ตลาดโลกมีการถดถอยลงอย่างมากในปี 2022 ซึ่งหมายความว่านักลงทุนมีโอกาสที่จะซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ถูกลงอย่างมาก
สิ่งนี้เรียกว่า ‘การลงทุนเมื่อตลาดย่อตัวลง’ และมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์คุณภาพสูง ซึ่งอาจเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่ยอดเยี่ยม
เราจะมาดูสินทรัพย์และตลาดหลัก 10 รายการอย่างครอบคลุมในเรื่องลงทุนอะไรดีในตอนนี้?
ลงทุนอะไรดีที่สุดตอนนี้ – สินทรัพย์ 10 อันดับแรก
มีคำถามว่ามือใหม่ควรลงทุนอะไรดี? โปรดดูสินทรัพย์ 10 อันดับด้านล่าง:
- คริปโตพรีเซลล์ศักยภาพสูงอย่าง Love Hate Inu – เหรียญคริปโตน่าลงทุนที่สุดในปี 2024
- กองทุนรวมดัชนีหุ้น – กองทุน Dollar-Cost Average ยอดนิยมย่าง S&P 500
- หุ้นที่รองรับภาวะเศรษฐกิจถดถอย – ลงทุนในบริษัทที่ทำผลงานได้ดีในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ – ก้าวนำอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นด้วยตราสารหนี้
- โลหะมีค่า – สินทรัพย์ยอดนิยมน่าถือในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เสถียร
- หุ้นเทคโนโลยี – ซื้อหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำในตอนที่ราคาถูก
- Bond ETF – ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยการกระจายความเสี่ยงในตราสารหนี้
- บิทคอยน์ – ลงทุนในมูลค่าอนาคตในตอนที่เหรียญคริปโตยังใหม่อยู่
- หุ้นปันผล – เน้นหุ้นที่มีสถิติมูลค่าราคาที่จ่ายเงินปันผลในระยะยาว
- กองทุน RMF – เริ่มต้นด้วยแผนการลงทุนลดหย่อนภาษีระยะยาว
เมื่อประเมินว่าจะลงทุนอะไรดีตอนนี้? เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มักจะกระจายความเสี่ยงในพอร์ตที่มีสินทรัพย์และตลาดที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่าทุนซึ่งจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าโดยรวมของพอร์ตภายหลัง
เจาะลึกสินทรัพย์อันดับต้นๆ ที่น่าลงทุนตอนนี้
เราได้แนะนำว่าจะลงทุนอะไรดี ความเสี่ยงน้อย 10 อันดับในตลาดต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับนักลงทุนทุกประเภท โดยสินทรัพย์แต่ละรายการล้วนมาพร้อมกับศักยภาพและระดับความเสี่ยงแตกต่างกันไป
อ่านต่อในประเภทการลงทุนที่ดีที่สุดตอนนี้
1. คริปโตพรีเซลล์ศักยภาพสูงอย่าง Love Hate Inu – การลงทุนโดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2024
การลงทุนในเหรียญคริปโต pre-sale ที่ดีที่สุด คล้ายกับการลงทุนในบริษัทก่อนที่จะเปิดตัว โดยโปรเจกต์ให้นักลงทุนได้ซื้อเหรียญคริปโตหลักในราคาที่ถูกลง และเมื่อเหรียญถูกลิสต์ลงกระดานเทรด มูลค่าของเหรียญก็จะเพิ่มขึ้น
ซื้อมีกระบวนการลงทุนที่เรียบง่าย เพียงแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตเดิมเช่น Ethereum เป็นโทเค็นพรีเซลล์นั้นๆ และเมื่อพิจารณาถึงพรีเซลล์คริปโตที่ผุดขึ้นมาในตลาด นักลงทุนจึงสามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างง่ายดาย
โดยตัวอย่างการลงทุนอะไรผลตอบแทนสูงก็คือพรีเซลล์ Tamadoge ซึ่งเปิดตัวในเดือนกันยายน 2022 ในราคา $0.01 ต่อโทเค็น แต่เมื่อพรีเซลล์สิ้นสุด TAMA ก็มีราคาเป็น $0.03
ซึ่งระดมทุนได้ 19 ล้านดอลลาร์ และ TAMA ก็ถูกลิสต์ลง OKX กระดานเทรดคริปโตยอดนิยมและทำ All Time High ที่ 0.194 ดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนช่วงพรีเซลล์ได้รับกำไรเกือบ 2,000%
นอกจากนี้พรีเซลล์ Lucky Block ก็ระดมทุนได้มากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2022 จากโทเค็น LBLOCK ที่มีราคาเพียง 0.00015 ดอลลาร์ และหลังจากถูกลิสต์บน PancakeSwap มูลค่าเหรียญก็ทะลุ 0.009 ดอลลาร์
นั่นทำให้เกิดคำถามว่าเหรียญคริปโต ICO ที่ดีที่สุดและ Pre-sale ที่น่าลงทุนตอนนี้คืออะไร?
