ผู้ที่มีเงินเก็บ 2 ล้านบาท จะมีตัวเลือกมากมายในการเลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์เหมาะสม

นอกเหนือจากการกระจายความเสี่ยงแล้ว นักลงทุนยังควรพิจารณาใช้กลยุทธ์การถัวเฉลี่ย แทนที่จะลงทุนเงินทั้งหมด 2 ล้านบาทในครั้งเดียวด้วย

ในคู่มือนี้ เราจะพูดถึงวิธีที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี และอธิบายความแตกต่างในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ซึ่งมีโอกาสรับผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน

10 วิธีที่ดีที่สุด ถ้ามีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีในปี 2024

10 วิธีที่ดีที่สุดอยู่ด้านล่างนี้:

  1. Sponge V2 – วิธีที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี และรับผลตอบแทนจากการ Stake โทเค็น
  2. หุ้น – สร้างพอร์ตการลงทุนระยะยาว
  3. ETFs – ลงทุนในกองทุนรวมที่มีทรัพย์สินหลากหลายรูปแบบ
  4. 401(k)s และ IRAs – เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกา
  5. REITs – ลงทุนในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย
  6. สินค้าโภคภัณฑ์ – ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากหุ้น
  7. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต และการ Staking – รับรายได้แบบพาสซีฟจากการลงทุนคริปโต
  8. Copy Trading – เดย์เทรดโดยการคัดลอกวิธีการจากเทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์
  9. พันธบัตร – ซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรองค์กรเพื่อรับอัตราดอกเบี้ยคงที่
  10. NFT – ซื้อ NFT ยอดนิยมผ่านตลาดออนไลน์

ไปยัง Sponge V2 ตอนนี้

อ่านต่อด้านล่างเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุน อะไรดี 2566 เพื่อให้แน่ใจว่า คุณได้เลือกสินทรัพย์และตลาดที่เหมาะสมแล้ว

รีวิวเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีที่สุด

เมื่อมีเงินเก็บ 2 ล้านบาท คุณสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลาย ในส่วนนี้ เราจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกว่า ถ้ามีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีที่สุดในตลาดหลัก 10 แห่งต่อไปนี้

1. Sponge V2วิธีที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี และรับผลตอบแทนจากการ Stake โทเค็น

หนึ่งในเหรียญมีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปี 2023 ก็คือ Sponge ($SPONGE) และเหรียญนี้กำลังกลับมาโดดเด่นอีกครั้งในรูปแบบใหม่ที่พัฒนามากไปกว่าเดิมในชื่อ Sponge V2 เหรียญใหม่บนเครือข่าย Ethereum ที่ถูกพูดถึงอย่างมากหลังการประกาศแผนงานที่อัปเดตใหม่ในปี 2024

$SPONGE เคยมีผู้ถือครองสูงสุดถึง 13,000 ราย และมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Twitter, Telegram และ Discord กว่า 30,000 ราย ซึ่งการมีชุมชนที่เข้มแข็งย่อมส่งผลให้มีข้อได้เปรียบมากกว่าเหรียญอื่น ๆ อย่างชัดเจน

Sponge V2 มีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี

ที่สำคัญ ยังเพิ่มรางวัลจากการ Stake ที่สามารถเริ่มต้นรับรางวัลได้ตั้งแต่ตอนนี้ และปัจจุบันมีโทเค็น Sponge มากกว่า 88 ล้านโทเค็นที่ถูก Stake แล้ว เนื่องจากกระแสของเหรียญนี้สามารถดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างมาก 

ผู้ที่ถือ Sponge V1 อยู่สามารถ Stake V1 เพื่อรับ V2 ได้อย่างง่ายดาย หรือหากต้องการซื้อ $SPONGE เพิ่ม ก็สามารถใช้ ETH, USDT หรือบัตรจากธนาคารเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นโทเค็นได้เช่นกัน เพื่อนำไป Stake และรับโบนัสเป็นโทเค็น V2 ได้เลย 

สภาพคล่อง Sponge V1 เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ซึ่งนักพัฒนาได้วางแผนเพิ่มเติมสำหรับโทเค็นเวอร์ชั่นใหม่ โดยมีอุปทานทั้งหมด 150,000,000,000 โทเค็น แบ่งให้กับการ Stake 43.09%, รางวัลชุมชน 26.93%, รางวัล P2E 8%,การตลาด 7.5% และการพัฒนาเกม 4.47% 

หากสนใจการลงทุนนี้เมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี สามารถอ่านรายละเอียดทั้งหมดในไวท์เปเปอร์ Sponge V2 ก่อนนำ Sponge V2 ไปเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน เพื่อสร้างรายได้พาสซีพ เพราะยิ่งมีการ Stake โทเค็น Sponge V1 มากเท่าไร ก็ยิ่งได้รับ $SPONGEV2 มากขึ้นเท่านั้น 

เพดานเงินทุน ไม่ระบุ
โทเค็นทั้งหมด 150 พันล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์ ไม่ระบุ
Blockchain เครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็น ERC-20
เงินลงทุนขั้นต่ำ ไม่มี
ซื้อได้ด้วย ETH, USDT, Card

ไปยัง Sponge V2 ตอนนี้

2. หุ้น – สร้างพอร์ตการลงทุนระยะยาว

นอกจากสกุลเงินดิจิทัลแล้ว หุ้นยังเป็นอีกวิธีลงทุนเมื่อต้องเลือกว่า มีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีให้เงินงอกเงยอีกด้วย ตลาดนี้เสนอทางเลือกความเสี่ยงและผลตอบแทนมากมาย เพราะโบรกเกอร์หุ้นออนไลน์บางแห่ง สามารถให้การเข้าถึงบริษัทหลายพันแห่งในต่างประเทศได้

ในส่วนหลังนี้ นักลงทุนมักจะมุ่งเน้นไปที่หุ้นบลูชิพชั้นนำ เช่น Johnson & Johnson, Coca-Cola และ Bank of America หุ้นบลูชิพมีมูลค่าตลาดสูงและได้รับการจัดตั้งขึ้นในสาขาของตน แม้ว่าการเติบโตมักจะค่อนข้างช้ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Growth Stock แต่บริษัทบลูชิปก็มีความสม่ำเสมอที่ดี

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยมีทั้ง Amazon, Apple, Microsoft และ Meta Platforms ซึ่งเป็นผู้นำในพื้นที่นี้ แม้ว่าหุ้นเทคโนโลยีจะถือว่ามีความผันผวนมากกว่าหุ้นบลูชิพ แต่โอกาสในการเติบโตก็ยังสูงกว่ามากเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Apple และ Amazon ทำกำไรได้มากถึง 300% และ 170% ตามลำดับ

coca-cola stock price

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว Johnson & Johnson และ Bank of America เติบโตขึ้น 25% และ 41% ตามลำดับในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้น นักลงทุนอาจพิจารณาสำรวจหุ้นที่มีการเติบโต หากพวกเขาต้องการกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย และเตรียมพร้อมที่จะรับความเสี่ยงมากขึ้น

หนึ่งใน Growth Stock ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในทศวรรษ ก็คือ Tesla ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000% และมีการเจริญเติบโตคล้ายกับยอดขายพรีเซลของเหรียญคริปโตที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ เนื่องจากช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งได้

อีกด้านของตลาดที่ต้องพิจารณาคือ Dividend stock สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้ 2 วิธี คือ กำไรจากเงินทุนหากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น และเงินปันผลที่ทั่วไปจะจ่ายทุกสามเดือน

conocophillips stock

เนื่องจากปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานและความตึงเครียดทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น หุ้นกลุ่มน้ำมันจึงได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดปี 2022 ตัวอย่างหุ้นน้ำมันยอดนิยม ได้แก่ Shell และ ConocoPhillips ซึ่งสร้างการเติบโต 62% และ 100% ในช่วง 12 เดือนก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ยังควรสำรวจหุ้นจากต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงด้วย เช่น บนแพลตฟอร์มอย่าง eToro คุณสามารถเข้าถึงหุ้นจากกระดานแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศได้มากมาย เช่น เยอรมนี ฮ่องกง สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และแคนาดา

eToro ไม่คิดค่าคอมมิชชันการซื้อขายใด ๆ และข้อกำหนดการซื้อขายขั้นต่ำ คือ 10 ดอลลาร์ นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนในการสร้างพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่มีความหลากหลายสูง

เรียนรู้เพิ่มเติม : ก่อนจะมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี อาจลองพิจารณาคำแนะนำเกี่ยวกับบัญชีซื้อขายหุ้นทดลองเพิ่มเติมไว้ด้วย

3. ETFs – ลงทุนในกองทุนรวมที่มีทรัพย์สินหลากหลายรูปแบบ

ETF ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มีความรู้เพียงเล็กน้อย หรือไม่มีความรู้การลงทุนเลย นอกจากนี้ ETF ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาในการศึกษาตลาดอย่างจริงจัง ซึ่ง ETF สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้แทบทุกชนิดเท่าที่จะจินตนาการได้ ผ่านทางผู้ให้บริการจากบุคคลที่สาม

ผู้ให้บริการ ETF ที่ใหญ่ที่สุดและคุ้มค่าที่สุด ได้แก่ SPDR, iShares และ Vanguard ซึ่งมีแนวคิดคือ นักลงทุนต้องเริ่มวางเงินในครั้งแรกก่อนและ ETF จะติดตามตลาดให้แก่นักลงทุน จัดการสินทรัพย์ และปรับสมดุลเมื่อจำเป็น

สิ่งนี้จะทำให้นักลงทุนไม่ต้องใช้เวลามากมายในการค้นคว้าข้อมูลของแต่ละบริษัท และทำการสั่งซื้อผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ที่พวกเขาเลือกได้

SPDR Dow Jones Industrial Average  ETF

นอกจากนี้ ผู้ลงทุนจะต้องติดตามแต่ละบริษัทอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทยังคงน่าสนใจ ในการเปรียบเทียบ ETF เช่น iShares MSCI World Quality Dividend เสนอการเข้าถึงหุ้นปันผลกว่า 170 หุ้นผ่านการลงทุนเพียงครั้งเดียว ไม่เพียงเท่านั้น ETF นี้ยังถือหุ้นปันผลจากตลาดในและต่างประเทศที่หลากหลายด้วย

เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ซาอุดีอาระเบีย อิตาลี เยอรมนี และอื่น ๆ โดยหุ้นที่ได้รับความนิยมสูงสุดบางส่วนในพอร์ตนี้ ได้แก่ Microsoft, Cisco, Unilever, Qualcomm และ Amgen อย่างไรก็ตาม ETF นี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของผลิตภัณฑ์การลงทุนที่นำเสนอความหลากหลาย โดยไม่จำเป็นต้องจัดการพอร์ตด้วยตัวเองอย่างจริงจัง

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีใน ETF ตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอาจเป็น ETF ที่เลียนแบบ S&P 500 ตัวอย่างเช่น Vanguard S&P 500 ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงบริษัทในสหรัฐฯ 500 แห่ง ที่จดทะเบียนทั้งใน NASDAQ และ NYSE ได้แก่ Apple, Tesla, Microsoft และ Amazon ได้

Vanguard S&P 500

Vanguard S&P 500 จะปรับพอร์ตการลงทุนทุก ๆ 3 เดือน นอกจากนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับปันผลที่ ETF รวบรวมตลอดไตรมาสที่เกี่ยวข้องด้วย ส่วนกองทุนดัชนีอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเช่นกัน ได้แก่ Dow Jones, Russell 2000 และ NASDAQ Composite

ETF ให้การเข้าถึงสินทรัพย์อื่น ๆ นอกเหนือจากหุ้นด้วย ตัวอย่างเช่น ETF มักเป็นตราสารสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในโลหะมีค่า เช่น ทองคำและเงิน ซึ่งมูลค่าจะเชื่อมโยงกับราคาสปอตในตลาดโลกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ตั้งแต่น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ไปจนถึงข้าวสาลีและข้าวโพด ทั้งนี้ เพื่อการลงทุน ETF ได้ตามที่ต้องการ ผู้ลงทุนควรพิจารณายอดเงินคงเหลือในบัญชีขั้นต่ำ ตัวอย่างเช่น การลงทุนใน S&P 500 ด้วย Vanguard ต้องใช้เงินขึ้นต่ำ 3,000 ดอลลาร์ ส่วนที่ eToro ใช้เงินขั้นต่ำที่ 10 ดอลลาร์

4. 401(k)s และ IRA – เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกา

ผู้ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับประโยชน์ของการมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีให้ประหยัดภาษี โดยมี 2 ตัวเลือกหลักสำหรับนักลงทุนในสหรัฐฯ ได้แก่ 401(k)s และ IRA ที่ให้บริการโดยโบรกเกอร์หุ้นออนไลน์หลายแห่ง โดยมีวงเงินรายปีอยู่ที่ 6,000 ถึง 7,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ 

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด การลงทุนผ่าน IRA ล้วนมาพร้อมกับข้อได้เปรียบทางภาษีที่มั่นคง ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเลือกใช้ Roth หรือ IRA แบบดั้งเดิม หากเป็น IRA จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลื่อนภาษีจากการลงทุน ไปจนกว่าจะถอนเงินเมื่อเกษียณอายุได้

ในทางกลับกัน Roth IRA จะช่วยให้นักลงทุนสามารถจ่ายภาษีจากการลงทุนได้ ณ เวลาที่ซื้อขาย เหมาะกับนักลงทุนอายุน้อย เนื่องจากการถอนเงินทั้งหมดจาก IRA เมื่อเกษียณอายุจะปลอดภาษี แต่การเติบโตของการลงทุนมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าภาษีได้มากกว่า

ira vs 401k

ดังนั้น นี่คือสาเหตุที่ Roth IRA ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนระยะยาวมากกว่านักลงทุนแบบดั้งเดิม และเมื่อพูดถึง 401(k)s ตัวเลือกนี้ยังมาในรูปแบบของ Roth และเวอร์ชันดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้ว 401(k)s ได้รับการเสนอโดยนายจ้างในสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่า นักลงทุนสามารถลงทุนได้โดยตรงจากเงินเดือนของพวกเขา

401(k)s มาพร้อมกับวงเงินรายปีที่สูงกว่ามากที่ 20,500 ถึง 27,000 ดอลลาร์ นอกจากนี้ นายจ้างบางรายยังสมทบเงินเพิ่มเติม ซึ่งมักจะจำกัดไว้ที่ 3% ต่อปี ซึ่งช่วยให้เงินลงทุนสูงขึ้นอีกด้วย

แม้ว่าดูเผิน ๆ แล้ว นี่อาจดูเหมือนไม่ใช่จำนวนเงินที่มาก แต่การได้รับติดต่อกันเป็นเวลา 30 ปี ที่อัตราการเติบโตเป้าหมาย 10% ต่อปี (สอดคล้องกับ S&P 500 ตั้งแต่ปี 1926) ก็จะมีมูลค่าสูงมากเมื่อคุณเกษียณอายุ

401k limits and rollovers

ข้อเสียเดียวของ 401(k)s คือ นายจ้างอาจจำกัดทางเลือกในการลงทุน แต่อย่างน้อยที่สุดควรรวมกองทุนดัชนีชั้นนำ เช่น S&P 500 และ Dow Jones ไว้ด้วย

5. REITs – ลงทุนในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย

อีกทางเลือกหนึ่งเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี คือ การลงทุนใน REIT แม้ว่าเงิน 2 ล้านบาทไม่น่าจะลดลงทันทีเมื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่หากตลาดนั้นลดลง ก็จะมีผลกระทบสำคัญต่อมูลค่าการลงทุนด้วย

ด้วยเหตุนี้ การลงทุนผ่าน REIT (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) จะช่วยสร้างพอร์ตลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้จากตลาดเป้าหมายที่หลากหลาย โดยได้รับการสนับสนุนจาก ETF ตัวอย่างเช่น มี REIT จำนวนมากที่เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย

ในขณะที่ REIT บางแห่งมุ่งเน้นไปที่อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น คลังสินค้า ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน หรือสถานพยาบาล ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด มูลค่าของกองทรัสต์จะขึ้นอยู่กับว่าทรัพย์สินนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ REIT ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแหล่งรายได้ที่สม่ำเสมออีกด้วย

vanguard real estate ETF

ท้ายที่สุดแล้ว กองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สินแต่ละแห่ง ซึ่งผู้เช่าจะต้องชำระค่าเช่าในภายหลัง นอกจากนี้ REIT จะทำเช่นนี้เป็นประจำทุกเดือน ซึ่งเพิ่มผลประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นในระยะยาว

ข้อดีอีกประการหนึ่งของการเลือกลงทุนใน REIT มากกว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั่วไป ก็คือ การลงทุนมีสภาพคล่องสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะในกรณีของการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ผู้ลงทุนจะต้องหาผู้ซื้อที่เหมาะสม ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือนหรือหลายปี

ส่วน REIT ซื้อขายเป็น ETF ในกระดานแลกเปลี่ยนสาธารณะ เช่นเดียวกับหุ้น ดังนั้น ผู้ลงทุนสามารถเลือกที่จะถอนเงินจากสถานะ REIT ของตนได้ตลอดเวลาในช่วงเวลาทำการ และนักลงทุนสามารถเข้าถึง REIT ได้อย่างหลากหลายที่ eToro ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ดอลลาร์ โดยไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชันในการซื้อขายหลักทรัพย์ใด

6. สินค้าโภคภัณฑ์ – ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากหุ้น

นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์แล้ว สินค้าโภคภัณฑ์ยังเป็นสินทรัพย์อีกชนิดหนึ่งที่ต้องพิจารณา เมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี? เพราะจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตการลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้ มีสินค้าโภคภัณฑ์มากมายที่ซื้อขายได้ในตลาดการเงิน และมีหลายวิธีในการเข้าถึงสินค้าเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม สินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ไม่มีข้อกำหนดในการซื้อหรือจัดเก็บ ตัวอย่างเช่น การลงทุนในโลหะมีค่าไม่จำเป็นต้องให้นักลงทุนซื้อทองคำและเงิน ไว้ที่บ้าน และการลงทุนในกลุ่มพลังงานก็ไม่จำเป็นต้องมีการจัดเก็บน้ำมันดิบหรือก๊าซธรรมชาติเช่นกัน

ในทางตรงกันข้าม ประเภทสินทรัพย์นี้ซึ่งรวมถึง ETF และ CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงสินค้าโภคภัณฑ์ได้อย่างเต็มรูปแบบจากที่บ้าน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดเก็บหรือการขนส่ง ตัวอย่างเช่น สมมติว่านักลงทุนตัดสินใจลงทุนใน ETF ทองคำ

gold ETF

ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้ให้บริการ ETF จะได้รับการสนับสนุนจากทองคำในจำนวนที่สอดคล้องกับ NAV (มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ) ตัวอย่างเช่น หาก ETF มี NAV อยู่ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ ก็ควรจะหนุนด้วยทองคำแท่งในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน โดยหักเงินสดจำนวนไว้เล็กน้อยเพื่อรองรับเงินทุนหมุนเวียน

ด้วยเหตุนี้ มูลค่าของ ETF ในกระดานแลกเปลี่ยนสาธารณะจะเพิ่มขึ้นและลดลงตามราคาทองคำในตลาดโลก นอกจากนี้ อีกวิธีหนึ่งในการเข้าถึงสินค้าโภคภัณฑ์ คือ การเข้าถึงผ่าน CFD ซึ่งเป็นอนุพันธ์ทางการเงินที่ติดตามมูลค่าของสินทรัพย์นั้น

นักลงทุนสามารถเก็งกำไรมูลค่าในอนาคตของสินค้าโภคภัณฑ์ผ่าน CFD ได้ โดยสามารถลงทุนระยะสั้นและระยะยาวได้ ซึ่งเป็นโอกาสทำกำไรจากการเพิ่มขึ้นและลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ CFD ยังรองรับเลเวอเรจ ในลักษณะที่คล้ายคลึงกับฟิวเจอร์สและออปชั่นด้วย 

crude oil futures

สินค้าโภคภัณฑ์มีวิธีการป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้น โดยไม่คำนึงถึงตราสารทางการเงิน โดยเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซบเซา และดูเหมือนว่าเศรษฐกิจโดยรวมกำลังจะเข้าสู่วงจรภาวะถดถอย จะเริ่มส่งผลดีต่อราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทองคำ

เพื่อการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ คุณสามารถใช้ eToro เพื่อเข้าถึงกลุ่มพลังงาน โลหะมีค่า และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด และกาแฟได้แล้ว eToro มีตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ผ่าน ETF (ในสหรัฐฯ) และ CFD แบบเลเวอเรจ (นอกสหรัฐฯ) ที่เงินทุนขั้นต่ำเพียง 10 ดอลลาร์ และไม่มีค่าคอมมิชชั่น

7. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต และการ Staking – รับรายได้แบบพาสซีฟจากการลงทุนคริปโต

เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าสินทรัพย์คริปโต เช่น Bitcoin และ Ethereum รวมถึงโครงการที่เพิ่งเปิดตัวเช่น Bitcoin Minetrix มอบโอกาสการกำหนดเป้าหมายของผลกำไรที่สูงมากกว่าค่าเฉลี่ย และยังมีเทคโนโลยีสกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชน ที่ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นั่นก็คือ บัญชีดอกเบี้ยคริปโต ซึ่งเป็นทางเลือกหากมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีอีกหนึ่งทาง

อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ผู้ให้บริการออนไลน์จะช่วยให้นักลงทุนได้รับดอกเบี้ยจากคริปโตเคอเรนซี่ใด ๆ ที่พวกเขาฝากไว้ โดยปกติจะได้รับในอัตราคงที่ ซึ่งหมายความว่านักลงทุนจะรู้อย่างแน่ชัดว่าจะได้เงินเย็นเท่าไร และโดยปกติแล้ว ดอกเบี้ยจะจ่ายเป็นโทเค็นเดียวกันโทเค็นที่ฝากไว้ ตัวอย่างเช่น การฝาก Bitcoin จะได้โทเค็น BTC เป็นต้น

ผู้ให้บริการอาจมีเงื่อนไขได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น Crypto.com ให้ดอกเบี้ยในระยะเวลา 1 และ 3 เดือน ซึ่งยิ่งฝากระยะยาว ก็จะยิ่งได้ APY สูงขึ้น เนื่องจากโทเค็นจะถูกล็อคเอาไว้ และไม่สามารถถอนออกได้จนกว่าจะครบกำหนด

crypto.com review

ทั้งนี้ นักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงกองทุนคริปโต อาจต้องรับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเพื่อเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด โทเค็นจะถูกฝากไว้ในบัญชีดอกเบี้ยคริปโต และนักลงทุนยังคงรักษาความเป็นเจ้าของไว้ได้

ซึ่งหมายความว่าหากสินทรัพย์คริปโตแข็งค่าขึ้น นักลงทุนจะยังคงได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ ในทางกลับกัน หากสินทรัพย์คริปโตมีมูลค่าลดลงมากกว่า APY ก็จะส่งผลให้เกิดการขาดทุน อย่างไรก็ตาม บัญชีดอกเบี้ยคริปโตจะเหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือโทเค็นไว้ในระยะยาวมากกว่า

อีกส่วนหนึ่งของบล็อกเชนที่คล้ายกับบัญชีดอกเบี้ย คือ การ Staking คริปโตและกำหนดให้นักลงทุนฝากเงินเข้าบัญชีที่ผู้ให้บริการบุคคลอื่น เช่น Quint ได้ ซึ่งจะช่วยให้ได้รับเครื่องมือการ Stake ขั้นสูงภายในระบบนิเวศ ได้ผลตอบแทนดอกเบี้ยคงที่ และสิทธิพิเศษอื่น ๆ ด้วย

quint super staking

สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ Stake และเมื่อมีการฝากเงิน นักลงทุนจะได้รับตั๋วเข้าร่วมการลุ้นรางวัล ในระหว่างที่เขียนบทความนี้ Quint มีการเสนอรางวัล Bored Ape Yacht Club NFT ให้แก่ผู้ชนะ NFT ซึ่งขายคอลเลกชันนี้ไปหลายล้านดอลลาร์แล้ว

8. Copy Trading – เดย์เทรดโดยการคัดลอกวิธีการจากเทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์

ตัวเลือกถัดไปที่ต้องพิจารณาเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี คือ การ Copy Trading ซึ่งเป็นเครื่องมือยอดนิยมบน eToro และช่วยให้เจ้าของบัญชีสามารถซื้อขายและลงทุนได้ง่าย ด้วยการ ‘คัดลอก’ การลงทุนจากเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์

โปรแกรม Copy Trading มีเทรดเดอร์ทุกรูปแบบให้คุณได้เลือก ซึ่งช่วยให้กระจายความเสี่ยงได้ดี ตัวอย่างเช่น มีเทรดเดอร์แบบ Day trade  และ Swing trade ตามระดับความผันผวนที่ยอมรับได้ ทั้งใน Forex และคริปโตเคอเรนซี่ นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนที่เน้นการลงทุนในระยะยาว และกองทุนดัชนีอีกด้วย

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม หลังจากที่ ผู้ใช้ eToro ได้เลือกเทรดเดอร์ที่เหมาะสมแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เทรดเดอร์จะจัดสรรพอร์ตโฟลิโอ 15% ให้กับหุ้นที่เหมาะสม เช่น Coca-Cola

etoro copy trading

นักลงทุนของ eToro จะลงทุน 15% ของ 5,000 ดอลลาร์ หรือ 750 ดอลลาร์ และหาก Coca-Cola ปิดสถานะหุ้นที่กำไร 30% ผู้ใช้ eToro จะได้รับกำไร 225 ดอลลาร์ (กำไร 30% ของเงินที่ 750 ดอลลาร์) จากการซื้อขายแบบพาสซีฟนี้

การลงทุน Copy Trading ที่ eToro มีขั้นต่ำคือ 200 ดอลลาร์ต่อเทรดเดอร์ และเมื่อพิจารณาว่ามีเทรดเดอร์ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วนับพันรายให้เลือก สิ่งนี้จึงมอบโอกาสมากมายในการกระจายความเสี่ยง และมีกลยุทธ์ที่หลากหลาย ในการเลือกเทรดเดอร์ที่เหมาะสม และผู้ใช้ eToro ยังสามารถสำรวจตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับผลตอบแทนรายเดือน ความเสี่ยง ระยะเวลาการซื้อขายโดยเฉลี่ย และอื่น ๆ ได้ด้วย

eToro ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้เครื่องมือ Copy Trading ซึ่งหมายความว่า นักลงทุนไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนข้อตกลงการแบ่งปันผลกำไร และเทรดเดอร์ที่เป็นต้นแบบ Copy Trading จะได้รับค่าคอมมิชชั่นจาก eToro ตามจำนวนเงินที่ลงทุนไปด้วย

9. พันธบัตร – ซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรองค์กรเพื่อรับอัตราดอกเบี้ยคงที่

พันธบัตร ถือเป็นแนวทางที่มั่นคงในการสร้างรายได้แบบพาสซีฟเช่นเดียวกันกับ REIT ตลาดนี้กว้างใหญ่และมีพันธบัตรหลายพันรายการให้เลือก ซึ่งแตกต่างที่ความเสี่ยงและอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ สามารถแบ่งประเภทพันธบัตรได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ การออกโดยรัฐบาล และการออกโดยบริษัท

พันธบัตรรัฐบาลที่มีการซื้อขายกันมากที่สุด คือ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล จึงมักถูกมองว่าเป็นวิธีการลงทุนที่ปลอดภัย และโอกาสที่รัฐบาลจะผิดนัดชำระหนี้ก็เป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากรัฐบาลสามารถพิมพ์เงินเพิ่ม เพื่อชดเชยการขาดแคลนนี้ได้

ทั้งนี้ พันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลที่มั่นคงและธนาคารกลาง เช่น พันธบัตรในสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ก็ถือว่าปลอดภัยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย อาจพิจารณาพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลต่างประเทศด้วย

government bond yields

ตัวอย่างเช่น รัฐบาลตุรกีเสนออัตราผลตอบแทนมากกว่า 12% ในรอบ 10 ปี หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ การลงทุนในพันธบัตรที่ออกโดยบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ เช่น Apple หรือบริษัทขนาดเล็กที่กำลังอยู่ในช่วงเติบโต

ไม่ว่าพันธบัตรที่เลือกจะเป็นประเภทใด ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนยังคงเหมือนเดิม ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาลและบริษัทเอกชนส่วนใหญ่ จะมีวันครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งเป็นวันที่จะต้องชำระคืนเงินต้นตามจำนวนเงินที่ลงทุนไว้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ผู้ที่ซื้อพันธบัตรอายุ 5 ปี มูลค่า 10,000 ดอลลาร์ จะไม่ได้รับเงินลงทุนคืนจนกว่าจะถึงปี 2027

ในระหว่างนี้ ผู้ถือพันธบัตรจะได้รับดอกเบี้ย ซึ่งโดยปกติจะเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ และชำระทุก ๆ 6 เดือน ตัวอย่างเช่น สมมติว่านักลงทุนซื้อพันธบัตรบริษัทมูลค่า 2 ล้านบาท ที่อัตราผลตอบแทน 5% และมีอายุ 10 ปี

turkey govenrment bond yields

ในแต่ละปีถ้ามีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี และเลือกวิธีการลงทุนในพันธบัตร มูลค่า 2 ล้านบาทจะให้ผลตอบแทน 2,500 บาท ดังนั้น ผู้ลงทุนจะได้รับ 1,250 ดอลลาร์ ทุก ๆ 6 เดือน และจะเป็นเช่นนี้ไป 10 ปี จนครบกำหนด ซึ่งเมื่อครบในปีที่ 10 ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืน 2 ล้านบาทคืนด้วย

