Conversion Rate Optimization (หรือ CRO) เป็นเทคนิคการตลาดที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจออนไลน์โดยส่วนใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้คุณเพิ่มอัตราความสำเร็จในการโฆษณา และบรรลุแผนการเพิ่มยอดขายได้ ด้วยเหตุนี้ การทราบว่า CRO คืออะไร จึงเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากวัตถุประสงค์ทางการตลาด

การทำให้ธุรกิจเติบโตและมีการเข้าชมจำนวนมาก จะก่อให้เกิดประโยชน์ที่ดี แต่การเปลี่ยนจำนวนการเข้าชมให้เป็นยอดขาย ถือเป็นสิ่งที่ธุรกิจใด ๆ จำเป็นต้องทำให้บรรลุเป้าหมายในท้ายที่สุด

Conversion Rate Statistics :

CRO คืออะไร?

สำหรับการตลาด โดยเฉพาะการตลาดออนไลน์ Conversion Rate คือ จำนวนคนที่คลิกโฆษณา หรือเข้าชมเว็บไซต์ และมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณ เช่น การซื้อสินค้า, การสมัครรับจดหมายข่าว หรือการดาวน์โหลดแอป ดังนั้น CRO จึงเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในการเพิ่ม Conversion Rate และการตอบสนองเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการทำการตลาดมากขึ้น

Conversions เป็นศูนย์กลางเป้าหมายของธุรกิจออนไลน์อย่างเห็นได้ชัด เพราะจำเป็นต่อการขยายธุรกิจ, ทำกำไร, เพิ่มการยอมรับ และเพิ่มการใช้งานเว็บไซต์ และ CRO คืออะไรก็ตามที่แสดงให้คุณเห็นว่า คุณประสบความสำเร็จมากเพียงใด

ในบทความนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่การอธิบายว่า CRO คืออะไร ? ประโยชน์ของ CRO คืออะไร ? และสรุปว่า Conversion Rate ของคุณจำเป็นต้องได้รับการปรับให้เหมาะสมตั้งแต่แรกหรือไม่ ? นอกจากนี้ เราจะแนะนำกลยุทธ์ต่าง ๆ สำหรับผู้ที่อยากเพิ่ม Conversion Rate เช่นเดียวกับเครื่องมือทางการตลาดที่ยอดเยี่ยมที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้

วิธีคำนวณ CRO คืออะไร

เรามาเริ่มกันที่การอธิบายว่า Conversion Rate คืออะไร คำอธิบายง่าย ๆ ก็คือ ตัวเลขที่ระบุเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานที่ทำสิ่งใด ๆ ที่คุณต้องการบนแพลตฟอร์มได้สำเร็จ หากคุณอยู่ในธุรกิจค้าปลีก Conversion Rate จะแสดงจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่มีส่วนร่วมในการซื้อสินค้าในแต่ละรายการ, ส่วนในบล็อกและเว็บไซต์ที่คล้ายกัน Conversion Rate อาจจะแสดงถึงจำนวนผู้ใช้ที่สมัครรับจดหมายข่าว หรือผู้ที่สนับสนุนธุรกิจในลักษณะอื่น ๆ เช่น การชำระค่าสมัครรับข้อมูลแบบพรีเมียม

วิธีคำนวณ CRO สูตรคำนวณ CRO conversion rate optimization

วิธีคำนวณจะต้องเอาจำนวนเป้าหมาย หารด้วยจำนวนผู้ใช้ทั้งหมด และตัวเลขจะถูกแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ ที่เรียกว่า Conversion Rate ตัวอย่างเช่น หากงานแคมเปญที่มีผู้ชม 20,000 คน และมี 800 คนคลิกที่โฆษณาของคุณ คุณจะเอา 800 หารด้วย 20,000 ซึ่งได้ผลเท่ากับ 0.04 หรือแปลเป็น Conversion Rate ที่ 4%

เห็นได้ชัดว่า ยิ่ง Conversion Rate สูงเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น แต่หากเว็บไซต์มีองค์ประกอบที่ทำให้ผู้คนเลิกสนใจ Conversion Rate ก็จะสะท้อนให้เห็นสิ่งนั้นเช่นกัน และนั่นคือที่มาของ Conversion Rate Optimization ว่า CRO คืออะไร?

ประโยชน์ของ CRO คืออะไร

หาก Conversion Rate ของคุณต่ำเกินไป การเพิ่มประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณเพิ่มตัวเลขได้ และคุณจะได้รับประโยชน์หลาย ๆ ประการจากสิ่งนี้

ประโยชน์ของ CRO คืออะไร? คำตอบคือช่วยเพิ่มรายได้ด้วยการทำให้ผู้คนตัดสินใจทำสิ่งใด ๆ ตามที่ต้องการให้เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม และยังมีประโยชน์อื่น ๆ ได้แก่

ประการแรกคือ การเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น โดยทั่วไปแล้ว ลูกค้าที่พึงพอใจมักจะมีส่วนร่วมกับธุรกิจผ่านการสมัครรับข้อมูล และการซื้อสินค้า ตลอดจนการบอกต่อ และกระตุ้นให้เกิดการเข้าชมแพลตฟอร์มที่มากขึ้น ทั้งนี้ ลูกค้าที่พึงพอใจก็มีแนวโน้มที่จะมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ที่มากยิ่งขึ้น

CRO ยังช่วยให้คุณได้เปรียบคู่แข่ง ที่อาจล้มเหลวในการเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ของตนเอง และไม่สามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้ นอกจากนี้ การเพิ่มกิจกรรมบนแพลตฟอร์ม จะทำให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะเห็นการกระทำที่พวกเขาสนใจได้อย่างชัดเจน หรืออาจสังเกตเห็น Engagement Rate ของการซื้อสินค้าบางอย่างที่เพิ่มขึ้น และบางอย่างที่น้อยลงได้

ข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ใดอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง

ด้วยเหตุผลทั้งหมด รวมถึงเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมาย CRO จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก และเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจต่อไป

จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องมีการปรับ Conversion Rate เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

conversion rate optimization

หลังจากทราบว่าประโยชน์ของ CRO คืออะไรไปแล้ว หากคุณต้องการทราบอีกว่า แล้วเราจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพของ Conversion Rate หรือไม่ ? คุณต้องคำนวณเปอร์เซ็นต์ Conversion Rate ตามที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ก่อน และพิจารณาว่า Conversion Rate ของคุณ “ดี” แล้วหรือยัง?

ขั้นตอนนี้อาจยุ่งยากสักเล็กน้อย เนื่องจาก Conversion Rate มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงตามอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ และในอุตสาหกรรมเดียวกันก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากคุณพิจารณาให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมาย, การเข้าชมแพลตฟอร์ม, ข้อมูลประชากร และปัจจัยอื่น ๆ อีก หลายประการ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจว่า Conversion Rate เหมาะสมหรือไม่

ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา Conversion Rate เฉลี่ยอยู่ที่ 2.3% คุณอาจคิดว่า “ดี” และถ้าตัวเลขมากกว่านี้ก็จะยิ่งดีกว่า จากงานวิจัยที่มี..คุณสามารถค้นหา CR เฉลี่ยในทุกธุรกิจได้อย่างง่ายดาย และใช้เปรียบเทียบกับธุรกิจส่วนตัวของคุณได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถติดต่อเจ้าของเว็บไซต์ที่คล้ายกัน เพื่อสอบถาม CR เฉลี่ยของพวกเขา แม้ว่าหลายคนจะต้องการปิดบังสถิติ CR ของตัวเองก็ตาม

อีกวิธีที่ได้รับความนิยมในธุรกิจบางแห่ง คือ การรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าผ่านเครื่องมือต่าง ๆ เช่น แบบสำรวจและรีวิว ลูกค้าบนโลกอินเทอร์เน็ตมักจะมีความยินดีที่จะชี้ข้อบกพร่อง และปัญหาของเว็บไซต์ ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้เพื่อประโยชน์ของคุณได้ ซึ่งอาจรวมถึงจุดที่เป็นคอขวด, จุดผิดพลาด และสิ่งอื่น ๆ ที่จะทำให้ธุรกิจเกิดปัญหา

กลยุทธ์ CRO คืออะไร

กลยุทธ์ CRO ทำได้หลายวิธี แต่มีกลยุทธ์ CRO ไม่กี่อย่างที่ได้รับความนิยมและมีประโยชน์มากที่สุด ดังนี้:

1. ใส่ปุ่ม CTA แบบข้อความในบล็อกโพสต์

หากธุรกิจของคุณมีบล็อก การเพิ่มปุ่ม Calls to Action (CTAs) ในบล็อกโพสต์อาจส่งผลดีต่อ Conversion Rate ส่วนบล็อกที่ไม่มี CTA มักจะดึงดูดผู้เข้าชมได้ไม่ดีเท่าที่ตั้งใจ

สิ่งที่คุณต้องทำ คือ การเพิ่มย่อหน้า, ประโยค หรือปุ่มง่าย ๆ เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าสมัครรับจดหมายข่าวหรือพิจารณาซื้อสินค้า หากคุณสร้างปุ่มหรือไฮเปอร์ลิงก์ ที่เชื่อมไปยังร้านค้าที่สามารถซื้อสินค้าได้โดยตรง ก็มีโอกาสที่ CR จะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อย่าใส่ CTA มากเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกค้าตกใจได้

2. เพิ่มความเร็วการโหลดเว็บไซต์

เทคนิคการทำ CRO นี้ อาจดูเหมือนไม่ช่วยอะไรมากนัก แต่ทุกวันนี้มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะสนใจในสินค้าของคุณ แต่พวกเขาอาจไม่มีเวลารอถ้าเว็บไซต์โหลดนานเกินไป จากการศึกษาของ Imperva Incapsula พบว่า ผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างน้อย 50% จะออกจากเว็บไซต์ หากใช้เวลาโหลดเว็บไซต์นานกว่า 5 วินาที

ปรับปรุงการโหลดหน้าเว็บ

การศึกษาในผู้ทดสอบ 4,500 ราย พบว่า 35% จะอดทนรอระหว่าง 3 ถึง 5 วินาที และ 20% จะรอได้เพียง 3 วินาที ในขณะที่มี 7% ไม่สามารถรอได้สักวินาทีเดียว

3. สร้างการออกแบบที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง

เมื่อคุณต้องการทราบว่ากลยุทธ์ CRO คืออะไร? เรามีอีกหนึ่งวิธีในการทำให้ผู้บริโภคอยู่บนแพลตฟอร์มได้นานขึ้น และเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะมีส่วนร่วมได้มากขึ้นด้วย นั่นก็คือ การออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย และเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้ (UX) ให้ดีที่สุด เพื่อนำทางบนแพลตฟอร์มไปยังจุดที่ผู้ใช้ต้องการอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

นอกจากนี้ ควรทำให้การจัดวางข้อความดูสะอาดตา และไม่รบกวนผู้ใช้ด้วยป๊อปอัป, โฆษณา และเนื้อหาที่คล้ายกัน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สนใจในสิ่งต่าง ๆ ในคราวเดียวมากเกินไป ดังนั้น เว็บไซต์ต้องเรียบง่าย และนำผู้ใช้ไปสู่สิ่งที่คุณต้องการได้อย่างแท้จริง

4. จัดเตรียมเนื้อหาคุณภาพสูง

ผู้ใช้ออนไลน์สามารถเข้าถึงเว็บไซต์, ร้านค้า และผลิตภัณฑ์ได้หลายพันรายการ ซึ่งคล้ายกับสิ่งที่คุณนำเสนอ ดังนั้น เพื่อให้พวกเขาเข้ามาและซื้อสินค้าจากคุณ คุณจึงควรนำเสนอสินค้าที่ดีที่สุด และใช้ข้อความที่เน้นย้ำข้อเท็จจริงให้ผู้ใช้ได้รับรู้

เนื้อหาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีความเกี่ยวข้องกับคุณค่าและการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นวิธีในการสร้างความภักดีให้แก่ลูกค้าได้ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด คือ วิธีที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น, ไว้วางใจ, กระตุ้นให้ซื้อซ้ำ และบอกต่อได้ดีมากขึ้น

5. A/B Testing

A/B Testing หรือ การทดสอบองค์ประกอบต่าง ๆ แบบสุ่ม ที่แสดงผลิตภัณฑ์เดียวกันตั้งแต่ 2 รูปแบบขึ้นไป เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมเลือกสิ่งที่ตัวเองสนใจเพียงหนึ่งรูปแบบเท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยให้รู้ว่าลูกค้าชอบแบบไหนมากกว่า ซึ่งสามารถทำได้ทั้งผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ เช่น หน้าเว็บไซต์, องค์ประกอบต่าง ๆ และอื่น ๆ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงธุรกิจให้ดีขึ้นได้

หากคุณกำลังประสบปัญหาในการเพิ่ม Conversion Rate ให้ลองทำ A/B Testing เป็นประจำ โดยเฉพาะในองค์ประกอบหลัก เช่น หัวข้อ, สี, ปุ่ม CTA, เลย์เอาต์, แบบฟอร์ม และอื่น ๆ ที่สามารถปรับปรุงได้ วิธีนี้ไม่เพียงแต่ได้รู้ในสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการเท่านั้น แต่ยังแสดงให้ผู้ใช้เห็นด้วยว่า คุณใส่ใจในความคิดเห็น และความรู้สึกของพวกเขาเป็นสำคัญ

เครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับเทคนิคการทำ CRO คืออะไร

เครื่องมือทำ CRO

เมื่อพูดถึงเทคนิคการทำ CRO ด้านการตลาด คุณไม่จำเป็นต้องสร้างโซลูชันด้วยตัวคุณเองเสมอไป เพราะมีเครื่องมือทางการตลาดมากมายที่ใช้งานได้ง่าย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CR ได้ เครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการทำ CRO คืออะไร ? มาพบ 3 เครื่องมือที่น่าสนใจกันได้เลย:

1) HelloBar

HelloBar เป็นปลั๊กอินที่ช่วยให้คุณสร้างป๊อปอัปที่หลากหลายในเว็บไซต์ได้ดี ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนทราฟฟิกให้กลายเป็นลูกค้าได้ง่ายๆ นอกจากนี้ HelloBar ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์, เครื่องมือ A/B Testing และให้ข้อมูลในรูปแบบภาพที่แม่นยำ เครื่องมือนี้สามารถปรับแต่ง, ใช้งานร่วมกันได้ และการติดตั้งเพียงขั้นตอนเดียว เหมาะสำหรับการใช้ใน WordPress ร่วมกับShopify และ Wix

2) HotJar

ส่วน HotJar ก็เป็นซอฟต์แวร์การทำแผนที่ยอดนิยม โดยพื้นฐานแล้ว เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณสามารถประเมินความยากง่ายในการไปยังส่วนต่าง ๆ ของแพลตฟอร์ม แม้ไม่เข้าใจว่า CRO คืออะไรอย่างถ่องแท้ แต่เครื่องมือนี้จะช่วยติดตามการเดินทางของลูกค้าหลังจากเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้ นี่จึงเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการตรวจสอบ และทำความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้ใช้ที่นำเสนอด้วยภาพ โดยกิจกรรมที่มากขึ้นจะแสดงสีในพื้นที่ที่แตกต่างกัน เพื่อให้คุณมองเห็นกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเด่นชัด

เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณปรับปรุงเว็บไซต์ และเสนอเส้นทางเพิ่มเติมไปยังพื้นที่ที่มีผู้เข้าชมน้อยในกรณีที่จำเป็น นอกจากนี้ มันใช้งานง่ายมาก แม้ว่าคุณจะไม่เข้าใจเทคโนโลยีขั้นสูงก็ตาม เพราะเครื่องมือมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย และมีตัวเลือกฟรีเมียมหลายตัว

3) Google Analytics

Google Analytics เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือชาญฉลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และใช้งานได้ฟรี นอกจากนี้ ยังเข้ากันได้กับเครื่องมือและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Google เช่น Google Ads, Studio และอื่น ๆ อีกมากมาย การใช้เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณรู้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม และรับข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญต่อการพัฒนากลยุทธ์ CRO ต่อไป

เหนือสิ่งอื่นใด Google Analytics จะทำงานรวบรวมข้อมูลโดยอัตโนมัติ และแสดงบนแดชบอร์ดของ Google Analytics (หรือผ่านGoogle Docs และ Sheets reports) ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการค้นหาภายในเว็บไซต์, Bounce Rate และข้อมูลสำคัญอื่น ๆ นอกจากนี้ คุณยังสามารถขอรายงานที่กำหนดตามเมตริกและพารามิเตอร์ที่คุณต้องการได้ด้วยตัวเองด้วย

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียหลักของ Google Analytics คือ ความซับซ้อน ดังนั้น คุณอาจต้องค้นคว้าเกี่ยวกับวิธีใช้งาน หรือค้นหาผู้เชี่ยวชาญหากคุณไม่เคยเรียนรู้มาก่อน เพราะเครื่องมือนี้มีความซับซ้อนในการใช้งานมากกว่าเครื่องมืออื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้จากวิดีโอที่มีคำแนะนำ ถ้าคุณเรียนรู้วิธีใช้งานได้ครบ มันจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

คุณพร้อมจะเพิ่ม Conversion Rate แล้วหรือยัง?

คุณได้เรียนรู้แล้วว่า CRO คืออะไร? Conversion Rate Optimization เป็นกระบวนการปรับปรุงบางสิ่งบางอย่าง เพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณมีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้น, สร้างผลกำไรในแผนการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ให้มากขึ้น แต่การจะบรรลุเป้าหมายนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น วัตถุประสงค์ของแคมเปญ, ประเภทของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่นำเสนอ และทรัพยากรที่มีอยู่

เนื่องจากมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ จึงไม่มีวิธีสากลว่า เว็บไซต์ที่มี Conversion Rate ที่เหมาะสมจะต้องมีลักษณะอย่างไร ทุกอย่างอาจแตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์ม ในกรณีนี้ ให้ลองใช้เครื่องมือที่เรากล่าวถึง เพื่อเรียนรู้ว่าคุณสามารถปรับปรุงจุดใดได้บ้าง จากนั้น จึงใช้กลยุทธ์ CRO ที่กล่าวถึง (หรือกลยุทธ์อื่น ๆ ) เพื่อเพิ่ม Conversion Rate และทำให้ธุรกิจของคุณดียิ่งขึ้น