และนั่นทำให้ Love Hate Inu เข้ามาเป็นเหรียญ ICO อันดับต้นๆ ของเราที่น่าลงทุนในตอนนี้
Love Hate Inu – เหรียญคริปโต Pre-sale ที่น่าลงทุนที่สุดในตอนนี้
Love Hate Inu เป็นเหรียญคริปโต Pre-sale ใหม่ที่น่าตื่นเต้นซึ่งอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนที่มีแนวโน้มทำกำไรมากที่สุดในขณะนี้ LHINU เป็นเหรียญมีมใหม่ที่รวมความเป็นมีมเข้ากับการใช้งานจริง ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเหรียญคริปโตมีมอื่น ๆ
Love Hate Inu เป็นเหรียญ vote-to-earn ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถ Stake เหรียญของตนเพื่อโหวตในแบบสำรวจและรับโทเค็นมากขึ้นได้นั่นเอง โดยใช้ Blockchain และเหรียญ Staking ซึ่ง Love Hate Inu จะสามารถใช้โหวตในแบบสำรวจที่น่าเชื่อถือ 100% เนื่องจากการลงคะแนนทั้งหมดได้รับการตรวจสอบบนเครือข่าย
ในการเริ่มต้น Love Hate Inu จะจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นที่สนุกสนานเช่นที่แสดงไว้ด้านบน อย่างไรก็ตาม ด้วยความนิยมที่เพียงพอ ในที่สุด Love Hate Inu ก็สามารถใช้สำหรับการลงคะแนนอย่างปลอดภัยในประเด็นต่างๆ ที่หลากหลาย ตามแผนการพัฒนาอย่างเป็นทางการ ข้อมูล Love Hate Inu จะสร้างรายได้ภายในสิ้นปี 2023 ผ่านข้อตกลงกับแบรนด์ บริษัทต่างๆ โดยจะสามารถรับข้อมูลที่ถูกต้องและหลากหลายจากแบบสำรวจความคิดเห็นทุกประเภทเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งอาจปฏิวัติการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับแบรนด์ใหญ่ๆ ได้นั่นเอง
Love Hate Inu ในฐานะเหรียญมีมสามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายพื้นฐานได้ โดยเหรียญมีมประสบความสำเร็จอย่างมากนับตั้งแต่เปิดตัว Dogecoin ในปี 2013 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากและกลายเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโต pantip ที่น่าซื้อที่สุด น่าเสียดายที่ความนิยมของเหรียญมีมนั้นไม่แน่นอน ทันทีที่มูลค่าเพิ่มขึ้น เหรียญดังกล่าวก็สามารถลดมูลค่าลงในอัตราที่ใกล้เคียงกันได้เช่นกัน
Love Hate Inu รวมความนิยมของเหรียญมีมเข้ากับการใช้งานของเหรียญคริปโต เช่น Ethereum ที่สามารถให้มูลค่าที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้ความนิยมของ Love Hate Inu ลดลงได้ยากเนื่องจากการ Stake ที่จำเป็นสำหรับฟังก์ชั่น vote-to-earn นั่นหมายความว่าตราบเท่าที่ผู้คนใช้เหรียญเพื่อลงคะแนนเสียง ผู้ใช้จะเป็นเจ้าของเหรียญนั่นเอง
ในอนาคต นักพัฒนา Love Hate Inu วางแผนที่จะใช้ฟังก์ชันการลงคะแนนในโลก Metaverse โดยเมื่อเกิดขึ้นจริง โอกาสที่เหรียญ LHINU จะมีมูลค่าเพิ่มนั้นก็แทบจะไร้ขีดจำกัด
ตอนนี้ Love Hate Inu อยู่ในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการเปิด Pre-sale ซึ่งแต่ละเหรียญมีราคา $0.000085 โดยราคาขาย Pre-sale จะเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์จนกว่าเหรียญจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมที่ราคา 0.000145 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 70% จากราคาการซื้อในครั้งแรก ซึ่งการลงทุน 30,000 บาทในช่วงสัปดาห์เปิดตัวจะมีมูลค่าประมาณ 1,700 ดอลลาร์ในราคาเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2023
เริ่มพรีเซลล์
8 มีนาคม 2023
วิธีการซื้อ
ETH, USDT, บัตรเครดิต/เดบิต
เชน
Ethereum
ลงทุนขั้นต่ำ
ไม่มี
ลงทุนสูงสุด
ไม่มี
2. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – กองทุน Dollar-Cost Average ยอดนิยมย่าง S&P 500
ใครมีคำถามว่ามีเงิน 1000 ลงทุนอะไรดี? การกระจายความเสี่ยงคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่แม้พรีเซลล์คริปโตจะมีโอกาสมูลค่าเพิ่มสูง แต่นักลงทุนก็ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์เดียว เมื่อคิดว่าจะลงทุนอะไรดีตอนนี้ ตลาดหุ้นก็เป็นตัวเลือกการกระจายความเสี่ยงจากเหรียญคริปโต
แม้นักลงทุนบางคนจะชอบเลือกหุ้นเอง แต่การลงทุนในกองทุนดัชนีหุ้นนั้นดีกว่ามาก ซึ่งเป็นการลงทุนในกลุ่มหุ้นของบริษัทหรือเจ้าของบริษัทคนเดียว
เช่น ผู้ที่ต้องการลงทุนในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเลือก S&P 500 ซึ่งสร้างผลกำไรเฉลี่ยต่อปีที่ 10% ตั้งแต่เปิดตัวในปี 1926 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หุ้นในสหรัฐฯ จำนวน 500 บริษัท (Nasdaq หรือ NYSE) แต่จะมีการปรับสมดุลทุกสามเดือน
ซึ่งมั่นใจได้ว่า S&P 500 ยังคงสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้าง อย่างน้อยก็ในแง่ของมูลค่าหุ้นและการเคลื่อนไหวของราคา นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปอีกระดับอาจพิจารณากองทุนรวมดัชนีตลาดหุ้นจาก Vanguard และ iShares
กองทุนดัชนีนี้ประกอบด้วยหุ้นกว่า 4,000 หุ้นในบริษัททุกขนาด นักลงทุนบางคนชื่นชอบ Dow Jones ซึ่งมีหุ้นบลูชิป 30 หุ้นจากกลุ่มบริษัทมากมาย กองทุนรวมดัชนีหุ้นเสนอการกระจายความเสี่ยงและการเข้าสู่ตลาดหุ้นแบบพาสซีฟ ซึ่งเหมาะกับมือใหม่ที่กังวลว่ามีเงินเอาไปลงทุนอะไรดี?
3. หุ้นที่รองรับภาวะเศรษฐกิจถดถอย – ลงทุนในบริษัทที่ทำผลงานได้ดีในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
มีหลายกลยุทธ์การลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นว่าบางบริษัทมักจะทำได้ดีเมื่อเศรษฐกิจกำลังถดถอย ซึ่งก็มีอุตสาหกรรมบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน
ที่สำคัญ ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่าใช้จ่ายที่ไม่มีความจำเป็นเป็นสิ่งสำคัญ เช่น วันหยุดพักผ่อน แฟชั่น การแต่งบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนค่าใช้จ่ายที่มีความจำเป็นก็แทบไม่ถูกแตะในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
คิดตามแนวทางของร้านขายของชำ สาธารณูปโภค และยา ซึ่งเมื่อประเมินว่าจะลงทุนในหุ้นใด นักวิเคราะห์ตลาดจำนวนมากจะแนะนำให้เน้นไปที่บริษัทกลุ่มธุรกิจดังกล่าว เช่น หุ้น Walmart ซึ่งมักเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย เพราะขายของชำในราคาถูก
Dollar General ยังถือเป็นหุ้นที่รองเศรษฐกิจถดถอยอีกด้วย เนื่องจากบริษัทมีร้านค้าลดราคาเกือบ 17,000 แห่งทั่วอเมริกา ในแง่ของสาธารณูปโภค ลองดูบริษัทที่ขึ้นชื่อในเรื่องครัวเรือน
Johnson & Johnson และ Procter & Gamble ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือนทั่วโลก แต่แทนที่จะลงทุนในหุ้นที่รองรับเศรษฐกิจถดถอย ก็อาจจะดีกว่าหากคำนึงถึงกองทุนรวมดัชนีที่กระจายความเสี่ยงได้ทันที เช่น Vanguard Consumer Staples ETF ที่ลงทุนในบริษัทหลัก 100 แห่ง
4. พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ – ก้าวนำอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นด้วยตราสารหนี้
อัตราเงินเฟ้อเป็นประเด็นสำคัญไปทั่วโลกในปีที่ผ่านมา และส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง และลูกค้ารายย่อยจำนวนมากต่างกำลังคิดว่าจะลงทุนอะไรดีในช่วงเงินเฟ้อ ซึ่งสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น กองทุนดัชนีหุ้นก็กำลังมีแนวโน้มขาลง
สิ่งนี้ทำให้ผลของเงินเฟ้อน่าตกใจยิ่งขึ้น ซึ่งการลงทุนที่ช่วยชดเชยระดับเงินเฟ้อที่สูงคือพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อหรือ TIP ซึ่งออกโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีหน้าที่ติดตามการขึ้นและลงของอัตราเงินเฟ้อ
เมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนของ TIP ก็เพิ่มเช่นกัน แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ช่วยให้นักลงทุนทำกำไรได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยคงความมั่งคั่งไว้จนกว่าระดับเงินเฟ้อจะกลับไปสู่ระดับเป้าหมาย นอกจากนี้ TIP ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยที่จะขาดทุน
5. โลหะมีค่า – สินทรัพย์ยอดนิยมน่าถือในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เสถียร
โลหะมีค่าเช่นทองคำและเงินถูกใช้เป็นเงินตรามาตั้งแต่ถูกใช้งาน แม้ว่าโลหะมีค่าจะไม่ค่อยถูกใช้ในการแลกเปลี่ยน แต่ก็มักจะเป็นตัวเก็บมูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ภาวะถดถอยใกล้เข้ามาและมีความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในตลาดโลก
การทำกำไรจากโลหะมีค่านั้นไม่จำเป็นต้องซื้อแท่งทองคำหรือเงิน แต่สินทรัพย์ทั้งสองประเภทนี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ผ่านกองทุน ETF ที่ถูกหนุนโดยโลหะมีค่า ซึ่งหมายความว่าจริงๆ แล้ว การลงทุนจะสอดคล้องกับราคาโลกอย่างใกล้ชิด
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ETF โลหะมีค่าคือการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหมายความว่านักลงทุนสามารถถอนเงินออกได้ทุกเมื่อ แทนที่จะต้องพยายามหาคนมาซื้อเหรียญหรือทองแท่ง นอกจากนี้ ETF โลหะมีค่าก็มีค่าธรรมเนียมกองทุนเพียง 0.5% ต่อปีเท่านั้น
6. หุ้นเทคโนโลยี – ซื้อหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำในตอนที่ราคาถูก
ในแง่หนึ่ง หุ้นเทคโนโลยีจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเกิดกับหุ้นหลายตัวในตลาดหลักทรัพย์ตลอดปี 2022 โดยตลาดดูเหมือนจะสนับสนุนบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าจำเป็น จากที่กล่าวมา นักลงทุนระยะยาวอาจพบว่าระดับราคาปัจจุบันน่าสนใจ
เช่น หุ้น Amazon ลดลง 47% ในช่วง 12 เดือนก่อนหน้า ซึ่งหมายความว่าตั้งแต่นั้นมา มูลค่าบริษัทได้ลดลงถึงระดับล้านล้านดอลลาร์ และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google มูลค่าลดลง 42% ในปีนี้ การล่มสลายของ Meta Platforms ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ก็มีความสำคัญอย่างมาก โดยหุ้นลดลงกว่า 70% ในปีนี้
สิ่งสำคัญคือหุ้นดังกล่าวมอบโอกาสในการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในหุ้นเทคโนโลยีในราคาที่ถูกลงอย่างมาก นี่คือคาดการณ์ว่าเมื่อตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะกลับคืนสู่จุดสูงสุดเดิม แต่แน่นอนว่าไม่มีการรับประกันว่าจะเป็นเช่นนั้น ใครที่หุ้นเทคโนโลยีควรทำกำไรในกลุ่มสินทรัพย์อื่นด้วย
7. Bond ETF – ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยการกระจายความเสี่ยงในตราสารหนี้
สงสัยว่ามีเงิน 1000 ลงทุนอะไรดี? เราแนะนำให้ลดความเสี่ยงของตลาดหุ้นด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งการเลือกลงทุนในตราสารหนี้แต่ละประเภทไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากนักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาตลาดอย่างจริงจัง และอาจจะคุ้มค่าที่จะพิจารณากองทุนรวมดัชนีที่ให้การเข้าถึงตราสารได้หลากหลาย
เช่น ETF ของ Vanguard Total International Bond เสนอการเข้าถึงตราสารหนี้เกือบ 6,800 รายการจากทั่วโลก ด้วยการจัดการกองทุนแบบพาสซีฟในตราสารหนี้ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี แคนาดา สหราชอาณาจักร สเปน ออสเตรเลีย อเมริกา และอีกมากมาย
นักลงทุนใน Bond ETF นี้จะได้รับส่วนแบ่งจากการจ่ายคูปองเป็นรายเดือน นอกจากนี้ ETF ของ Vanguard Total International Bond ยังเรียกเก็บอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อปีเพียง 0.07%
8. บิทคอยน์ – ลงทุนในมูลค่าอนาคตในตอนที่เหรียญคริปโตยังใหม่อยู่
แม้ก่อนหน้านี้เราจะพูดถึงเหรียญคริปโต แต่ก็เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวพรีเซลล์ใหม่ๆ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เมื่อประเมินถึงสินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูงที่น่าลงทุน เหรียญคริปโตที่เป็นที่ยอมรับก็ควรพิจารณาด้วยเช่นกัน เพราะตลาดคริปโตยังอยู่ในช่วงต้นเท่านั้นเมื่อเทียบกับหุ้น
กำลังสงสัยว่ามีเงิน 10000 ลงทุนอะไรดีและเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนคือเหรียญใด? นักวิเคราะห์ตลาดหลายคนอธิบายว่ามือใหม่ควรเลือกซื้อบิทคอยน์มากกว่าเหรียญคริปโตอื่นๆ เพราะบิทคอยน์เป็นเหรียญคริปโตดั้งเดิมและมีค่ามากที่สุด รวมทั้งเรียกได้ว่าเป็นเหรียญคริปโตน่าขุดที่สุดในโลกคริปโต มีการกระจายอำนาจอย่างแท้จริงโดยไม่มีหน่วยงานเกี่ยวข้องในเครือข่ายบิทคอยน์แต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีกองทุนบริหารความเสี่ยงที่ลงทุนในบิทคอยน์และยังมีตลาดฟิวเจอร์สเต็มรูปแบบที่เปิดบริการตั้งแต่ปี 2017 ตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2022 บิทคอยน์ยังมีราคาที่ระดับประมาณ 20,000 ดอลลาร์ สิ่งนี้แสดงถึงจุดราคาที่ต่ำกว่า 70% ของราคา All Time High เดิม
หมายความว่าเหรียญมีราคาถูกลงอย่างมาก หากบิทคอยน์สร้างจุดสูงสุดใหม่ในช่วงตลาดขาขึ้นครั้งถัดไป นอกจากนี้การกระจายความเสี่ยงในตลาดแบบนี้ ก็อาจคุ้มค่าที่จะพิจารณา ETF เหรียญคริปโต และกองทุนดัชนี และเป็นไปได้ที่จะลงทุนในบิทคอยน์ พร้อมเหรียญคริปโตอื่นอีกกว่า 70 สกุลที่ eToro ในราคาเริ่มต้นเพียง $10
คุณอาจจะต้องศึกษาแนวโน้มราคาบิทคอยน์ให้ดีก่อนว่า ทิศทางราคาในอนาคตจะเป็นอย่างไร โดยอ่านจากบทความของเรา
9. หุ้นปันผล – เน้นหุ้นที่มีสถิติมูลค่าราคาที่จ่ายเงินปันผลในระยะยาว
หุ้นปันผลยังเป็นที่ต้องการอย่างมากในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตามก็เป็นการดีที่สุดที่จะมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลมาอย่างยาวนานและได้รับการพิสูจน์แล้ว แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ผลตอบแทนสูงสุด
เพราะบริษัทที่ให้ผลตอบแทนสูงผิดปกติมักจะไม่สามารถคงผลตอบแทนได้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ให้พิจารณาถึงบริษัทที่จ่ายและเพิ่มขนาดการจ่ายเป็นเวลา 25 และ 50 ปีติดต่อกัน เหมาะสำหรับคนสงสัยว่ามีเงิน 30000 ลงทุนอะไรดี?
มีหุ้นปันผลจำนวนมากที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว และตัวอย่างยอดนิยม ได้แก่ Coca-Cola, Johnson & Johnson, Stanley Black & Decker และ Nordson หากสงสัยว่าหุ้นที่น่าลงทุนตอนนี้คืออะไร? นักลงทุนยังสามารถกระจายความเสี่ยงได้โดยการลงทุนใน ETF กลุ่มหลักทรัพย์ที่มีการเติบโต เพื่อเปลี่ยนการลงทุนให้กลายเป็นรายได้
10. กองทุน RMF – เริ่มต้นด้วยแผนการลงทุนลดหย่อนภาษีระยะยาว
นอกจากการประเมินว่าจะลงทุนอะไรดีแล้ว การประเมินภาระภาษีก็มีความสำคัญเช่นกัน และกองทุน RMF ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นกองทุนออมเงินเพื่อการเกษียณในระยะยาว
โดยมีเงื่อนไขก็คือต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี และมีอายุครบ 55 ปี จึงสามารถขายคืนกองทุนเพื่อนำเงินมาใช้ได้ ซึ่งกองทุน RMF จะมีนโยบายการลงทุนมากมาย ได้แก่ หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตน
ซึ่งการจะลงทุนให้เห็นผลนั้น นักลงทุนจะต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี) ยกเว้นว่าถ้าปีนั้นๆ นักลงทุนไม่มีรายได้ ก็จะไม่จำเป็นต้องลงทุน โดยภายในระยะเวลาการลงทุน 5 ปี จะนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยการลงทุนเท่านั้น ซึ่งเป็นการสะสมเงินและเป็นการลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยที่ดีที่สุดนั่นเอง
วิธีเลือกว่าจะลงทุนอะไรดีเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูง
เราได้กล่าวถึงสินทรัพย์ทุกประเภทไปแล้ว ตั้งแต่พรีเซลล์คริปโต หุ้นเทคโนโลยี ไปจนถึงโลหะมีค่า และกองทุนดัชนี แต่สิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนคือการสร้างพอร์ตการลงทุนของตนเองตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้
ด้านล่างนี้เราจะอธิบายประเด็นสำคัญบางประการที่ควรพิจารณาเมื่อประเมินว่าควรลงทุนอะไรดีในตอนนี้
ระยะเวลาการลงทุน
ก่อนเริ่มเส้นทางการลงทุน ขอแนะนำให้มือใหม่พิจารณาระยะเวลาที่พวกเขาวางแผนจะใช้ในตลาดนี้
เช่น นักลงทุนบางรายต้องการสร้างพอร์ตระยะยาวของสินทรัพย์โดยรักษาเงินก้อนให้มั่นคงเมื่อถึงวัยเกษียณ นี่เป็นกลยุทธ์ที่ควรพิจารณา เนื่องจากนักลงทุนระยะยาวสามารถผ่านวัฏจักรตลาดได้
กลับกัน นักลงทุนบางส่วนจะติดตามแนวโน้มและสร้างผลกำไรในระยะสั้น แม้ว่านักเทรดระยะสั้นจะนำหน้าตลาด แต่ก็จำเป็นต้องมีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นไปที่การศึกษาและวิเคราะห์
ผลตอบแทนที่ต้องการ
นักลงทุนยังต้องประเมินถึงผลตอบแทนที่ต้องการเมื่อประเมินว่าจะลงทุนอะไรดีในตอนนี้
- ตัวอย่างเช่น การลงทุนใน TIP จะไม่ทำอะไรไปมากไปกว่าการติดตามอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน
- แม้ว่าจะช่วยรักษาความมั่งคั่งในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่จะไม่สามารถทำกำไรได้
- แต่พรีเซลล์คริปโตและหุ้นเทคโนโลยีอาจให้สร้างกำไรได้สูงที่สุด
- ตัวอย่างเช่น Love Hate Inu กำลังเสนอการโทเค็น LHINU ในราคาถูกผ่านแคมเปญ Pre-sale ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 70% เมื่อเปิดตัว
และคล้ายกับหุ้น IPO มูลค่า LHINU ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเหรียญถูกลิสต์ลงกระดานแลกเปลี่ยนคริปโต
ระดับของความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ระดับของความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นสิ่งสำคัญในการประเมินว่าจะลงทุนอะไรดีในตอนนี้
เช่น บริษัทที่จ่ายเงินปันผลเสมอนั้นถือว่าค่อนข้างมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากได้จ่ายและเพิ่มขนาดเงินปันผลเป็นเวลาอย่างน้อย 25 หรือ 50 ปีตามลำดับ
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งบริษัท เช่น Amazon และ Meta Platforms มักจะทำได้ดีขึ้นเมื่อเศรษฐกิจโลกแข็งแกร่ง
สภาพคล่อง
นักลงทุนควรมองเห็นความสำคัญของสภาพคล่องเมื่อต้องขายเงินลงทุน ผู้ที่อาจต้องการเข้าถึงเงินสดอย่างรวดเร็วควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงเท่านั้น เช่น หุ้น เหรียญคริปโต และกองทุนดัชนี
แต่ผู้ลงทุนระยะยาวอาจพิจารณาถึงตราสารหนี้และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจใช้เวลาขายนานกว่าในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในวงกว้าง
บทสรุปเกี่ยวกับการลงทุนอะไรดี
การรู้ว่าควรลงทุนอะไรดีในตอนนี้นั้นขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคน โดยมือใหม่ที่มีคำถามว่ามีเงิน 100000 ลงทุนอะไรดีก็ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงที่รับได้และเวลาที่คาดหวังในตลาดเพื่อสร้างพอร์ตที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของตน
ทั้งนักลงทุนระยะยาวและสั้นอาจพิจารณาพรีเซลล์คริปโตคุณภาพสูงที่โดดเด่นที่สุด เช่น Love Hate Inu ที่ปัจจุบันเป็นการ Pre-sale ที่โดดเด่นในตลาด โดยเป็นโปรเจกต์ vote-to-earn ที่ระดมทุนไปแล้วกว่า 400,000 ดอลลาร์ในช่วงสองสามวันแรก และมีศักยภาพที่จะเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ปัจจุบันโทเค็น LHINU วางจำหน่ายในรอบแรกของการ Pre-sale ในราคาเพียง $0.000085 และจะเพิ่มขึ้น 70% เป็น $0.000145 เมื่อการ Pre-sale สิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม
Love Hate Inu - เหรียญมีม Web3.0 แรกแนว Vote-To-Earn
- โหวตหัวข้อปัจจุบันและรับโทเค็น $LHINU
- แพลตฟอร์ม Web3.0 แรกแนว Vote-To-Earn
- การลงคะแนนที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และไม่ระบุตัวตน
- Rug Pull Proof - 90% ของโทเค็นที่มีจำหน่ายในช่วงพรีเซลล์
- สะสมพลังโหวตโดย stake โทเค็น $LHINU