เปรียบเทียบ 10 Hardware Wallet อันไหนดี ฉบับปี 2024 [แนะนำ!]

ในวงการคริปโต เขาว่ากันว่า “ถ้าคุณไม่ใช่เจ้าของรหัส คุณก็ไม่ใช่เจ้าของเหรียญจริงๆ” หรือ แม้ว่านักลงทุนจะมีรหัสส่วนตัวใน Crypto Wallet แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเหรียญคริปโตได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

นี่คือจุดที่ Hardware Wallet มีประโยชน์ โดยจะอธิบายว่า Hardware Wallet คืออะไรและทำงานอย่างไร พร้อมรีวิวว่า Hardware Wallet อันไหนดีที่สุดในตลาดตอนนี้

หากต้องการอ่านรีวิว Hardware Wallet ด้านบนแบบเจาะลึกเพิ่มเติม โปรดอ่านต่อ

รีวิว Hardware Wallet เก็บเหรียญคริปโตที่ดีที่สุด

การเลือก Wallet ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายเป็นขั้นตอนสำคัญอันดับแรกที่ต้องพิจารณาเมื่อลงทุนในเหรียญคริปโต

วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลคือการใช้ Hardware Wallet ซึ่งจะทำให้รหัสส่วนตัวออฟไลน์และทำให้แฮ็กเกอร์ เข้าถึงยาก

ในส่วนนี้ เราจะมาเจาะลึกกันว่า Hardware Wallet ตัวไหนดี โดยคำนึงถึงคุณสมบัติหลักและความปลอดภัย

1. Cypherock X1 – Hardware Wallet ที่ให้ความปลอดภัยมากที่สุด

Cypherock X1 ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน Hardware Wallet ที่ปลอดภัยมากที่สุด กระเป๋าเงินคริปโตนี้ไม่ใช้ Seed Phrase เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับกระเป๋าเงินของผู้ใช้งาน แต่จะกระจาย Key ออกเป็น 5 ส่วนโดยการใช้ Shamir’s Secret Sharing โดยแต่ละส่วนจะถูกเก็บไว้ใน 1 X1 Vault และบัตร X1 4 ใบ

ผู้ใช้งานจะสามารถทำธุรกรรมโดยการใช้บัตรเพียงใบเดียวบน Vault นอกจากนี้ Cypherock X1 ยังรองรับ BIP39 ด้วย นั่นหมายความว่า ผู้ใช้งานสามารถโอนเหรียญของตนไปยังกระเป๋าเงินคริปโตอื่นๆ ที่ใช้งาน Cryptotag ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในที่เก็บ Seed Phrase ที่ขายดีที่สุด

Cypherock X1 รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 9,000 รายการ และสามารถอิมพอร์ตทั้ง Hot และ Cold Wallet ได้สูงสุดถึง 4 ใบ ผู้ใช้งานสามารถจัดการพอร์ตการลงทุนของตนเองได้โดยการใช้แอปเดสก์ท็อป CySync นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถใช้ WalletConnect เพื่อเข้าถึง DeFi และ dApps ได้อีกด้วย Cypherock X1 ได้รับการตรวจสอบโดย Keylabs บริษัทที่มีชื่อเสียงในการค้นพบช่องโหว่ในกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์รายใหญ่ นอกจากนี้ยังใช้การยืนยันตัวตน 3 ชั้น และบัตร X1 แต่ละใบก็ได้รับการรับรองความปลอดภัย CC EAL6+ ด้วย

พิเศษ! สำหรับผู้ที่สนใจ เพียงใช้โปรโมโค้ด “coldwallet” ก็รับส่วนลดจากราคาเต็มไปเลย 17%

2. Ledger Stax – หนึ่งใน Crypto Wallet ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด

Ledger Stax เป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ที่โดดเด่นในหลายด้าน มีขนาดเท่าบัตรเครดิต ตั้งแต่รูปทรงแบบบัตรเครดิตที่บางเฉียบ ไปจนถึงหน้าจอ e-ink แบบพิเศษที่ครอบคลุมด้านหนึ่งและพับเข้าไปในอีกด้านได้ นอกจากนี้ ยังมีอินเตอร์เฟสที่สวยงามและใช้งานได้ง่าย สามารถแสดงผล NFT ได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานที่ให้ความสำคัญกับความสวยงามและฟีเจอร์ขั้นสูง