แน่นอนว่าสิ่งนี้มีความเสี่ยงไม่น้อย จากปัญหาขาดเงินทุนในการชำระคืน แนวทางที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในพันธบัตร ก็คือ การลงทุนผ่าน ETF ซึ่งมีพันธบัตร ETF จำนวนมากให้เลือกจากภาครัฐและองค์กรที่หลากหลาย และจ่ายผลตอบแทนเป็นรายเดือน

10. NFT – ซื้อ NFT ยอดนิยมผ่านตลาดออนไลน์

ตัวเลือกสุดท้ายในการพิจารณาว่า เงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีให้เงินงอกเงย คือ NFT (Non-fungible tokens) ซึ่งเคยสร้างความฮือฮาให้กับโลกในปี 2021 เมื่อคอลเลกชันอย่าง Bored Ape Yacht Club และ CryptoPunks ขายได้ในราคาหลายล้านดอลลาร์ และกระตุ้นให้มีผู้สร้าง NFT จำนวนมากเพื่อเปิดตัวคอลเลกชันของตัวเอง

NFT เป็นโทเค็นดิจิทัลที่ทำงานบนบล็อกเชนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นตัวแทนของการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น ภาพวาดหรือทองคำ ด้วยเหตุนี้ เทรนด์ปัจจุบันของ NFT จึงมุ่งเน้นไปที่งานศิลปะดิจิทัล ซึ่งนักลงทุนจะต้องพิจารณากลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อทำกำไรจากสิ่งนี้ 

กลยุทธ์ที่ว่าหมายถึง การค้นหา NFT ที่เหมาะสม และขายเมื่อถึงเวลา โดยหวังว่ามูลค่าของ NFT ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เกิดกำไรในการลงทุน นักลงทุนอาจพิจารณาระบบนิเวศของ Launchpad.xyz เมื่อต้องการค้นหา NFT ที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำ

NFT Launchpad

แพลตฟอร์มนี้ยังมีคอลเลกชัน Lucky Block ซึ่งเป็น NFT บนบล็อกเชนในชื่อเดียวกัน การซื้อ Lucky Block NFT ช่วยให้สามารถเข้าถึงการลุ้นรางวัลที่เฉพาะเจาะจงได้ ตัวอย่างเช่น รางวัล Bitcoin มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านักลงทุนจะได้รับรางวัลหรือไม่ NFT ที่พวกเขาซื้อจะยังคงให้รางวัลได้ต่อไป แม้ว่าการจับรางวัลจะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม โดยรางวัล Lucky Block จะจ่ายเป็นโทเค็น LBLOCK ซึ่งเป็นโทเค็นหลักของโครงการนี้

วิธีเลือกว่ามีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีที่สุด

เมื่ออ่านคำแนะนำของเราเกี่ยวกับ วิธีจัดการเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีไปแล้ว นักลงทุนจะได้ทราบถึงประเภทของสินทรัพย์มากมายที่มีอยู่ในโบรกเกอร์ออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ลงทุนได้หลากหลาย และมีผลช่วยลดความเสี่ยงเช่นเดียวกับการมีเงิน 3 ล้าน ลงทุนอะไรดีในปี 2024?

เราจะสำรวจสิ่งที่ควรพิจารณา เมื่อคุณต้องตัดสินใจเลือกสถานที่ที่ดีที่สุดในการลงทุน

ความเสี่ยง

ความเสี่ยง ควรเป็นปัจจัยแรกในการตัดสินใจว่ามีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี เพราะไม่มีการลงทุนใดที่ปราศจากความเสี่ยง ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงต้องจำไว้ว่า วิธีเดียวที่จะสร้างความมั่งคั่งในตลาดการเงินได้ คือการเผชิญหน้ากับความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้

  • ความเสี่ยงการลงทุนมักมีความสัมพันธ์กับตลาดที่เลือกอย่างมาก
  • ตัวอย่างเช่น สินทรัพย์คริปโต มักถูกมองว่าเป็นประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีความผันผวนและมีการเก็งกำไร
  • เช่นเดียวกันกับพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลในตลาดเกิดใหม่ เช่น บราซิลหรือแอฟริกาใต้
  • สินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดในตลาดที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด คือ พันธบัตรที่ออกโดยประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง เช่น สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป

โอกาสการเติบโต

การสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย ควรพิจารณาถึงโอกาสในการเติบโตของสินทรัพย์แต่ละรายการ

ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนต้องการจัดสรรพอร์ตลงทุน โดยกำหนดให้ 5% เป็นสินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูง พวกเขาอาจพิจารณาการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่

  • ตัวอย่างเช่น BNB ที่ให้ผลกำไรมากกว่า 600,000% นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2017
  • ในทางกลับกัน Terra Luna กลับมีมูลค่าลดลงมากกว่า 99% จากมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

กองทุนดัชนีตลาดหุ้นหลัก ๆ เช่น S&P 500 มีประวัติยาวนานที่ดึงดูดนักลงทุน เพราะตั้งแต่ปี 1926 กองทุนนี้สร้างกำไรได้เฉลี่ย10% ต่อปี

สภาพคล่อง

ตัวชี้วัดที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ควรพิจารณาเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีให้กำไรงอกเงย คือ สภาพคล่องของสินทรัพย์

  • ตัวอย่างเช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลให้เกิดความท้าทายในการขาย
  • เนื่องจากวิธีเดียวที่จะขายอสังหาริมทรัพย์ คือ ต้องมีผู้ซื้อที่เหมาะสม
  • ดังนั้น การเลือก REIT ที่ซื้อขายในกระดานแลกเปลี่ยนสาธารณะ จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถถอนเงินทุนออกมาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
  • เช่นเดียวกับสินทรัพย์คริปโต ซึ่งมีกระดานแลกเปลี่ยนทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน

พันธบัตร เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ เนื่องจากผู้ลงทุนจะต้องรอจนถึงวันครบกำหนดจึงจะได้รับทุนคืน แต่มีข้อยกเว้นบางประการสำหรับกฎนี้ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว จะมีตลาดรองที่มีสภาพคล่องสูงสำหรับพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลเช่นกัน

วิธีการลงทุนที่ดีที่สุด – มีเงิน 2 ล้าน ทำอะไรดี?

วิธีที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี ควรคำนึงถึงการสร้างพอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยสินทรัพย์และตลาดที่หลากหลายด้วย โดยแต่ละรายการควรมีอัตราส่วนของความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดที่เราเจอ คือ Sponge V2 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างรายได้เพิ่มเติมผ่านการ Stake และในขณะที่เขียนบทความนี้ คุณสามารถซื้อ $SPONGE ได้แล้ว

ไปยัง Sponge V2 ตอนนี้

มีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี? – บทช่วยสอนวิธีลงทุนใน Bitcoin ETF Token

ในส่วนด้านบน เราได้พูดคุยถึงการขาย Sponge V2 และเป็นวิธีที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้สัมผัสกับโครงการใหม่ล่าสุด

ในขณะที่ วิธีเดียวที่จะได้รับโทเค็น $SPONGEV2 คือการ Stake $SPONGE V1 ดังนั้น นักลงทุนจะต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นของตัวเองก่อน

เราจะอธิบายวิธีการซื้อ $SPONGE ใน 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้:

ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลด Crypto Wallet

นักลงทุนควรดาวน์โหลด Crypto Wallet เช่น MetaMask บนเว็บเบราว์เซอร์ของตนเอง (แนะนำให้ผู้ใช้มือถือดาวน์โหลด TrustWallet)

ดาวโหลด metamask

ขั้นตอนที่ 2: เชื่อมต่อกระเป๋าเงิน

นักลงทุนต้องไปยังหน้าขายพรีเซลของโครงการ หลังจากเข้าสู่หน้าเพจแล้ว ให้ค้นหาและคลิกที่ปุ่ม ‘เชื่อมต่อวอลลเลท’ โดยสามารถเลือกกระเป๋าเงินที่ติดตั้งไว้ก่อนได้ (เช่น Metamask หรือ TrustWallet ) จากนั้น เข้าสู่ระบบในกระเป๋าเงินนั้น

ขั้นตอนที่ 3: เพิ่ม USDT หรือ ETH

สำหรับขั้นตอนนี้ ผู้ซื้อจะต้องมียอดคงเหลือ USDT หรือ ETH ที่เพียงพอในกระเป๋าเงิน หรือซื้อผ่านบัตรเครดิต

ขั้นตอนที่ 4: ซื้อโทเค็น $SPONGE

ผู้ซื้อจะต้องระบุจำนวน USDT หรือ ETH ที่พวกเขาต้องการแลกเปลี่ยนเป็นโทเค็น $SPONGE

ขั้นตอนที่ 5: รับโทเค็น

ในขั้นตอนสุดท้าย นักลงทุนสามารถยืนยันการทำธุรกรรมหลังจากตรวจสอบจำนวนโทเค็น $SPONGE ที่จะได้รับ และรับโทเค็นหลังจบการขาย

ไปยัง Sponge V2 ตอนนี้

สินทรัพย์คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่ได้รับการควบคุมที่มีความผันผวนสูง 

บทสรุป – มีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดี

การทราบว่ามีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีให้กำไรงอกเงย จะช่วยให้สามารถเข้าถึงสินทรัพย์หลายประเภทได้ ไม่ว่านักลงทุนจะเลือกที่จะลงทุนเงินเย็นในหุ้น คริปโต REITs ETF หรือสินค้าโภคภัณฑ์ แนวทางที่ดีที่สุด ก็คือ การกระจายความเสี่ยง

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการกระจายสินทรัพย์ คือ การลงทุนใน Sponge V2 ($SPONGE) ซึ่งผู้ใช้มีโอกาสที่ดีเยี่ยมในการรับรางวัลที่น่าตื่นเต้นจากการ Stake

คำถามที่พบบ่อย

ถ้ามีเงิน 2 ล้าน ลงทุนอะไรดีที่สุด?

ฉันสามารถลงทุนด้วยเงิน 2 ล้านบาทในอะไรได้บ้าง?

การลงทุนด้วยเงิน 2 ล้านบาท ต้องทำอย่างไร?

ขั้นตอนการลงทุนด้วยเงิน 2 ล้านบาท เริ่มต้นอย่างไร?