความนิยมในการใช้ BNB และ BUSD เพื่อซื้อ NFTs จะเพิ่มขึ้นเหมือน ๆ กับการใช้ ETH
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีคริปโตหลายตัวที่สามารถเอาไปใช้ซื้อ nft ได้ แต่คุณหลีกเลี่ยงไปเลือกใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตในการซื้อ nft ในตลาดบางแห่งได้ด้วยเช่นกัน
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย
การลงทุนแบบไม่ต้องซื้องานผ่านเหรียญคริปโต
คุณอาจสนใจ NFTs แต่อาจไม่ต้องการที่จะซื้อคริปโต โชคยังดีที่มีตลาดบางแห่งที่คุณสามารถซื้องาน NFT และมีมได้ โดยใช้บัตรจากธนาคารของคุณ
ตัวเลือกการซื้อแบบนี้มีไม่ค่อยมากเท่าไร หลัก ๆ ก็จะมีอยู่สองตลาดที่น่าสนใจคือ: Mintable และ KnownOrigin.
Mintable เป็นหนึ่งในตลาด NFT ชั้นนำและมีงาน NFTs ให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น งานดิจิทัลอาร์ต, ดนตรี, หรือของสะสม
การซื้อ nft บน Mintable ผ่านบัตรสามารถทำได้ง่ายมากแต่ก็อาจไม่ง่ายเท่ากับการใช้บัตรซื้อของบน Amazon และ Shopify และต่อไปนี้ก็คือขั้นตอนในการดำเนินการ:
- วอลเล็ท: ทำการเชื่อมต่อวอลเล็ท เช่น MetaMask เข้ากับ Mintable
- ค้นหา: ลองสำรวจตลาดและเลือก NFT ที่สนใจ
- ETH หรือ บัตรเครดิต: เลือกซื้อด้วยการบัตรเครดิตเมื่อต้องชำระเงิน
- ยืนยันตัวตน: ทำการยืนยันตัวตนโดยใช้บัตรประจำตัวประชาชน
- กรอกรายละเอียด: ป้อนรายละเอียดบัตร, หมายเลขโทรศัพท์
- ยืนยันการทำธุรกรรม: ทำธุรกรรมให้เสร็จและลองตรวจดูว่า NFT ที่ต้องการซื้อได้เข้าไปอยู่ในวอลเล็ทแล้วหรือยัง
การซื้อ nft บน Mintable ด้วยบัตรเครดิต/เดบิตนั้นค่อนข้างง่าย เหมือนกับการใช้ ETH และส่วนมากก็จะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารสำหรับการเลือกชำระผ่านบัตรด้วย
KnownOrigin อีกหนึ่งตลาดที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ซึ่งจะเน้นไปที่งานศิลปะดิจิทัลระดับไฮเอนด์ ดังนั้นถ้าคุณกำลังมองหางานมีมและของสะสม นี่อาจไม่ใช่ตลาดที่คุณกำลังมองหา
การซื้อ nft บน KnownOrigin มีขั้นตอนเกือบเหมือนกับการซื้อบน Mintable ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้:
- วอลเล็ท: ทำการเชื่อมต่อวอลเล็ทเข้ากับ KnownOrigin
- เลือกหาชิ้นงานที่อยากได้: ทำการค้นหา NFT ที่สนใจ
- ซื้อ: กดเลือกการซื้อด้วยบัตร
- ยืนยันตัวตน: เหมือนกับการซื้อบน Mintable ที่คุณจะต้องยืนยันตัวตน
- กรอกรายละเอียด: ระบุรายละเอียดบนบัตรของคุณ
- ยืนยันการทำธุรกรรม: ทำธุรกรรมให้เสร็จแล้ว NFT จะถูกส่งไปยังกระเป๋าเงินของคุณ
การซื้อ nft ด้วยบัตรเครดิตเป็นเรื่องใหม่ที่ถึงแม้ว่าจะช่วยให้คุณสามารถเลี่ยงการใช้คริปโตไปได้ แต่ก็ยังมีจำกัดบางประการอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความนิยมของ NFTs ทำให้ตลาดหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการซื้อด้วยบัตรเครดิตมากขึ้นในอนาคต
ไม่ว่าคุณจะซื้อ nft ด้วยคริปโตหรือเงินทั่วไป หากคุณพบว่าการตัดสินใจเลือกซื้อ NFT สักงานเป็นเรื่องยาก คุณสามารถเลือกซื้อแบบเสี่ยงโชคได้ด้วยการซื้อกล่องสุ่ม NFTs
เป็นคนมีดวงหรือเปล่า? ถ้าใช่ ทำไมไม่ลองเลือกซื้อแบบกล่องสุ่มดูล่ะ?
ในกล่องสุ่มจะประกอบด้วย NFTs แบบสุ่มจากคอลเล็กชันเฉพาะ ซึ่งถ้าคุณไปเจอคอลเล็กชันที่สนใจแต่เลือกไม่ได้ว่าจะซื้อโทเค็นไหนดี หรือพบว่าราคาของโทเค็นนั้นสูงเกินไป ก็ลองเสี่ยงโชคกับการซื้อกล่องสุ่มดูได้
คุณสามารถซื้อกล่องสุ่มได้ใน OpenSea, Rarible, SuperRare, และ Binance NFT โดยสามารถทำตามขั้นตอนเดียวกับการซื้อ NFT ปกติได้เลย
คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าคุณจะได้ NFTs อะไร แต่เป็นไปได้ว่าในกล่องที่ซื้อมาจะมี NFT ที่หายากสุด ๆ ซึ่งหมายความว่าดวงนั้นมีผลต่อผลตอบแทนในการลงทุนของคุณไม่น้อย
ไม่ว่าคุณจะเลือกวัดดวงกับการซื้อ NFT ผ่านกล่องสุ่มหรือเลือกซื้ออย่างปลอดภัยด้วยการซื้องานที่ต้องการเลย สิ่งหนึ่งที่ต้องมั่นใจได้ก็คือต้องเลือกงานที่เป็นของแท้
จะแน่ใจได้อย่างไรว่า NFTs ที่ซื้อเป็นของแท้?
แม้ว่าโทเค็น NFT จะมีระบบของการป้องกันการปลอมแปลงอยู่ แต่ก็ยังพบว่ามีการสร้าง NFTs ปลอมและเอาไปขายอยู่ ซึ่งการซื้อ NFT ปลอม หมายความว่า ต้นฉบับจะถูกลงทะเบียนไว้บนบล็อคเชนทำให้งานในกระเป๋าของคุณกลายเป็นสำเนาที่ไร้ค่าไปเลย ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จะช่วยคุณหลีกเลี่ยงการถูกหลอกได้
- ประวัติบล็อคเชน: ในตลาดหลายแห่งรวมถึง OpenSea มีวิธีที่ง่ายต่อการตรวจสอบประวัติของ NFT
- Google คือเพื่อนแท้: คุณสามารถใช้เครื่องมือ ‘Search Google for Image’ ด้วยการคลิกขวาไปที่ NFT เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า NFT ของคุณไม่มีการสำเนาไว้ในตลาดอื่น
- โซเชียลมีเดีย: ไปที่หน้าโซเชียลมีเดียของศิลปินและตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้มีการนำเสนอถึง NFT ที่คุณวางแผนจะซื้ออยู่หรือไม่
- ของดีราคาไม่ถูก: หาก NFT ที่คุณสนใจเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชันยอดนิยมแต่ราคากลับต่ำมาก ตรงนี้คุณต้องมาคิดใหม่แล้วว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่กับการตั้งราคา
- การใช้เวลาไปกับการตรวจสอบความถูกต้องของ NFT เป็นสิ่งสำคัญ และหากคุณเป็นเจ้าของงาน NFT ที่มีมูลค่ามาก เช่น HAPE #5113 คุณก็ควรที่จะต้องรู้วิธีการขายเอาไว้ด้วย
วิธีที่ดีที่สุดในการขาย NFT
เมื่อคุณซื้อ nft เป็นแล้ว การจะขายก็ไม่ใช้เรื่องยาก ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดในการขายคือการใช้ตลาดออนไลน์ อย่างการขายใน OpenSea ด้วยฐานลูกค้าที่มีศักยภาพอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งตลาดอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีลักษณะการทำงานในแบบที่คล้าย ๆ กัน
คุณสามารถทำตามขั้นตอนนี้เพื่อขาย NFTs บน Crypto.com:
- ลงชื่อเข้าใช้: เข้าไปที่เว็บไซต์ Crypto.com ทำการลงชื่อเข้าใช้โดยเชื่อมกับคริปโตวอลเล็ทของคุณ
- เลือก NFT: เข้าสู่หน้าบัญชีและเปิดคอลเล็กชัน NFT ของคุณขึ้นมา
- ขาย: กดปุ่มขายที่ปรากฏอยู่เหนือ NFT ของคุณ
- การประมูล: คุณสามารถเลือกว่าจะตั้งราคาประมูลแบบ fixed price หรือการประมูลตามกำหนดเวลาได้
- กรอกรายละเอียด: กำหนดราคาและกรอบเวลาของการประมูล
- เสร็จสิ้นกระบวนการ: กดเลือกเสร็จสิ้นการดำเนินการเพื่อเริ่มการประมูล
หลังจากที่จ่ายค่าธรรมเนียมการประมูลแล้ว NFT ของคุณเริ่มทำการขาย โดยมีการประกาศเกี่ยวกับการประมูลงานของคุณโดยใช้ตัวเลือกการแชร์บนโซเชียลมีเดีย
หากคุณมีความเป็นศิลปินมากกว่าการเป็นเทรดเดอร์ที่ลงทุนใน NFT เพื่อทำกำไร คุณอาจสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับการเริ่มสร้างของ NFT คุณเอง
สร้าง NFT ของคุณเอง
วิธีที่ดีที่สุดในการสร้าง Nft art ของคุณเองคือการสร้างบนแพลตฟอร์มอย่าง Crypto.com, Mintable, OpenSea, หรือ Rarible ซึ่งเราขอแนะนำให้เลือก Crypto.com ด้วยรูปแบบและการใช้งานที่ง่าย ด้วยการทำตามขั้นตอนเหล่านี้คุณก็จะสามารถสร้าง NFT ของตัวเองได้แล้ว:
- สร้าง: กดเลือกปุ่ม create บนหน้าแรกของ Crypto.com
- ลิงก์: เชื่อมต่อกระเป๋าเงิน เช่น MetaMask หรือ Coinbase Wallet to OpenSea
- อัปโหลดไฟล์: แนบไฟล์ที่คุณต้องการไปยัง NFT
- กรอกรายละเอียด: กรอกข้อมูลในช่องรายการข้อมูลต่าง ๆ
- เสร็จสิ้นกระบวนการ: กดเลือกปุ่ม create เพื่อสิ้นสุดกระบวนการ
ที่สำคัญคืออย่าลืมเติมเงินในวอลเล็ทของคุณด้วย ETH เพราะคุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการสร้างงาน และเมื่อธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ NFT ของคุณก็จะปรากฏอยู่ในคอลเล็กชันของคุณทันที
บทส่งท้าย
NFTs ได้เสนอทางเลือกที่หลากหลายให้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นดิจิทัลอาร์ติสต์มือใหม่ที่ต้องการสร้างรายได้จากงานหรือจะเป็นนักลงทุนที่ต้องการกำไร การลงทุนใน NFTs นั้นเป็นอะไรที่ง่ายมาก ซึ่งเราหวังว่าคู่มือนี้ จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจที่จะก้าวเข้ามาสู่โลกแห่งนี้และซื้อ NFT ชั้นแรกของคุณ
หากคุณกำลังมองหา NFT อันดับต้น ๆ ที่น่าลงทุนในปี 2022 เราขอแนะนำ Tamadoge NFT ซึ่งคุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยคลิกลิงก์ด้านล่างนี้
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่มีการควบคุมซึ่งมีความผันผวนสูง ไม่มีการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศไทย