แม้ว่า Web1.0 อาจถูกมองว่าเป็นอินเทอร์เน็ตแบบเก่า ที่มีความเร็วของโมเด็มอยู่ที่ 56,000 ส่วน Web2.0 ก็เป็นการเติบโตของโซเชียลมีเดียและข้อมูลบนมือถือ
ในขณะที่ Web3.0 คืออินเทอร์เน็ตยุคใหม่ ครอบคลุมเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น คริปโตเคอเรนซี่ บล็อกเชน NFT (Non-fungible token) การเงินแบบ Decentralized (DeFi) และ Metaverse
ในคู่มือสำหรับมือใหม่นี้ เราจะมาสำรวจวิธีลงทุนใน Web3.0 ในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี
วิธีลงทุนใน Web3.0 ยอดนิยม
เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้ได้เปรียบในตลาดที่กำลังเติบโตนี้ การลงทุนในเว็บ 3.0 ที่ดีที่สุด มีดังต่อไปนี้:
- โทเค็น Web3.0 – วิธีลงทุนใน Web3.0 ที่ดีที่สุด
- หุ้น Web3.0 – วิธีง่าย ๆ ในการเข้าถึงบริษัท Web3.0
- MetaverseLife Smart Portfolio – ลงทุนในพอร์ตที่ได้รับการจัดการของหุ้น Web3.0 และคริปโต
- ARK Fintech Innovation ETF – กระจายการลงทุนในเทคโนโลยี Web3.0
- NFTs – ลงทุนด้วยการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล
- DeFi – ลงทุนในการเงินแบบ Decentralized
- Crypto Staking– รับผลตอบแทนในตลาดอนาคต
- ซื้อที่ดินใน Metaverse – เป็นเจ้าของสินทรัพย์ใน Web3.0 ผ่านโครงการ Metaverse ยอดนิยม
- สินเชื่อคริปโต – เพิ่มทุนโดยใช้คริปโตเป็นหลักประกัน
- Internet of Things – การเชื่อมต่อทั่วโลกผ่าน IoT
เราอธิบายวิธีลงทุนใน Web3.0 ในส่วนถัดไปของคู่มือนี้
รีวิววิธีที่จะลงทุนในเว็บ 3.0 ได้อย่างไร?
เมื่อเรียนรู้วิธีลงทุนใน Web3.0 สิ่งสำคัญคือต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับหน่วยงานต่างๆ มากมายที่ดำเนินงานในพื้นที่นี้
นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์เมื่อนักลงทุนทราบว่าสินทรัพย์และเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภททำงานอย่างไร เพื่อให้แน่ใจว่า Web 3.0 กับการลงทุนจะสอดคล้องกับเป้าหมายในระยะยาว
ด้านล่างนี้ เราจะพูดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนใน Web3.0 วันนี้
1. โทเค็น Web3.0 – วิธีลงทุนใน Web3.0 ที่ดีที่สุด
เราพบว่าวิธีลงทุนใน Web3.0 โดยรวมที่ดีที่สุด คือ การซื้อโทเค็นทั้งสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับแนวหน้าของการปฏิวัติ Web3.0 ซึ่งควรรู้ว่าควรซื้อโทเค็นที่ไหน และใช้กลยุทธ์กระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนที่หลากหลายในแต่ละโครงการ ที่มีแนวโน้มว่าจะมีอิทธิพลในอนาคต
จากแนวโน้มตลาดขาขึ้น เราพบว่าหนึ่งในเหรียญมีมที่มีความโดดเด่นสูง ก็คือ Sponge V2 ซึ่งมุ่งมั่นที่จะเติบโตขึ้นด้วยประโยชน์ใช้งานที่มากกว่าเดิม แถมด้วยการไม่เก็บภาษีธุรกรรม ซึ่งน่าจะช่วยให้นักลงทุนหันมาสนใจเหรียญมีมเหรียญนี้มากขึ้น
ถ้าคุณกำลังมองหาเหรียญมีมที่มีแนวโน้มที่จะดังเป็นพลุแตก SPONGEV2 เป็นอีกหนึ่งเหรียญมีมที่น่าสนใจ และอาจเป็นเหรียญแห่งอนาคตได้ เพราะดูเหมือนว่าเหรียญมีมเหรียญนี้จะได้รับการสนับสนุนจากชุมชนเป็นอย่างดี และนักลงทุนกระตือรือร้นที่จะสร้างกระแสทางออนไลน์จนกลายเป็นไวรัล
ทีมพัฒนาโครงการได้มีการประกาศการเชื่อมโยงจาก V1 สู่ V2 ทำให้ SPONGEV2 เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการความสำเร็จแบบที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และในเวอร์ชั่นใหม่ได้มีการพัฒนาประโยชน์ใช้งาน ที่นักลงทุนสามารถ Stake โทเค็น $SPONGE เพื่อรับโทเค็น V2 เป็นการตอบแทนได้
ทั้งนี้ในเอกสารไวท์เปเปอร์ Sponge V2 ระบุว่าถึงความสามารถของโทเค็นหลักอย่าง $SPONGE ว่าจะเป็นโทเค็นที่ทำหน้าที่ให้รางวัลแก่ผู้ใช้งานที่ทำการ Stake และแจกจ่ายเงินรางวัลตลอดระยะเวลา 4 ปี
ขณะนี้ Sponge V2 ยังไม่ถูกลิสอย่างเป็นทางการ แต่สามารถซื้อโทเค็น $SPONGE เพื่อทำการ Stake และรับ Sponge V2 ได้ทันที ด้วยเหตุนี้ จึงมีเหตุผลมากมายที่น่าจะทำให้โอกาสการเติบโตของเหรียญนี้เพิ่มขึ้นหลาย 10 เท่า หรือหลาย 100 เท่า โดยเฉพาะในตลาดขาขึ้นตลอดทั้งปีนี้
คุณสามารถเข้าร่วม X และ Telegram เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดของ Sponge V2 ได้ตลอดเวลา
เพดานเงินทุน
ไม่ระบุ
โทเค็นทั้งหมด
150 พันล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์
ไม่ระบุ
Blockchain
เครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็น
ERC-20
เงินลงทุนขั้นต่ำ
ไม่มี
ซื้อได้ด้วย
ETH, USDT, Card
2. หุ้น Web3.0 – วิธีง่าย ๆ ในการเข้าถึงบริษัท Web3.0
ตลาดหุ้นเสนอวิธีลงทุนใน Web3.0 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราควรทราบว่าไม่มีบริษัท Web3.0 ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สาธารณะ แต่นักลงทุนจะต้องเลือกหุ้นที่กำลังศึกษาเทคโนโลยีเกี่ยวกับสิ่งนี้ ควบคู่ไปกับศึกษาโมเดลธุรกิจหลักของพวกเขา
ตัวอย่างเช่น Coinbase ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ชัดเจนที่สุด เนื่องจากเป็นกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตยอดนิยม และมีส่วนในการปฏิวัติบล็อกเชน นอกเหนือจากการให้บริการเทรดเดอร์เกือบ 100 ล้านคนแล้ว Coinbase ยังมีบริการ Stake และตลาด NFT ซึ่งเราจะมาดูรายละเอียดของทั้งสองนี้เพิ่มเติมในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม หุ้นของ Coinbase อาจน่าดึงดูดสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่ถูกประเมินค่าต่ำ เพราะนับตั้งแต่เปิด IPO ในปี 2021 หุ้น Coinbase ได้ลดลงมาแล้วมากกว่า 80% ดังนั้น ผู้ที่มองว่า Coinbase ถูกประเมินค่าต่ำเกินไป จึงสามารถมีลงทุนในหุ้น Web3.0 นี้ด้วยราคาลดพิเศษได้
อีกทางเลือกหนึ่งที่ควรพิจารณาเมื่อต้องการเรียนรู้วิธีลงทุนใน Web3.0 คือ Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดหา GPU และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชิป เพื่อให้ Web3.0 สามารถทำงานได้ในระดับโลก ส่วนประกอบหลักเหล่านี้ จะเติมพลังให้กับสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป ที่จำเป็นต่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในอนาคต
นอกจาก Nvidia แล้ว นักลงทุนยังอาจพิจารณา Advanced Micro Devices จากอุตสาหกรรม Semiconductor ด้วย อีกมุมหนึ่งคือการซื้อหุ้นในบริษัท 5G เพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ มีความเร็วในการเชื่อมต่อที่ก้าวไปอีกขั้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่าเทคโนโลยี 5G จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ
ตัวอย่างของบริษัทที่มีบทบาทอย่างมากเกี่ยวกับ 5G ได้แก่ American Tower Corporation, AT&T และ Verizon หุ้นเหล่านี้ครอบคลุมการผสมผสานที่ดีของเทคโนโลยี 5G เช่น โครงสร้างพื้นฐานหอโทรคมนาคมและการดำเนินงานเครือข่าย Meta Platforms
ในแง่ของแหล่งที่จะซื้อคริปโตเคอเรนซี่และหุ้นของ Web3.0 ก็ควรที่จะเลือกโบรกเกอร์ต้นทุนต่ำที่เสนอการเป็นเจ้าของแบบสัดส่วน ตัวอย่างเช่น eToro ซึ่งให้การเข้าถึงหุ้น Web3.0 ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น โดยมีค่าคอมมิชชั่น 0% และซื้อขายขั้นต่ำได้ที่ 10 ดอลลาร์
3. eLife Smart Portfolio – ลงทุนในพอร์ตที่ได้รับการจัดการของหุ้น Web3.0 และคริปโต
เมื่อต้องการเรียนรู้วิธีลงทุนใน Web3.0 อีกทางเลือกหนึ่งที่ควรพิจารณา คือการลงทุนในพอร์ตที่มีการจัดการ ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด ก็คือ MetaverseLife Smart Portfolio ที่นำเสนอโดย eToro
ทีมงานของ eToro ได้สร้างหุ้นและสินทรัพย์คริปโตที่คัดสรรมาอย่างดี ซึ่งสามารถเข้าถึง metaverse หนึ่งในเทคโนโลยีที่คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในอนาคต
ในแง่ของหุ้น Web3.0 พอร์ตลงทุนของ MetaverseLife ครอบคลุมทั้ง Meta Platforms, Roblox, Amazon, Microsoft, Apple, Snap, Taiwan Semiconductor และ Shopify ในกรณีของการถือครองสกุลเงินดิจิทัล Metaverse Smart Portfolio ที่ eToro ให้การเข้าถึงทั้ง Decentraland , Sandbox และ Enjin
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำสำหรับ Metaverse Smart Portfolio คือ 500 ดอลลาร์ และ eToro ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมใด ๆ นอกจากนี้ สินทรัพย์ที่ถืออยู่ในพอร์ตการลงทุน จะได้รับการปรับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุน
เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพ และเช่นเดียวกับการลงทุน Web 3.0 ส่วนใหญ่ ระดับความผันผวนของวิธีนี้ยังคงอยู่ในระดับสูง ตัวอย่างเช่น Metaverse Smart Portfolio สร้างรายได้ 61%, 77% และ 345% ในปี 2019, 2020 และ 2021 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับปี 2022 รายได้มีการลดลงถึง 46% เนื่องจากอยู่ในช่วงตลาดขาลงที่ซบเซา
อ่านเพิ่มเติม : มีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีในปี 2024
4. ARK Fintech Innovation ETF – กระจายการลงทุนในเทคโนโลยี Web3.0
อีกทางเลือกหนึ่งที่ควรพิจารณาสำหรับวิธีลงทุนใน Web3.0 คือ การ ซื้อขาย ETF เช่นเดียวกับ Smart Portfolio ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ตัวเลือกนี้ช่วยให้นักลงทุนได้สัมผัสกับ Web3.0 แบบง่าย ๆ เช่น ARK Fintech Innovation ซึ่งดำเนินการโดย Cathie Wood
กองทุน ETF นี้มีเป้าหมายที่จะลงทุนเพื่อการเติบโตของเทคโนโลยีในระยะยาว ซึ่ง “อาจเปลี่ยนวิธีการทำงานของภาคการเงิน” ซึ่งรวมถึงทุกสิ่งตั้งแต่เทคโนโลยีบล็อกเชน การระดมทุน ไปจนถึงแพลตฟอร์มตัวกลางที่พบปะกับลูกค้า
ARK Fintech Innovation ETF มี NAV ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งโดยทั่วไปจะถือหุ้นระหว่าง 35-55 ตัว ตั้งแต่ Block, Shopify และ Coinbase ไปจนถึง Twilio, Mercado Libre และ Draftkings ทั้งนี้ สามารถซื้อ ETF นี้ได้บน eToro ที่ค่าคอมมิชชัน 0% และใช้เงินทุนขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 10 ดอลลาร์
5. NFT – ลงทุนด้วยการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกเหนือจาก Metaverse และคริปโตเคอเรนซี่แล้ว NFT ยังเป็นเสาหลักอีกประการหนึ่งของ Web3.0 ด้วยเหตุนี้ NFT จึงเป็นหนึ่งในวิธีลงทุนใน Web3.0 สำหรับผู้ที่ไม่รู้ NFT มีความคล้ายคลึงกับคริปโตเคอเรนซี่ เช่น Bitcoin และ Ethereum หรือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนเครือข่ายบล็อกเชน
อย่างไรก็ตาม ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ NFT ไม่สามารถทดแทนกันได้ ซึ่งหมายความว่าไม่มี NFT สองตัวที่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น สมมติว่ามีคนส่ง 1 Bitcoin ไปยังบุคคลอื่น ๆ ผู้ที่ได้รับเงินตอนนี้จะมี 1 Bitcoin และสามารถนำมาใช้ในลักษณะเดียวกันในภายหลังได้ ซึ่งเป็นตัวอย่างของสินทรัพย์ที่สามารถทดแทนได้ เช่นเดียวกับการใช้เงินแบบดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม NFT จะแสดงความเป็นเจ้าของที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้น จึงไม่สามารถเลียนแบบได้ ตัวอย่างเช่น NFT สามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของโรงแรมได้ หากเจ้าของต้องการขายโรงแรม หรือการระดมทุนทางธุรกรรม ก็อาจเกิดขึ้นในรูปแบบของ NFT ได้เช่นกัน
แม้ว่าตลาดนี้ยังคงใหม่อยู่ แต่แนวโน้มในปัจจุบันก็มีความโดดเด่น ตัวอย่างเช่น คาดว่าตลอดปี 2021 จะมี NFT สร้างยอดขายได้มากกว่า 25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่อิงจากสินค้าและบริการที่จับต้องไม่ได้ เช่น ศิลปะดิจิทัล และอสังหาริมทรัพย์เสมือนจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลเลกชัน Bored Ape Yacht Club NFT ที่ได้รับความสนใจจากคนดังระดับโลก
ด้วยเหตุนี้ NFT บางตัวในคอลเลกชันนี้ จึงขายได้ในราคา 7 หลัก เพื่อสร้างรายได้จากพื้นที่นี้ นักลงทุนจะต้องค้นหา NFT ที่เหมาะสม เพื่อซื้อภายในงบประมาณที่กำหนด ซึ่งถือเป็นส่วนที่ยุ่งยากที่สุด เนื่องจากขณะนี้มีคอลเลกชัน NFT มากเกินไป อย่างไรก็ตาม เพื่อเริ่มต้นการลงทุน นักลงทุนอาจพิจารณา Launchpad.xyz และ Crypto.com ได้
ตลาดนี้สามารถเข้าถึง NFT ที่กำลังมาแรงได้มากมาย เช่น คอลเลกชัน Lucky Block NFT ซึ่งประกอบด้วยหมายเลขที่ไม่ซ้ำกัน 10,000 หมายเลข และจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าถึง Platinum Rollers Club ของโครงการได้ ผู้ที่ถือ NFT จะได้สิทธิเข้าร่วมการจับรางวัลตลอดชีวิต โดยจ่ายรางวัลเป็นโทเค็น LBLOCK ซึ่งสนับสนุน Lucky Block นั่นเอง
Lucky Block ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการจับรางวัล NFT ซึ่งรางวัลในแต่ละครั้งจะมีตั้งแต่ตั๋ว FIFA World Cup ไปจนถึงทรัพย์สินมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยผู้เข้าร่วมจะต้องมี NFT จึงจะเข้าถึงได้ ผู้ถือ Lucky Block NFT จะยังคงได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่พวกเขายังคงเป็นเจ้าของอยู่ โดยไม่คำนึงว่า พวกเขาจะชนะการจับรางวัลหรือไม่
เรียนรู้เพิ่มเติม: อ่านคู่มือเกี่ยวกับวิธี Flip NFT
6. DeFi – ลงทุนในการเงินแบบ Decentralize
DeFi เป็นอีกหนึ่งวิธีลงทุนใน Web3.0 ซึ่งมีแนวคิดหลัก คือ การลงทุนแบบกระจายอำนาจ ซึ่งหมายความว่า ผู้คนจะสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินหลัก ๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านผู้ให้บริการแบบ Centralize เช่น ธนาคาร หรือสถาบันสินเชื่อ
ตัวอย่างเช่น ในตลาดปัจจุบันต้องฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ย แต่ในประเทศส่วนใหญ่ อัตราดอกเบี้ยจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของ 1% ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับแพลตฟอร์ม DeFi ที่ช่วยให้นักลงทุนได้รับอัตราดอกเบี้ยที่น่าดึงดูดใจในแบบ decentralize
กระดานแลกเปลี่ยน DeFi Swap เป็นตัวอย่างที่ดีของแพลตฟอร์มแบบ decentralize ที่สามารถ Stake โทเค็นหลักอย่าง DeFi Coin และรับอัตราดอกเบี้ย 75% ต่อปี กระดานแลกเปลี่ยน DeFi Swap ยังให้บริการการซื้อขายแบบ decentralize ซึ่งไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชี แต่นักลงทุนสามารถแลกเปลี่ยนโทเค็น Web3.0 ได้ง่าย ๆ ด้วยการคลิกปุ่มเพียงปุ่มเดียว
DeFi Swap จะเปิดตัวแพลตฟอร์ม Yield Farming ที่ช่วยให้นักลงทุนได้สร้างรายได้แบบพาสซีฟผ่านกองทุนสภาพคล่อง พูดง่าย ๆ ก็คือ การจัดหาสินทรัพย์สภาพคล่องให้แก่กระดานแลกเปลี่ยน DeFi Swap โดยนักลงทุนจะได้รับส่วนแบ่งของค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ซึ่งได้รับการจัดการโดยทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง DeFi Swap ซึ่งรวมถึง NFT และศูนย์กลางการเรียนรู้
นักลงทุนสามารถเข้าถึง DeFi Coin ได้บน PancakeSwap
7. Crypto Staking – รับผลตอบแทนในตลาดอนาคต
เราได้กล่าวถึงการ Staking ใน DeFi Coin ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าการ Staking จะมีบทบาทสำคัญในอนาคตสำหรับวิธีลงทุนใน Web3.0 เนื่องจากวิธี Staking เหรียญคริปโตมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายบล็อคเชน ที่สร้างขึ้นด้วยกลไก Proof-of-stake
ดังนั้น เพื่อรักษาเครือข่ายให้ปลอดภัย นักลงทุนจะต้องฝากเหรียญคริปโตของตนลงในบล็อกเชน และในการทำเช่นนั้นก็จะได้รับผลตอบแทน ซึ่งทำให้เกิดการ Staking นับแต่นั้นเป็นต้นมา และมีหลายแพลตฟอร์มที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงมากขึ้น
Quint เป็นตัวอย่างที่สำคัญ เนื่องจากโปรเจ็กต์นี้นำเสนอแนวคิดการ Staking แบบ ‘พิเศษ’ ที่ผสมผสานการให้รางวัลเข้ากับการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น เมื่อฝากโทเค็นลงในกองทุนทั่วไปของ Quint จะมีการจ่ายอัตราดอกเบี้ยตามมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม กองทุนแบบพิเศษจะสามารถเข้าถึงการแข่งขันได้ด้วย
การแข่งขันที่มีมูลค่ามากที่สุดของ Quint จะมอบรางวัลเป็น Bored Ape Yacht Club NFT ซึ่งเป็นคอลเลกชัน NFT ที่สามารถทำยอดขายได้มากกว่าล้านดอลลาร์ ซึ่งการจะได้รับตั๋ว 1 ใบเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน จะต้อง Stake โทเค็น Quint 500 เหรียญ
การจับรางวัลในการแข่งขันนี้ จะเกิดขึ้น 61 วันหลังจากวันเริ่ม Staking ซึ่งหลังจากการจับสลาก จะมีการจ่ายผลตอบแทนการลงทุนบวกกับรางวัลที่ได้รับให้แก่นักลงทุน ไม่ว่าจะชนะการแข่งขันหรือไม่ก็ตาม
เรียนรู้เพิ่มเติม : อ่านคำแนะนำของเราเกี่ยวกับวิธีซื้อ Quint เพื่อรับประโยชน์จากรางวัล Staking สุดพิเศษ
8. ซื้อที่ดินใน Metaverse – เป็นเจ้าของสินทรัพย์ใน Web3.0 ผ่านโครงการ Metaverse ยอดนิยม
ทางเลือกหนึ่งที่ควรพิจารณาสำหรับวิธีลงทุนใน Web3.0 วิธีต่อไป คือ การซื้อที่ดินเสมือนจริงในโปรเจกต์ Metaverse NFT ที่ดีที่สุด เช่น Decentraland และ Sandbox ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อที่ดินภายในโลก metaverse ได้
นักลงทุนจะได้เป็นเจ้าของใน metaverse และมีอิสระในการสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อต่อยอดได้ ตัวอย่างเช่น นักลงทุนอาจตัดสินใจสร้างโรงแรมเสมือนจริง และเปิดให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชน metaverse เช่าห้องพักได้
หรือนักลงทุนอาจตัดสินใจสร้างกิจการเสมือนจริงบนที่ดินของตนเอง เช่น คาสิโนหรือสนามกีฬา ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด สิ่งสำคัญที่ต้องทราบก็คือ การขายที่ดินบน metaverse เป็นอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นจริงอยู่แล้ว
ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายปี 2021 มีรายงานว่า นักลงทุนจ่ายเงินมากกว่า 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อที่ดินส่วนหนึ่งภายใน Metaverse ของ Sandbox และเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการขาย มีการขายที่ดินบน Decentraland ในราคากว่า 2 ล้านดอลลาร์ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ที่ดินบน metaverse มีโอกาสการเติบโตที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อมีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์แบบดั้งเดิม
เพื่อที่จะได้สัมผัสกับที่ดิน metaverse นักลงทุนจะต้องเลือกโครงการที่เหมาะสมให้ได้ก่อน จากนั้น จะต้องมีโทเค็นหลักของโปรเจ็กต์ที่เกี่ยวข้อง เช่น MANA สำหรับ Decentraland หรือ SAND สำหรับ Sandbox ซึ่ง eToro เสนอการเข้าถึงเหรียญคริปโต metaverse หลายเหรียญ ในราคาเริ่มต้นเพียง 10 ดอลลาร์ โดยมีค่าคอมมิชชัน 1%
9. สินเชื่อคริปโต – เพิ่มทุนโดยใช้คริปโตเป็นหลักประกัน
เมื่อใช้ Web3.0 ร่วมกับเทคโนโลยีบล็อคเชน คาดว่าจะทำให้เกิดการปฏิวัติวิธีการในการให้กู้ยืมทั่วโลก เพราะการให้สินเชื่อในปัจจุบันจะต้องผ่านการดำเนินการแบบ Centralize เช่น ธนาคาร ซึ่งมักกำหนดให้ผู้กู้ยืมต้องผ่านขั้นตอนการสมัครที่เข้มงวด รวมถึงการตรวจสอบเครดิตและเอกสารทางการเงิน
แต่แพลตฟอร์มที่ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี Web3.0 จะช่วยให้ผู้กู้ยืมสามารถสมัครสินเชื่อคริปโตได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบประวัติทางการเงิน และ แพลตฟอร์มอย่าง Crypto.com รองรับสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติทันที เพื่อแลกกับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหลักประกัน
Crypto.com มี LTV (อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่า) อยู่ที่ 50% ซึ่งหมายความว่าทุก ๆ 1,000 บาทที่ฝากไว้เป็นหลักทรัพย์ ผู้ยืมจะได้รับวงเงินเครดิต 500 บาท และในหลาย ๆ กรณี นักลงทุนระยะยาวจะใช้กลยุทธ์นี้เพื่อเพิ่มความเสี่ยงต่อผลิตภัณฑ์ Web3.0
วิธีลงทุนใน Web3.0 เช่น สมมติว่านักลงทุน Bitcoin ในระยะยาวมีโทเค็น BTC มูลค่า 5,000 ดอลลาร์ พวกเขาสามารถฝากโทเค็น BTC ลงใน Crypto.com และรับเงินกู้มูลค่า 2,500 ดอลลาร์ได้ ทให้นักลงทุนมีโทเค็นมูลค่ารวม 7,500 ดอลลาร์ และหากมูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ได้รับผลกำไรเพิ่มมากขึ้นด้วย
10. Internet of Things – การเชื่อมต่อทั่วโลกผ่าน IoT
ตัวเลือกสุดท้ายที่ต้องพิจารณาในวิธีลงทุนใน Web3.0 ที่ดีที่สุด ก็คือ Internet of Things หรือ IoT ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ยังคงได้รับความนิยมจากนักสร้างสรรค์นวัตกรรม Web3.0 ควบคู่ไปกับการลงทุนสินทรัพย์ metaverse, NFT และคริปโต เนื่องจากแนวคิด IoT มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างโลกในทุกแง่มุมที่เชื่อมโยงกันผ่าน Web3.0
ตัวอย่างเช่น บ้านอัจฉริยะ ที่ควบคุมการเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกล ซึ่งใช้แนวคิด IoT เพื่อทำให้แน่ใจว่า อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถควบคุมผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟนได้
IoT นำสิ่งต่าง ๆ ก้าวไปสู่อีกระดับ และมีแนวโน้มที่จะดำเนินการควบคู่ไปกับโลก Metaverse เพื่อที่จะลงทุนในส่วนนี้ ตัวเลือกที่ดีที่สุด คือ การสำรวจ Global X Internet of Things ETF ซึ่งครอบคลุมหุ้นที่หลากหลาย และเชื่อมโยงกับทั้ง IoT และ Web3.0
ตัวอย่างเช่น Dexcom, Skyworks Solutions, Garmin, ADT และ Ememory Technology หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ การสำรวจ IOTA โครงการคริปโตยอดนิยมที่ใช้เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับส่งข้อมูลและการทำธุรกรรม IoT นักลงทุนสามารถซื้อ MIOTA ได้แล้วที่ eToro ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 10 ดอลลาร์
Web3.0.0 คืออะไร? วิธีลงทุนใน Web3.0 เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่?
ปัจจัยที่สำคัญของวิธีลงทุนใน Web3.0 คือ การทราบว่าอุตสาหกรรมนี้มีโอกาสการเติบโต และสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมในระยะยาวหรือไม่
เพราะท้ายที่สุดแล้ว Web3.0 เป็นเพียงแนวคิดในการรวมเทคโนโลยีเกิดใหม่ไว้ในที่เดียว ทั้ง คริปโตเคอเรนซี่, blockchain, NFT, DeFi, metaverse และอื่น ๆ อีกมากมาย
ในส่วนนี้ เราจะพิจารณาให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นว่า Web3.0 คือ การลงทุนที่มีโอกาสการเติบโตหรือไม่?
ความได้เปรียบจากการเข้าสู่ตลาดก่อนคู่แข่ง
เราได้กล่าวถึงข้อได้เปรียบของผู้ที่เข้าสู่ตลาดก่อนคู่แข่งไว้สั้น ๆ ในช่วงต้นของคู่มือนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าการเริ่มใช้วิธีลงทุนใน Web3.0 ตั้งแต่ตอนนี้ จะช่วยให้ได้สัมผัสกับแนวคิดในช่วงเริ่มต้นอย่างแท้จริง
ลองดูตัวอย่างเหล่านี้:
- Web1.0 หมายถึง สิ่งที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ตแบบดั้งเดิมในทศวรรษ 1990
- บรรดาผู้ที่ลงทุนในเทคโนโลยี Web1.0 ในสมัยนั้น จะต้องพิจารณาและประเมินมูลค่าของพอร์ตการลงทุนที่น่าสนใจ
- ซึ่งอาจประกอบด้วยบริษัทที่มุ่งเน้นที่ความเร็วแบนด์วิธที่เพิ่มขึ้น หรือเป็นผู้ผลิต GPU และ CPU
- ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด การลงทุนในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ในช่วงแรกอาจมีความเสี่ยง แต่จะได้ผลตอบแทนในที่สุด
Web2.0 ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งนี้ประกอบด้วยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟน แอพ และโซเชียลมีเดีย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรื่องใหม่ แต่ปัจจุบันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แม้แต่ในประเทศกำลังพัฒนาก็ตาม
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะเริ่มลงทุนใน Web3.0 ตั้งแต่เนิ่นๆ
แน่นอนว่านักวิจารณ์จำนวนมาก ยังคงมีความถืดเห็นเชิงลบต่อ metaverse และ NFT อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์กลุ่มเดียวกันนี้ น่าจะคิดว่าอินเทอร์เน็ตเป็นเพียงกระแสนิยมเมื่อเกิดขึ้นครั้งแรกเช่นกัน
นอกจากนี้ การค้นหาสกุลเงินดิจิทัลที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นผ่านฟอรัมสนทนาออนไลน์ เช่น Reddit จะช่วยให้ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมได้ดีเช่นกัน โดยคุณสามารถอ่านคำแนะนำของเราเกี่ยวกับวิธีการลงทุนใน Reddit ได้
การรวมตัวของเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ตามที่ระบุไว้ Web3.0 เป็นแนวคิดที่มากกว่าเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ แต่เป็นการรวมกันของเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เช่น:
- คริปโตเคอเรนซี่
- NFT
- บล็อกเชน
- Metaverse
- Internet of Things
- DeFi
วิธีลงทุนใน Web3.0 จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนได้อย่างหลากหลายมากขึ้น
การกระจายความเสี่ยง
การลงทุน Web3.0 ที่หลากหลาย สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายจากที่บ้าน
ตัวอย่างเช่น คู่มือนี้ได้กล่าวถึง 10 วิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนใน Web3.0 ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่คริปโต หุ้น Smart Portfolios และ ETF
แต่เนื่องจากไม่มีใครรู้จริงในทุกอย่าง ทำให้มั่นใจได้ว่า นักลงทุนจะไม่เปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ มากเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น โครงการคริปโต หุ้น หรือโครงการที่เกี่ยวข้อง จะไม่มี Web3.0 เป็นแนวคิดของธุรกิจหลัก แต่จะทำงานควบคู่ไปกับเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวแทน
ตลาดคริปโตที่ซบเซา
ผลิตภัณฑ์ Web 3.0 กับการลงทุนจำนวนมากที่กล่าวถึงในวันนี้ ล้วนแต่มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมคริปโต แต่เนื่องจาก Bitcoin และเหรียญอื่น ๆ ได้แตะระดับสูงสุดไปแล้วในช่วงปลายปี 2021 และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงราคาขาลง
ไม่เฉพาะกับสินทรัพย์คริปโต แต่เป็นเรื่องปกติในตลาดการลงทุนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีของวิธีลงทุนใน Web3.0 ที่จะสามารถซื้อได้ในราคาลดพิเศษ
วิธีที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นในการเข้าถึงตลาดในช่วงซบเซา ไม่ใช่แค่การซื้อในช่วงขาลงเท่านั้น แต่ยังต้องใช้กลยุทธ์ถัวเฉลี่ยอีกด้วย สิ่งนี้จะช่วยให้แน่ใจว่า ความเสี่ยงจะลดลงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงความจำเป็นในการพยายามคาดการณ์จุดต่ำสุดอีกด้วย
หลายแบรนด์ดังกำลังลงทุนในผลิตภัณฑ์ Web3.0 แล้ว
สัญญาณสำคัญที่แสดงว่า แนวคิดใหม่อย่าง Web3.0 จะชัดเจนยิ่งขึ้น ก็คือ เมื่อมีแบรนด์ดังเข้ามาลงทุนในผลิตภัณฑ์ Web3.0 ซึ่งมีตัวอย่างมากมายในกลุ่มบริษัทบลูชิพ
ตัวอย่างเช่น:
- IBM ใช้วิธีลงทุนใน Web3.0 ผ่านเครือข่าย Stellar blockchain เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินข้ามประเทศ
- สถาบันการเงินที่ได้รับการควบคุมมากกว่า 200 แห่ง กำลังใช้หรือทดลองใช้ระบบเครือข่ายของ Ripple เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างธนาคาร
- Samsung ได้ลงทุนในบล็อกเชน อย่าง Decentraland metaverse และให้การสนับสนุน TRON dApps
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ แบรนด์ใหญ่ ๆ กำลังให้ความสำคัญกับอนาคตของ Web3.0 อย่างจริงจัง และจะได้รับความได้เปรียบจากการเข้าสู่ตลาดก่อนคู่แข่ง
ลงทุนน้อย เหมาะกับทุกงบประมาณ
หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า วิธีลงทุนใน Web3.0 ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก
หรือในทำนองเดียวกัน ก็มีความเข้าใจผิดว่า เทคโนโลยี Web3.0 สามารถเข้าถึงได้เฉพาะนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่เป็นความจริงเลย
เพราะการลงทุน Web3.0 เกือบทั้งหมดที่เราได้รีวิวกันในวันนี้ สามารถเข้าถึงได้ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น สามารถลงทุนในหุ้น Web3.0 และ ETF ได้ที่ eToro โดยมีข้อกำหนดการซื้อขายขั้นต่ำที่ 10 ดอลลาร์ และไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันใด ๆ
ในกรณีของโทเค็น Web3.0 เช่น Bitcoin Minetrix การขายพรีเซลของ BTCMTX จำเป็นต้องมีการลงทุนขั้นต่ำ 10 ดอลลาร์เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์การลงทุนของ Web3.0 จึงพร้อมให้บริการสำหรับนักลงทุนในทุกงบประมาณ
วิธีลงทุนใน Web3.0 – บทช่วยสอนสำหรับ Sponge V2
เพื่อสรุปวิธีลงทุนใน Web3.0 เราจะอธิบายกระบวนการที่จำเป็นเพื่อให้ได้ซื้อ Sponge V2 ในช่วงพรีเซล
ต่อไปนี้เป็นวิธีการที่จะลงทุนใน Web3.0 ในเวลาเพียง 5 นาที:
ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลด MetaMask
$SPONGE เป็นโทเค็นหลักในระบบนิเวศของ Sponge V2 ซึ่งทำงานบนบล็อกเชน Ethereum เช่นเดียวกับโครงการ Web3.0 จำนวนมากที่กล่าวถึงในคู่มือนี้
ด้วยเหตุนี้ การซื้อโทเค็น $SPONGE ผ่านการขายพรีเซลในขั้นตอนแรก จึงเป็นการดาวน์โหลดและตั้งค่ากระเป๋าเงินดิจิทัล สิ่งนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของพวกเขากับการขายพรีเซลของ $SPONGE และแลกเปลี่ยนโทเค็น USDT หรือ ETH เพื่อชำระเงินได้
เราจะยืนยันว่า MetaMask เป็นกระเป๋าสตางค์คริปโตที่ดีที่สุดสำหรับจุดประสงค์นี้ เนื่องจากมีอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายสำหรับทั้งแอปมือถือและส่วนขยายเบราว์เซอร์ ควบคู่ไปกับเครื่องมือความปลอดภัยคุณภาพสูง นอกจากนี้ MetaMask ยังใช้งานได้ฟรีอีกด้วย
ขั้นตอนที่ 2: โอน ETH หรือ USDT ไปยัง MetaMask
ขั้นตอนต่อไปของวิธีลงทุนใน Web3.0 คือ การซื้อ USDT หรือ ETH จากกระดานเทรดคริปโต และโอนโทเค็นที่ซื้อไปยัง MetaMask
ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้:
- เปิดบัญชีด้วยกระดานแลกเปลี่ยนคริปโต เช่น Binance และอัปโหลดข้อมูลบางส่วน
- ซื้อ Ethereum ด้วยบัตรเครดิต/เดบิต
- คัดลอกที่อยู่กระเป๋าเงิน MetaMask และวางลงใน Binance เพื่อถอนเงิน
โทเค็นจะปรากฏในกระเป๋าเงิน MetaMask ภายใน 10 นาที
ขั้นตอนที่ 3: เชื่อมต่อ MetaMask กับ Sponge V2
เมื่อกระเป๋าเงิน MetaMask มีเงินทุนแล้ว ให้ไปยังเว็บไซต์ Sponge V2 คลิกที่ปุ่ม ‘ซื้อเลย’ เพื่อไปที่แดชบอร์ดการขายของ Sponge V2
คลิกที่ปุ่ม ‘เชื่อมต่อวอลเลท’ และเลือก MetaMask การแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นผ่านแอป MetaMask หรือส่วนขยายเบราว์เซอร์ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ติดตั้ง
และนักลงทุนจะต้องยืนยันว่า จะต้องการเชื่อมต่อกระเป๋า MetaMask กับ Sponge V2
ขั้นตอนที่ 4: ลงทุนใน Sponge V2
นักลงทุนจะต้องระบุจำนวนโทเค็น USDT หรือ ETH ที่พวกเขาต้องการแลกเปลี่ยนเป็น $SPONGE ซึ่งอาจเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
หลังจากยืนยันการแลกเปลี่ยนแล้ว นักลงทุนจะต้องรอจนกว่าการขายจะเสร็จสิ้นก่อน จึงจะสามารถรับ Sponge V2 ได้
บทสรุปเกี่ยวกับวิธีลงทุนใน Web3.0
Web3.0 คือ อนาคตของอินเทอร์เน็ตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นั่นหมายความว่าอินเทอร์เน็ตจะไม่เพียงแต่ให้ความเร็วและการเชื่อมต่อที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางใหม่ในการทำงานในแต่ละวันอีกด้วย
เทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น บล็อกเชน, คริปโตเคอเรนซี่, metaverse, NFT และ DeFi ล้วนแต่เป็นหนึ่งใน web3.0 โดยวิธีลงทุนใน Web3.0 ที่ดีที่สุดที่เราแนะนำ คือ Bitcoin ETF Token ซึ่งใช้ประโยชน์จากการเติบโตของ Bitcoin และการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ได้
Bitcoin ETF Token พร้อมให้ซื้อในระหว่างรอบพรีเซลที่กำลังดำเนินอยู่ ในราคาเพียง 0.005 ดอลลาร์ต่อโทเค็นเท่านั้น