การสัมภาษณ์สามารถใช้กระบวนการ ‘วิศวกรรมย้อนกลับ’ ได้ แต่ศัพท์ทางวิศวะที่ว่าไปเกี่ยวอะไรกับคําถามสัมภาษณ์งาน HR กันล่ะ? วิศวกรรมย้อนกลับคือการตรวจสอบรายละเอียดของไอเดียหรือผลิตภัณฑ์โดยมีจุดประสงค์เพื่อผลิตและปรับปรุงอะไรที่เหมือนๆ กัน ซึ่งก็แน่นอนว่าวิธีการนี้จะสามารถนำไปใช้กับการสัมภาษณ์งานได้เช่นกัน เพราะบางครั้งในการสัมภาษณ์งาน ผู้สมัครไม่เข้าใจคำถามที่ผู้สัมภาษณ์ถามอย่างถูกต้อง จึงอาจตอบได้ไม่ดีนัก หรือจะพูดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของการสัมภาษณ์งานคือการที่ผู้สมัครเข้าใจคำถามได้อย่างชัดเจนและครบถ้วนหรือไม่ก็ได้ ถ้าคำตอบของผู้สมัครตรงกับความคาดหวังของผู้สัมภาษณ์ แม้จะน่าเศร้าที่คนสัมภาษณ์งาน ซึ่งก็คือตัวแทนของบริษัท ไม่เคยเรียนหลักสูตรโครงสร้างสำหรับการตั้งคำถามสัมภาษณ์งานให้ละเอียดและมีประสิทธิภาพเลยแม้แต่ครั้งเดียว และน่าเสียดายที่ผู้สัมภาษณ์มืออาชีพจำนวนมากกลับสัมภาษณ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็มีบางคนที่สัมภาษณ์ได้เก่งเป็นพิเศษเช่นกัน
วิเคราะห์หัวข้อสัมภาษณ์งาน
สำหรับใครที่คิดไม่ตกว่าสัมภาษณ์งาน ถามอะไรบ้าง? หัวข้อสัมภาษณ์งานเป็นการสนทนาอย่างมืออาชีพระหว่างตัวแทนบริษัทและผู้สมัครงานเพื่อวัตถุประสงค์ในการคัดเลือกผู้สมัครที่ดูดีที่สุด แน่นอนว่าการสัมภาษณ์นั้นแตกต่างกันไปตามประเภทของงานและระดับภายในองค์กร โดยการสัมภาษณ์ผู้สมัครงานบริการโรงอาหารของบริษัทนั้นจะแตกต่างจากผู้สมัครตำแหน่งรองประธานซึ่งถูกคาดหวังให้เข้ามาแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อนแน่นอน แต่ในทุกอาชีพงานก็มีความคล้ายกันอยู่ ดังนั้น อะไรคือเกณฑ์ที่ผู้สัมภาษณ์ต้องรู้เอาไว้เพื่อที่จะดำเนินการสัมภาษณ์และแนะนำคนที่เข้าตาได้ล่ะ? แน่นอนว่าคำตอบก็มีเกณฑ์มากมาย ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามผู้สัมภาษณ์แต่ละคน และบางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้ที่อคติจะเข้ามามีผลต่อการตัดสินใจ ถึงอย่างนั้นบางคำถามก็มีความสำคัญมากกว่าคำถามอื่นๆ และจะมีการสัมภาษณ์มากกว่าหนึ่งครั้งก่อนที่จะถึงการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเป็นส่วนใหญ่ เรามาตรวจสอบประเภทของคำถามสัมภาษณ์งานครั้งแรกและครั้งที่สอง และจุดประสงค์ในการตั้งคำถามเหล่านี้กันเลย
คําถามที่เจอบ่อยในการสอบสัมภาษณ์งานครั้งแรก
เกณฑ์แรกคือทักษะการสื่อสารและคำถามทั่วไปคืออย่าง บอกผมเกี่ยวกับตัวคุณ เมื่อผู้สมัครเริ่มตอบคำถาม ฉันก็สังเกตได้ว่าผู้เข้าสอบตีกรอบคำตอบนั้นอย่างไร ชัดเจนและรัดกุมหรือไม่? และมีส่วนร่วมกับผมพอหรือเปล่า?
เกณฑ์ต่อไปคือความสามารถ แนวคำถามก็คงจะเป็น คุณช่วยยกตัวอย่างเวลาที่คุณใช้ทักษะ [ชื่อ] และผลลัพธ์ที่ได้หรือเปล่า? ตอนนี้ผมจะตั้งใจฟังว่าคำตอบระบุว่าผู้สมัครทำงานเป็นทีมได้ดีหรือไม่ ผู้สมัครได้แสดงให้เห็นถึงทักษะที่พัฒนามาเป็นอย่างดีในด้านที่ผมให้ความสนใจหรือไม่ และผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบไหน?
ในทุกบริษัท ความพอดีทางวัฒนธรรมก็ถือว่าสำคัญสุดมากเช่นกัน โดยคำถามที่พบบ่อยๆ ก็คือ โครงการที่ต้องใช้ทีมหรืองานที่ใหญ่ที่สุดที่คุณเคยทำในอาชีพของคุณคืออะไร? จากนั้นผมจะเจาะลึกลงไปด้วยคำถามติดกันเลย เช่น ผมต้องการเรียนรู้ขนาดของทีมงานในโครงการ บรรลุเป้าหมายได้ไหม? ใครได้ประโยชน์จากผลงานนั้น? คำตอบของผู้สมัครสื่อสารได้ดีหรือไม่? ใช้นานเกินไปหรือเปล่า? หรือสั้นเกินไป?
เรื่องต่อมาที่ต้องดูก็คือแรงจูงใจ ตรงนี้ผมจะถามสิ่งที่ผู้สมัครรู้เกี่ยวกับบริษัท โดยคำถามนี้ ผมกำลังทดสอบว่าผู้สมัครทำการบ้านเกี่ยวกับบริษัทมาหรือเปล่า ผู้สมัครสนใจจริงไหม? ผู้สมัครรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรมากกว่าที่มีอยู่ในเว็บไซต์หรือไม่?
คําถามที่เจอบ่อยในการสอบสัมภาษณ์งานครั้งที่สอง
เพราะว่าแรงจูงใจเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก จึงมีแนวโน้มว่าคำถามนี้จะเกิดขึ้นในการสัมภาษณ์ครั้งที่สองเช่นกัน โดยคำถามที่ผู้สัมภาษณ์จะอยากรู้โดยทั่วไปคือ: ทำไมคุณถึงต้องการงานนี้ ทำไมลาออกจากที่ทำงานเก่า? มีปัญหาอะไรที่ไม่ได้บอกหรือเปล่า? คุณต้องการเติบโตอย่างมืออาชีพหรือไม่? คุณมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตทางอาชีพของคุณที่ชัดเจนหรือไม่?
เรื่องต่อมาที่จะตรวจสอบจะเป็นความเชื่อมั่นของเพื่อนร่วมงานและลูกค้า คำถามที่ดีและน่านำมาใช้คือ คุณสามารถยกตัวอย่างที่ดีที่สุดด้านความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้ไหม? คุณได้รับเชิญให้มีส่วนร่วมกับทีมอื่นๆ บ้างไหม? ทีมของคุณและทีมอื่นๆ ฉลองความสำเร็จร่วมกันหรือไม่? มีการกลับมาทำธุรกิจซ้ำหรือเปล่า? หรือมีลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกไหม?
คนในฝ่ายบริหารถูกคาดหวังให้สามารถระบุและกำหนดเป้าหมายได้ โดยผมจะถามเกี่ยวกับแผนสำหรับ 90 วันแรกหลังจากจ้างงาน ผู้สมัครรู้จักสินค้าหรือบริการหรือไม่? ผู้สมัครได้คิดแผนหรือยัง? แผนมีรายละเอียดเพียงพอหรือเปล่า? หาก ณ จุดนี้ ผู้สมัครดูมีศักยภาพพอ ผมจะถามว่า คุณคาดหวังผลตอบแทนที่เท่าไหร่ ซึ่งคำตอบจะช่วยให้ผมตัดสินใจได้ว่าควรสัมภาษณ์ต่อไปหรือไม่ หากผลตอบแทนที่ผู้สมัครคาดหวังอยู่เกินงบของผู้จัดการฝ่ายว่าจ้างที่กำหนดไว้สำหรับตำแหน่งนั้นๆ และตอนนี้ผมจะถามคำถามเกี่ยวกับความเข้าใจในตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น คุณมีคุณสมบัติเกินเกณฑ์ไปหรือเปล่า? โดยผมจะพิจารณาว่าคำตอบที่ได้นั้นดูป้องกันตัวหรือมีเหตุผลมารองรับไหม?
และเรื่องสุดท้ายก็คือการคาดเดาพฤติกรรมในอนาคต โดยตัวอย่างคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมในอนาคตมักจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมหรือสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น บอกผมที่ว่าถ้าถึงเวลาที่คุณต้องปกป้องไอเดียอะไรบางอย่าง และผลที่ตามมาคืออะไร? ตรงนี้ ผมกำลังพยายามคาดเดาพฤติกรรมในอนาคตจากคำตอบอยู่นั่นเอง
การตั้งคำถามสัมภาษณ์งานไม่ใช่เรื่องยาก การตัดสินจากคำตอบของผู้สมัครคือการทดสอบทักษะการสัมภาษณ์ของตัวเองที่ได้ผลดีที่สุด เช่นเดียวกับการฝึกฝนที่จะทำให้การสัมภาษณ์สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย