คำถามเรื่องจะลงทุนอะไรดีในงบ 2 แสนนั้นมีหลายวิธีในสินทรัพย์อีกหลายประเภท
เพื่อตอบคำถามว่ามือใหม่ควรลงทุนอะไรดีก็ควรอ่านคู่มือมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีของเราใน 10 ตลาดหลักๆ อาทิเช่น กองทุนดัชนี หุ้น เหรียญคริปโต และทองคำ
เรายิงอธิบายอย่างละเอียดถึงสินทรัพย์ที่ทำให้เงินงอกเงยที่สุดในงบ 2 แสน โดยพิจารณาจากเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่รับได้
จัดอันดับ 10 มีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี 2024
นักลงทุนควรพิจารณาถึงสินทรัพย์และตลาด 10 ประเภทด้านล่างเมื่อคิดว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี
- Sponge V2 เหรียญคริปโต Pre-sale ที่มีศักยภาพสูง – การลงทุนเมื่อมีเงิน 3 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้
- กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ลงทุนในหุ้นหลายพันตัวผ่านการเทรดครั้งเดียว
- สินค้าโภคภัณฑ์ – ป้องกันความเสี่ยงด้วยทองคำ น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
- Staking เหรียญคริปโต – รับดอกเบี้ยจากการฝากเหรียญคริปโตลง Staking Pool
- NFT – ทำกำไรจาก NFT ที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำเกินจริง
- หุ้น – ซื้อและถือหุ้นสามัญ
- กองทุน ETF – ลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ผ่านกองทุนที่มีการจัดการ
- บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – รับดอกเบี้ยแบบพาสซีฟจากการลงทุนในเหรียญคริปโตระยะยาว
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – การลงทุนแบบไม่ต้องเสียภาษีสำหรับคนไทย
- Copy Trade – เทรดหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ แบบรายวันโดยไม่ต้องลงมือเอง
การลงทุนในโปรเจกต์เหรียญคริปโตศักยภาพสูง เช่น Sponge V2 ถือเป็นการลงทุนที่ผลตอบแทนสูงสุด คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
การกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและโอกาสทำกำไรต่างกันถือเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดเมื่อเรียนรู้ว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี
เจาะลึกในเรื่องมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี
นักลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่รับได้เมื่อพิจารณาว่าลงทุนอะไรดีที่สุด
Dollar-cost Averaging ก็ควรพิจารณาร่วมด้วย เพราะจะลงทุนน้อยกว่าแต่สม่ำเสมอ แทนการลงทุน 3 แสนในครั้งเดียว
โดยเราได้วิเคราะห์สินทรัพย์และตลาด 10 ประเภทที่อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีแล้ว
1. คริปโตพรีเซลล์ศักยภาพสูงอย่าง – การลงทุนโดยรวมที่ดีที่สุดในปี 2024
การลงทุนในเหรียญคริปโต pre-sale ที่ดีที่สุด คล้ายกับการลงทุนในบริษัทก่อนที่จะเปิดตัว โดยโปรเจกต์ให้นักลงทุนได้ซื้อเหรียญคริปโตหลักในราคาที่ถูกลง และเมื่อเหรียญถูกลิสต์ลงกระดานเทรด มูลค่าของเหรียญก็จะเพิ่มขึ้น
ซื้อมีกระบวนการลงทุนที่เรียบง่าย เพียงแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตเดิมเช่น Ethereum เป็นโทเค็นพรีเซลล์นั้นๆ และเมื่อพิจารณาถึงพรีเซลล์คริปโตที่ผุดขึ้นมาในตลาด นักลงทุนจึงสามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างง่ายดาย
โดยตัวอย่างการลงทุนอะไรผลตอบแทนสูงก็คือพรีเซลล์ Tamadoge ซึ่งเปิดตัวในเดือนกันยายน 2022 ในราคา $0.01 ต่อโทเค็น แต่เมื่อพรีเซลล์สิ้นสุด TAMA ก็มีราคาเป็น $0.03
ซึ่งระดมทุนได้ 19 ล้านดอลลาร์ และ TAMA ก็ถูกลิสต์ลง OKX กระดานเทรดคริปโตยอดนิยมและทำ All Time High ที่ 0.194 ดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนช่วงพรีเซลล์ได้รับกำไรเกือบ 2,000%
ทำให้นักลงทุนรายแรกๆ สามารถทำกำไรได้กว่า 6,000% และเริ่มมีคนถามว่าเหรียญ ICO คริปโตที่ดีที่สุดคืออะไร? และลงทุนอะไรได้เงินเร็วในช่วงพรีเซลล์?
โดยเราจะเน้นไปที่โปรเจกต์ที่โดดเด่นที่กำลังเปิดขายเหรียญคริปโตหลักในช่วงพรีเซลล์และกำลังจะทำกำไรมหาศาลในปี 2024
Sponge V2 – การลงทุนเมื่อมีเงิน 3 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้
Sponge V2 เป็นเหรียญมีมเวอร์ชันอัปเกรดจาก SPONGE ซึ่งดูมีอนาคตที่ดี และมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเหรียญที่โด่งดัง เพราะเดิมที $SPONGE เป็นเพียงเหรียญมีมธรรมดาที่ไม่ได้มีประโยชน์ใช้งานอะไร แต่การถือกำเนิดของโทเค็น V2 จะทำให้ $SPONGE มอบรางวัลจากการ Stake ได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ SPONGE V2 ยังมีการพัฒนาเพิ่มเติมอีกหลาย ๆ ส่วน โดยทีมพัฒนาของโปรเจ็กต์ดังกล่าวได้ออกแบบเกมคริปโตแบบ P2E ที่ช่วยให้ผู้เล่นหารายได้เพิ่มเติมได้ โดยที่ผู้เล่นจะสามารถแข่งขันในรอบ Bikini Bottom และนับรางวัลเป็นโทเค็น $SPONGE V2 ได้
เมื่อตอนที่ SPONGE V1 เปิดตัวครั้งแรก ได้สร้างความสำเร็จแบบไวรัล และมีสภาพคล่องสูงมาก โดยสามารถขยายมูลค่าจาก 1 ล้านดอลลาร์ไปจนถึงเกือบ 100 ล้านดอลลาร์ จนทำให้อินฟลูเอนเซอร์หลายคนรวมถึง Jacob Bury มีความเชื่อมั่นใน $SPONGE เป็นอย่างมาก และหวังว่าโอกาสการเติบโตที่เคยเกิดขึ้น จะหวนกลับมาอีกครั้งกับ $SPONGE V2 และมอบผลตอบแทนเป็น 100 เท่าให้แก่นักลงทุน
Sponge V2 จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในช่วงเวลานี้ และแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะกลายเป็นเหรียญที่น่าจับตามองในอนาคต ซึ่งผู้ถือ Sponge V1 สามารถ Stake V1 เพื่อรับ V2 ได้อย่างง่ายดาย ส่วนและผู้เข้าร่วมใหม่ก็สามารถซื้อโทเค็นได้ด้วย ETH หรือ USDT รวมถึงยังรับชำระเงินผ่านบัตรจากธนาคารได้อีกด้วย
ลองอ่านเอกสารไวท์เปเปอร์ Sponge V2 หากยังไม่แน่ใจถึงกระบวนการในการทำงาน หรือต้องการข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น และอย่าลืมติดตามข่าวสารอัพเดทบน Telegram ที่จะทำให้คุณทันต่อเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลาด้วย
เพดานเงินทุน
ไม่ระบุ
โทเค็นทั้งหมด
150 พันล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์
ไม่ระบุ
Blockchain
เครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็น
ERC-20
เงินลงทุนขั้นต่ำ
ไม่มี
ซื้อได้ด้วย
ETH, USDT, Card
2. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – ลงทุนในหุ้นหลายพันตัวผ่านการเทรดครั้งเดียว
สำหรับใครที่คิดว่าลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย เราขอแนะนำกองทุนรวมดัชนีหุ้นซึ่งจะติดตามองตลาดหุ้น และทำกำไรจากการกระจายความเสี่ยงในหุ้นหลายๆ หุ้นจากการเทรดครั้งเดียว
โดยกองทุนรวมดัชนีหุ้นยอดนิยมคือ S&P 500 ที่จะติดตามหุ้นของบริษัทใหญ่ 500 แห่งในตลาดหุ้นหลักอย่าง NYSE และ NASDAQ โดยหุ้นจะต้องตามตามเกณฑ์ดัชนี S&P 500 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับมูลค่าตลาดด้วย
ด้านล่างคือ 10 หุ้นหลักของดัชนี S&P 500 ตอนนี้:
บริษัท | ชื่อย่อ | เปอร์เซ็นต์ (%) | ราคา |
Apple Inc. | AAPL | 7.39 | $167.84 |
Microsoft Corporation | MSFT | 5.94 | $276.08 |
Amazon.com Inc. | AMZN | 3.36 | $133.85 |
Tesla Inc | TSLA | 2.14 | $892.99 |
Alphabet Inc. Class A | GOOGL | 1.97 | $113.75 |
Alphabet Inc. Class C | GOOG | 1.82 | $114.65 |
Berkshire Hathaway Inc. Class B | BRK.B | 1.51 | $293.52 |
UnitedHealth Group Incorporated | UNH | 1.45 | $536.46 |
Johnson & Johnson | JNJ | 1.26 | $165.58 |
NVIDIA Corporation | NVDA | 1.24 | $164.38 |
จากข้อมูลข้างต้น 7% ของ 500 บริษัทใน S&P 500 มีหุ้นตัวเดียวคือ Apple ส่วน Microsoft, Amazon และ Tesla ยังมีดัชนีขนาดใหญ่ที่ประมาณ 6%, 3% และ 2% ตามลำดับ
ส่วน Electronic Arts, Digital Realty Trust และ Newmont Corporation มีเพียง 0.1% ใน S&P 500
เพราะ S&P 500 มุ่งเน้นเรื่องศักยภาพในเศรษฐกิจสหรัฐ ด้านผลตอบแทน S&P 500 นั้นก็เปิดตัวมาเกือบหนึ่งศตวรรษแล้ว และสร้างกำไรต่อปีได้ประมาณ 10% อ้างอิงจากนักลงทุนที่นำเงินปันผลกลับมาลงทุนใน S&P 500
และยังมีอีกกองทุนรวมดัชนีหุ้นมากมาย เช่น กองทุนที่ติดตาม NASDAQ 100 และ Dow Jones รวมถึงตลาดต่างประเทศเช่น FTSE 100 และ China 50
อีกหนึ่งกองทุนเมื่อพิจารณาว่าลงทุนอะไรได้เงินเร็วก็คือ Total Stock Market Index ซึ่งจะให้เข้าถึงตลาดหุ้นสหรัฐทั้งหมดกว่า 4,000 หุ้นในการลงทุนครั้งเดียว
โดยจะมีหุ้นขนาดเล็ก กลาง และใหญ่และในช่วง 10 ปีที่เปิดเทรด กองทุนดังกล่าวได้สร้างผลตอบแทนกว่า 13% ต่อปี ส่วนการลงทุน กองทุนรวมบางแห่งก็สนับสนุน ETF และซื้อได้โดยตรงผ่านเว็บ
ซึ่งการลงทุนโดยตรงในกองทุนก็อาจจะต้องใช้ทุนมากขึ้น เช่น เมื่อลงทุนใน Total Stock Market Index ผ่านเว็บ Vanguard จะต้องลงทุนขั้นต่ำ $3,000
แต่เมื่อใช้โบรกเกอร์หุ้นอย่าง eToro จะลงทุนขั้นต่ำได้เพียง $10 และไม่มีค่าคอมมิชชั่นใดๆ ซื้อ ขาย หรือเก็บกองทุนลงในพอร์ต แต่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจะยังมีอยู่
3. สินค้าโภคภัณฑ์ – ป้องกันความเสี่ยงด้วยทองคำ น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์เป็นอีกตัวเลือกเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี ซึ่งมีมูลค่าที่ยอดเยี่ยมในช่วงโควิด เช่น น้ำมันดิบแตะระดับต่ำสุดที่ 19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงกลางปี 2020 แต่ก็แตะระดับสูงสุดที่มากกว่า 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งเป็นความผันผวนกว่า 500% และปัจจัยที่ผลักดันราคาน้ำมัน ได้แก่ ปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเดินทางทั่วโลก และภาวะสงครามในยูเครน ซึ่งใครที่อยากทำกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันจะมีหลายทางเลือก
บางที่อาจจะควรเพิ่มหุ้นน้ำมันที่ดีที่สุดลงในพอร์ต เช่น BP, Shell และ ConocoPhillips โดยมูลค่าหุ้นน้ำมันมักจะอิงตามราคาทั่วโลก เพราะจะมีผลกระทบโดยตรงต่ออัตรากำไรของแต่ละบริษัท
อีกวิธีในการเทรดราคาน้ำมันคือการใช้อนุพันธ์ทางการเงินที่ติดตามราคาสินทรัพย์แบบเรียลไทม์ผ่าน CFD, ฟิวเจอร์ส, หรือออปชัน และทองคำยังเป็นสินค้าโภคภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี
ทองคำเป็นสินทรัพย์วัฏจักรและมูลค่าถูกขับเคลื่อนโดยการเมืองและเศรษฐกิจมหภาค เช่น ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่นักลงทุนจะต้องการเมื่อเศรษฐกิจอ่อนแอ และยังมีศักยภาพสูงในช่วงที่ระดับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เพราะเป็นตัวเก็บมูลค่านั่นเอง โปรดอ่านเพิ่มเติมเรื่องการลงทุนในช่วงเงินเฟ้อ
โดยไม่มีข้อกำหนดในการซื้อหรือเก็บทองคำแท่งในการลงทุน การจะทำกำไรจากโลหะมีค่าก็คือการลงทุนผ่าน ETF ซึ่งเราจะอธิบายเพิ่มเติม โดยทองคำ ETF จะไม่ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บ ความปลอดภัย และสภาพคล่อง
แม้การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จะถือเป็นเรื่องลงทุนระยะสั้นอะไรดี (หรือกลาง) มากกว่า เนื่องจากมูลค่าของสินค้าโภคภัณฑ์จะอิงตามอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งขึ้นและลงตามปัจจัยภายนอก
เราแนะนำให้อ่านบทความมีเงิน $100,000 ลงทุนอะไรดีเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
4. Staking เหรียญคริปโต – รับดอกเบี้ยจากการฝากเหรียญคริปโตลง Staking Pool
แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี และยังเหมาะกับคนที่ยังไม่มีเหรียญคริปโตในตอนนี้อีกด้วย เพราะเพียงแค่ซื้อเหรียญ นำไป Staking ในแพลตฟอร์ม และรับดอกเบี้ย
โดยอัตราดอกเบี้ยจาก Staking Pool ที่มาจากหลายปัจจัย โดยเหรียญคริปโตบางสกุลจะให้ดอกเบี้ยสูงกว่า ส่วนเหรียญที่มีมูลค่าน้อยกว่าจะให้ผลตอบแทนต่อปีสูงกว่าบิทคอยน์และ Ethereum นั่นเอง เพราะการ Staking เหรียญมูลค่าน้อยจะสูงกว่านั่นเอง
อัตราดอกเบี้ยจาก Staking Pool จะต่างกันตามระยะเวลาล็อคเหรียญ เช่น การ Staking เหรียญคริปโตบนกระดานเทรด DeFi Swap จะให้ผลตอบแทนถึง 75% ต่อปี โดยนักลงทุนจะไม่สามารถถอนได้จนกว่าระยะเวลาการล็อคจะสิ้นสุด
และยังมีระยะเวลาล็อคเหรียญที่ 30, 90 และ 180 วัน บางแพลตฟอร์มก็มีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น ให้นักลงทุนสามารถถอนโทเค็นของตนได้ทุกเมื่อ ซึ่งจะมีผลตอบแทนต่อปีต่ำกว่า แต่นักลงทุนหลายคนจะชอบเงื่อนไขแบบนี้
ต่อไปนี้คือตัวอย่างของการ Staking:
- นักลงทุนฝาก 10,000 USDT ลงใน Staking Pool ซึ่งเป็น Stablecoin ที่อิงราคาตามเงินดอลลาร์
- Staking Pool ให้ผลตอบแทน 10% ต่อปีที่ระยะเวลาล็อค 3 เดือน
- หลังจาก 3 เดือน นักลงทุนจะได้ 10,000 USDT กลับคืน
- และได้ผลตอบแทน 10% จากระยะเวลาล็อคเหรียญ 3 เดือน คิดเป็นดอกเบี้ย 250 USDT
- ทำให้นักลงทุนมี 10,250 USDT จากการลงทุน 10,000 USDT
ตัวอย่างข้างต้นคือการ Staking Stablecoin ซึ่งอิงตามเงินดอลลาร์ แต่เหรียญคริปโตทั่วไปก็สามารถนำไป Stake ได้เช่นกัน (ซึ่งมูลค่าจะผันผวนได้ตลอดเวลา) โดยเมื่อโทเค็นที่นำไป Stake มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
Quint เป็นอีกตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการ Staking ซึ่งจะให้นักลงทุนได้เข้าร่วมการจับของรางวัล โดยจะมีสิทธิ์ลุ้นรับนาฬิกาเรือนหรูสำหรับคนที่นำเหรียญดังกล่าวไป Stake
เรียนรู้เพิ่มเติม: สงสัยเรื่องการลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยจาก Super Staking? โปรดอ่านรีวิว Quint เพิ่มเติม
5. ทำกำไรจาก NFT ที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำเกินจริง
NFT เป็นสินทรัพย์อีกประเภทบน Blockchain ซึ่งสิ่งที่ทำให้ NFT เป็นที่นิยมก็คือการสร้างความเป็นไปได้มากมาย และยังให้ความเป็นเจ้าของในการครอบครอง NFT อีกด้วย
เป็นได้ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ประกัน สิทธิบัตร และไอเท็มภายในเกม โดย NFT ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือศิลปะดิจิทัล เช่น The Merge ซึ่งเป็น NFT ที่แพงที่สุดในโลก โดยขายได้กว่า $90 ล้านในช่วงปลายปี 2021
ส่วนคอลเล็กชันศิลปะ First 5000 Days NFT จาก Michael Winkelmann ที่ขายไปกว่า $69 ล้าน และ NFT ที่โด่งดังที่สุดในตอนนี้ก็คือ Bored Ape Yacht Club ซึ่งมีงานวาดรูปลิงกว่า 10,000 รายการที่ขายได้กว่า $200 ต่อรายการ ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021
คอลเล็กชัน Bored Ape Yacht Club เป็นกระแสในหมู่คนดังมากมาย และขายได้กว่า $1 ล้าน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีโอกาสขายทำกำไรมากมายสำหรับคนที่สนใจ เพียงหาคอลเล็กชัน NFT ที่จะทำกำไร ซึ่งค้นหาได้ใน Launchpad.xyz
ตลาดสำหรับ NFT ใหม่ๆ แห่งนี้ ได้รวบรวม NFT ราคาไม่ถึง $50 และมีโปรเจกต์ NFT น่าสนใจมากมาย เช่น Lucky Block ซึ่งมอบโอกาสสุ่มรางวัลใหญ่ตั้งแต่ ทรัพย์สินมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ไปจนถึงตั๋ว VIP FIFA World Cup
เพียงซื้อ NFT เพื่อเข้าร่วมการจับสลาก และยังมีโอกาสได้รับรางวัลเป็นโทเค็น LBLOCK อีกด้วย ซึ่งหากไม่ชนะรางวัลใหญ่ ก็ยังได้รับรางวัลเป็นเหรียญคริปโตจากการถือครองไว้ได้นั่นเอง
6. หุ้น – ซื้อและถือหุ้นสามัญ
อีกสินทรัพย์เมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีคือหุ้น มีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกที่ให้เข้าถึงบริษัทหลายหมื่นแห่งและตลาดมากมาย โดยนักลงทุนสามารถเน้นไปที่ตลาดหุ้นหลักๆ อย่าง NYSE และ NASDAQ ได้
กระดานแลกเปลี่ยนทั้งสองนี้มีหุ้นกว่า 4,000 หุ้นและมีมูลค่าตลาดหลักล้านล้านดอลลาร์ โดยสามารถกระจายความเสี่ยงได้จากการซื้อหุ้นหลายๆ ประเภท เช่น หุ้นปันผลจะเป็นบริษัทที่จะแบ่งกำไรบางส่วนให้กับนักลงทุน
สำหรับใครที่มีเงินเย็นไปลงทุนในหุ้นปันผล เราแนะนำ Coca-Cola, Dover, 3M และ Procter & Gamble ซึ่งจ่ายเงินปันผลมากว่าหกทศวรรษแล้ว และจ่ายเงินปันผลรายปีติดต่อกันกว่า 60 ปี
ส่วน ‘ราชาแห่งเงินปันผล’ คือบริษัทที่แบ่งเงินปันผลประจำปีเพิ่มขึ้นอย่างน้อยถึง 50 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น และเพื่อไม่ให้เป็นแบบนั้น นักลงทุนที่มีเงินเอาไปลงทุนอะไรดี เราก็ขอแนะนำหุ้นที่กำลังเติบโต หรือการลงทุนในสตาร์ทอัพ
ซึ่งเป็นบริษัทที่กำลังอยู่ในช่องเติบโต และมีแนวโน้มว่าจะมีไอเดียทางธุรกิจ หรือผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ๆ โดยอาจจะไม่ได้มีความเสี่ยงน้อย แต่จะมีโอกาสทำกำไรมากกว่า
นอกจากนี้เราขอแนะนำหุ้นของบริษัทมูลค่าสูง ซึ่งเหมาะกับการมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตนอีกด้วย
เช่น Walmart, Microsoft, Johnson & Johnson, Mcdonald’s และ UnitedHealth โดยการสร้างพอร์ตที่สมดุลที่มีหุ้นหลากหลายประเภท เพื่อกันไม่ให้การลงทุนในหุ้นล้มเหลวในภายหลัง
และสำหรับนักลงทุนที่คิดว่ามีเงินเย็นลงทุนอะไรดี? ก็ควรคำนึงถึงหุ้นต่างประเทศ เพราะจะช่วยกระจายความเสี่ยงและไม่ทุ่มทุนลงในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เกินไป โดยกระดานแลกเปลี่ยนยอดนิยมที่สุด ได้แก่ ตลาดของสหราชอาณาจักร ยุโรป และญี่ปุ่น
การกระจายความเสี่ยงนั้น นักลงทุนต้องสร้างบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับ โดยโบรกเกอร์จะต้องมีค่าธรรมเนียมต่ำและรองรับการซื้อหุ้นสัดส่วนที่ให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นทั้งหมด
โดยเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี เราก็ขอแนะนำ eToro ที่ให้ลงทุนขั้นต่ำเพียง $10 ซึ่งหากหุ้นมีราคา $100 นักลงทุนจะสามารถเปิดสถานะได้ด้วยเงิน $10 และเป็นเจ้าของ 10% และไม่มีค่าคอมมิชชั่นใดๆ ในการซื้อแบบสัดส่วน
- เรียนรู้เพิ่มเติม: อ่านคำแนะนำของเราเกี่ยวกับ:
- วิธีลงทุน $10,000 ในหุ้น
- วิธีลงทุนในหุ้นก่อน IPO
7. กองทุน ETF – ลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ผ่านกองทุนที่มีการจัดการ
กองทุนถือเป็นอีกหนึ่งลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อยในงบ 3 แสน เพราะจะได้รับการจัดสรรจาก Vanguard และ iShares ETF สถาบันการลงทุนขนาดใหญ่ โดยกองทุน ETF ส่วนใหญ่จะติดตามกลุ่มสินทรัพย์ เช่น S&P 500 และ Total Stock Market Index
เพื่อลงทุนในกองทุนดัชนี นักลงทุนจะต้องลงทุนผ่านกองทุน ETF ซึ่งจะติดตามตลาดด้วยการซื้อสินทรัพย์นั้นๆ ตามเปอร์เซ็นต์ที่จัดสรร หมายความว่า Total Stock Market Index ETF จะซื้อและถือหุ้นกว่า 4,000 หุ้นสามัญ
โดยกองทุน ETF จะปรับเปอร์เซ็นต์ทุกไตรมาสเพื่อให้สอดคล้องตามราคาของสินทรัพย์ที่ติดตาม เพื่อให้ทำกำไรจากตลาดในแบบสัดส่วน เรามาดูตัวอย่างของ Vanguard Dividend Appreciation ETF กันเลย
โดยลงทุนในกองทุน ETF ดังกล่าว ยังลงทุนจะได้ถือครอง 289 หุ้นทางอ้อม ได้แก่ Pepsi, Visa, Microsoft, JPMorgan Chase, MasterCard และ Home Depot โดย Pepsi จะมีเปอร์เซ็นต์ในกองทุน 1.98% ส่วน Visa มี 2.76%
แปลว่าการลงทุนในงบ 3 แสนจะได้ถือหุ้น Pepsi และ Visa ที่ 198 ดอลลาร์และ 276 ดอลลาร์ตามลำดับ โดยมีการเทรดกองทุน ETF มากมายในอเมริกา ซึ่งจะติดตามตลาดแตกต่างกัน บางกองทุนจะเน้นที่หุ้น และบางกองทุนจะเน้นที่ตราสารหนี้
เช่น กองทุน Vanguard Total International Bond ETF จะให้ทำกำไรจากตราสารหนี้ 6,000 รายการในตลาดโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และตลาดเกิดใหม่ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงน้อยและมีการจ่ายเงินปันผลทุกเดือน
นอกจากนี้ ETF ยังเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากสินค้าโภคภัณฑ์ โดยบาง ETF จะได้รับสนับสนุนโดยโลหะมีค่า เช่น กองและเงิน หมายความว่าจะสามารถลงทันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บและความปลอดภัย
อีกข้อดีคือ ETF มีค่าธรรมเนียมต่ำ แม้กองทุนจะจัดการพอร์ตในนามนักลงทุนก็ตาม โดยเฉพาะ กองทุนรวมดัชนีหุ้น ETFs ที่มีค่าใช้จ่ายเพียง 0.10% ต่อปี โดยนักลงทุนสามารถลงทุนใน ETF ได้ง่ายๆ ผ่าน eToro โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม และให้นักลงทุนได้ลงทุนในคาร์บอนเครดิตเช่นฟิวเจอร์ส Carbon Emissions อีกด้วย
8. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – รับดอกเบี้ยแบบพาสซีฟจากการลงทุนในเหรียญคริปโตระยะยาว
บัญชีดอกเบี้ยคริปโตเป็นอีกตัวเลือกการลงทุนที่ได้เงินเร็วที่สุดในงบ 3 แสน เพียงเลือกเปิดบัญชีบนแพลตฟอร์มที่ต้องการและฝากเหรียญคริปโตลงบัญชี นักลงทุนก็จะได้รับดอกเบี้ยสำหรับโทเค็นที่ล็อคเอาไว้
สมมุติว่านักลงทุนลงทุนเงิน 3 แสนลงในบัญชีดอกเบี้ยของ Crypto.com สำหรับเหรียญบิทคอยน์ นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่ 5% ต่อปี ส่วนเหรียญคริปโตอื่นๆ ที่ Crypto.com รองรับจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการล็อคเหรียญด้วยเช่นกัน
ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่อยากลงทุนในเหรียญคริปโตระยะยาวเพื่อสร้างกำไรจากการถือครองเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ตลาดเป็นขาลง นักลงทุนก็จะได้รับดอกเบี้ยเช่นกัน ซึ่งสามารถนำไปซื้อเหรียญคริปโตเพิ่มผ่านแผนการลงทุนเพื่อจ่ายเงินปันผล (DRIP)
ซึ่งจะเป็นการค่อยๆ ทำกำไรในตลาดคริปโต ซึ่งการฝากเหรียญลงบัญชีดอกเบี้ยคริปโตนั้น นักลงทุนจะยังคงเป็นเจ้าของเงินทุนเองทั้งหมด ซึ่งแปลว่าหากเหรียญคริปโตมีมูลค่าเพิ่มในตลาด นักลงทุนก็จะได้กำไรจากส่วนนั้นด้วยนั่นเอง
9. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – การลงทุนแบบไม่ต้องเสียภาษีสำหรับคนไทย
สำหรับใครที่คิดว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี เราก็อยากจะแนะนำให้รู้จักกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นอีกวิธีการลงทุนยอดนิยมสำหรับคนไทยทุกคน โดยเฉพาะพนักงานบริษัทที่กำลังจะเกษียณอายุ โดยการทำงานของกองทุนดังกล่าวคือการนำเงินเดือนของพนักงานไปแบ่งลงในกองทุนบริษัท และบริษัทจะสามารถสมทบเงินของตนลงกองทุนเพิ่มอีกในอัตรา 2-15% ตามนโยบายกองทุนของบริษัทนั่นเอง
หลังจากนั้น สิ่งที่กองทุนจะทำถัดมาก็คือการนำเงินที่อยู่ในกองทุนไปลงทุนในสินทรัพย์และตลาดการเงินต่างๆ เพื่อทำรายได้ โดยจะแบ่งเงินให้กับผู้ซื้อกองทุนเป็นเงินปันผล ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดเยี่ยมเมื่อศึกษาว่าลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พนักงานต้องคำนึงถึงก็คือเงื่อนไขการถอนเงินออกมาเพื่อใช้ในยามจำเป็น โดยจะขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทเช่นเดียวกับกันอัตราจ่ายเงินสมทบของบริษัท ซึ่งข้อดีของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็คือจะไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆ หากไม่ถอนเงินออกมาใช้ก่อนกำหนด แต่หากจำเป็น นักลงทุนก็สามารถทำเรื่องยื่นภาษีได้เช่นเดียวกัน
10. Copy Trade – เทรดหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ แบบรายวันโดยไม่ต้องลงมือเอง
ใครที่อยากลงทุนโดยไม่ต้องลงมือเองอาจชอบกองทุน ETF หรือกองทุนรวม แต่การลงทุนดังกล่าวจะถูกจัดการโดยผู้บริการกองทุน ซึ่งเหมาะเหมาะกับการลงทุนระยะยาวและเน้นไปที่หุ้นและตราสารหนี้มากกว่า
แต่ Copy Trade เป็นเครื่องมือที่จะให้นักลงทุนได้เทรดแบบรายวันในตลาดการเงินโดยไม่ต้องลงมือเอง เพียงเลือกนักเทรดและคัดลอกสถานะการซื้อหรือขายลงในพอร์ตของตน เช่น eToro จะให้ผู้ใช้คัดลอกเทรดเดอร์ได้ในราคา $200 ไม่มีค่าธรรมเนียม
ตัวอย่างเช่น:
- เช่น ผู้ใช้ eToro ลงทุน 3 แสนลงในนักเทรดฟอเร็กซ์ที่มีประสบการณ์
- นักเทรดตัดสินใจซื้อ EUR/USD ที่ 5% โดยมีเลเวอเรจ 1:30
- สถานะดังกล่าวจะถูกคัดลอกลงในพอร์ตของผู้ใช้ eToro ด้วยเงิน $500
- ไม่กี่ชั่วโมงต่อไป นักเทรดขาย EUR/USD และทำกำไรได้ 10%
- หมายความว่านักลงทุนก็จะได้กำไร 10% จากเงิน $500 ซึ่งคิดเป็น $50
มีนักเทรดที่ได้รับการรับรองมากมายบนโปรแกรม Copy Trade ของ eToro ดังนั้นต้องเลือกประเภทสินทรัพย์ที่อยากทำกำไรเสียก่อน โดยที่ eToro จะรองรับตั้งแต่หุ้น, กองทุน ETF, ดัชนี, ไปจนถึงเหรียญคริปโตและฟอเร็กซ์ โดยนักลงทุนควรคำนึงว่ามีความเสี่ยงน้อยหรือมากร่วมด้วย
ผู้ใช้ eToro ยังสามารถดูประวัติการเทรดในอดีตของนักเทรดได้ก่อนเลือกคัดลอกเพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึก โดยนักเทรดยอดนิยมที่ถูกคัดลอกมากที่สุดคือ Juraj Gazo ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านหุ้นและฟอเร็กซ์และทำกำไรแก่ผู้ติดตามได้กว่า 39% ในปี 2021 โดยนักเทรดคนดังกล่าวได้ทำกำไรที่ 5% และ 40% ในปี 2020 และ 2019 ตามลำดับ
วิธีเลือกว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีที่สุด
หลังจากเราได้อธิบายถึงข้อดีข้อเสียเรื่องมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีแล้ว เราจะบอกวิธีกระจายความเสี่ยงที่อิงตามความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงินของนักลงทุน
เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจได้ตามเป้าหมายของตนเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี
ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้
สิ่งที่ควรคำนึงเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีคือการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุน
โดยไอเดียด้านผลตอบแทนกับความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจ ยิ่งให้ผลตอบแทนสูง ก็ยิ่งเสี่ยงมากนั่นเอง
- โดยพันธบัตรสหรัฐฯ และตราสารหนี้จากยุโรปอาจเป็นวิธีที่ความเสี่ยงน้อยที่สุดในงบ 3 แสน
- เช่น ตราสารหนี้อายุ 10 ปีจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทน 3.10% ต่อปี
- แม้จะฟังดูน่าสนใจ แต่ผลตอบแทน 3% นั้นแทบจะโดนแซงหน้าโดยอัตราเงินเฟ้อระยะยาว
- แต่รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ผิดนักชำระผลตอบแทนอย่างแน่นอน
นักลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงเมื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่คาดเดาไม่ได้
- เช่น ใครที่ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตควรคำนึงว่ามูลค่า Coinbase ลดลงเกือบ 80% จากราคา IPO ในปี 2021
- เช่นเดียวกับ Grab ที่เคยเป็นหุ้น IPO ศักยภาพสูงแห่งปีตอนถูกลิสต์ลง NASDAY เดือนธันวาคม 2020 ซึ่งลดลง 70% จากมูลค่าเดิม
- ส่วนหุ้นเติบโตที่ถูกลิสต์ในปี 2010 อย่าง Tesla มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 23,000% ตั้งแต่ IPO
นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงสุดอาจพิจารณา Presale เหรียญคริปโตเช่น MEMAG ซึ่งโทเค็นใหม่ๆ มักจะมีโอกาสทำกำไรและมีความผันผวนสูง
การลงทุนแบบพาสซีฟหรือแอคทีฟ
เมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี นักลงทุนควรคำนึงถึงเวลาที่ใช้ในการลงทุนด้วย
- ซึ่งไม่เพียงแต่จะรวมถึงการศึกษาและวิเคราะห์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงขั้นตอนการปรับสมดุลให้กับพอร์ต
- ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญของการลงทุน เพื่อให้พอร์ตของนักลงทุนสอดคล้องกับเป้าหมายการเงินในระยะยาว
ส่วนใครที่มีเวลาและประสบการณ์จัดการพอร์ตของตนอาจพิจารณาเรื่องกลยุทธ์การลงทุน เพื่อศึกษาตลาดและเปิดสถานะซื้อและขายสินทรัพย์อย่างถูกต้อง
ส่วนใครที่ไม่มีเวลาหรือความรู้ด้านการลงทุนเอง ก็อาจใช้งานกลยุทธ์การลงทุนแบบพาสซีฟ เช่น สินทรัพย์สร้างกำไรเองอย่างกองทุน ETF, กองทุนรวมดัชนีหุ้น, หรือ Copy Trade
เป้าหมายทางการเงิน
การตั้งเป้าหมายทางการเงินก็เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างพอร์ต
เช่น นักลงทุนอาจต้องการลงทุนเงิน 3 แสนลงในบัญชีเกษียณระยะยาว เพื่อรับผลตอบแทนเป็นรายเดือน ซึ่งเราจะแนะนำกองทุนรวมดัชนีหุ้นระยะยาวอย่าง S&P 500
ส่วนการลงทุนระยะสั้นอะไรดี โดยเฉพาะใครที่อยากเทรดด้วยตัวเอง เราก็ขอแนะนำ Presale เหรียญคริปโต, หุ้นที่เติบโตได้, และตราสารหนี้ระยะสั้น
รายได้ กำไร หรือทั้งสอง
สินทรัพย์บางกลุ่มจะสร้างรายได้แบบพาสซีฟ เช่น หุ้นปันผล เพียงถือหุ้นบริษัทที่จ่ายเงินปันผล นักลงทุนก็จะได้เงินทุกๆ 3 เดือน
นักลงทุนบางคนอาจให้ความสำคัญกับผลกำไร ทั้งเหรียญคริปโตและหุ้นที่มีโอกาสโตก็ถือว่าเหมาะ เพราะทั้งคู่อาจไม่สร้างรายได้ แต่เป้าหมายคือการเติบโต
สินทรัพย์บางกลุ่มอาจมีความสมดุลระหว่างรายได้และการเติบโต เช่น หุ้น ETF ที่จะมีมูลค่าเพิ่มเมื่อตลาดเป็นขาขึ้น และให้เงินปันผลเป็นรายไตรมาสอีกด้วย
ลงทุนอะไรดีในงบ 3 แสน – ตัวเลือกที่ดีที่สุด?
ยังสงสัยว่ามีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี?
ตัวเลือกโดยรวมที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดีจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่รับได้ โดยการกระจายความเสี่ยงก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งนักลงทุนควรลงทุนในสินทรัพย์ ตลาด และโอกาสทำกำไรหลายรูปแบบ
แล้วจะลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย? เราขอแนะนำกองทุนรวมดัชนีหุ้นและดัชนีที่จ่ายเงินปันผลสูงๆ ส่วนการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง เราขอแนะนำเป็นหุ้นที่มีโอกาสโตและเหรียญคริปโต
หนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือ Sponge V2 ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตออกใหม่ที่อยู่ในช่วง Pre-sale โดยเมื่อยิ่งซื้อ $SPONGE ในช่วงแรกๆ มากเท่าไหร่ คุณก็จะมีโอกาสทำกำไรได้เมื่อเหรียญถูกลิสต์ลงกระดานเทรดมากขึ้นเท่านั้น
บทสรุป
บทความนี้ได้พูดถึงวิธีที่ดีที่สุดเมื่อมีเงิน 3 แสน ลงทุนอะไรดี โดยครอบคลุมทั้งกลุ่มสินทรัพย์และตลาด เช่น เหรียญคริปโต, กองทุนรวมดัชนีหุ้น, ทอง, หุ้น, และ Copy Trade
โดยรวม เราขอแนะนำ $SPONGE ที่ปัจจุบันมีราคา Pre-sale อยู่ที่ 0.000524 และทำให้ Sponge V2 ดูเหมือนจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่