ด้านความปลอดภัย Ledger Stax ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พวกเขาใช้ชิป Secure Element (ST33K1M5) และระบบปฏิบัติการ BOLOS ที่มีฟีเจอร์ป้องกันความปลอดภัยหลายอย่าง เช่น PIN, วลีลับ 24 คำ, การยืนยันตัวตน 2 ชั้น และโหมดป้องกันพิเศษ ทำให้มั่นใจได้ว่า Private Key และ ธุรกรรม ของผู้ใช้งานจะปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ราคาที่สูงของ Ledger Stax มาจากการออกแบบและประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น มากกว่าที่จะเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัย ดังนั้น สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหลัก กระเป๋าเงิน Ledger รุ่นพื้นฐานอย่าง Nano X หรือ Nano S Plus ก็ให้การป้องกันที่เพียงพอในราคาที่ถูกกว่า

สรุปแล้ว Ledger Stax เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเหล่าสาวกคริปโต ด้วยการผสมผสานระหว่างความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ดีไซน์ที่สวยงาม และฟังก์ชันการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้ราคาจะสูงกว่ารุ่นพื้นฐาน แต่ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นและดีไซน์ที่สวยงามไม่เหมือนใคร

3. Ellipal Titan 2.0 – Crypto Hardware Wallet แบบ Air-Gapped

Ellipal Titan 2.0 เป็น Hardware Wallet แบบ Air-Gapped สำหรับเก็บเหรียญคริปโต ซึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ไม่ได้ แต่ Wallet จะทำงานร่วมกับแอป Ellipal ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อส่งข้อมูลธุรกรรมไปยังอุปกรณ์ผ่าน QR Code

จากนั้น ผู้ใช้งานจะสามารถยืนยันการทำธุรกรรมผ่าน Wallet โดยป้อน PIN ซึ่งจะสร้างอีก QR Code บนอุปกรณ์ซึ่งจะต้องสแกนผ่านแอปเพื่อยืนยัน ถึงแม้ว่าจะฟังดูยุ่งยากสำหรับมือใหม่ แต่ Wallet แบบ Air-Gapped ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในการเก็บรหัสส่วนตัวแบบออฟไลน์

Ellipal Titan 2.0 ยังมาพร้อมกับโหมดทำลายตัวเองอัตโนมัติ ซึ่งจะคืนค่าการตั้งค่าจากโรงงานเมื่อถูกงัดแงะ กระเป๋าเงินใบนี้ยังรองรับโทเค็นมากกว่า 10,000 สกุลและเครือข่าย Blockchain กว่า 45 เครือข่าย พร้อมแอป Ellipal ที่ใช้ซื้อหรือ Stake เหรียญคริปโตได้อีกด้วย

4. Trezor One – Hardware Wallet ชื่อดังสำหรับเก็บเหรียญคริปโตชั้นนำ

Trezor One เป็น Hardware Wallet ขนาดเล็กที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม มีเคสทำจากพลาสติก ABS ทนแรงกระแทก ภายในใช้โปรเซสเซอร์ ARM Cortex-M3 ความเร็ว 120 MHz บนไมโครคอนโทรลเลอร์ STM32 F2 เพื่อการเข้าถึงสินทรัพย์คริปโตอย่างปลอดภัย ไม่มีแบตเตอรี่ แต่ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ Android ผ่านสาย USB

กระเป๋าเงิน Trezor One มีจอแสดงผล OLED ขนาด 128×64 พิกเซล ซึ่งค่อนข้างเล็กแต่เห็นได้อย่างชัดเจน มีปุ่ม 2 ปุ่มด้านหน้าในการใช้งาน ตัวเครื่องมีขนาดเพียงไม่กี่มิลลิเมตรและมีน้ำหนักเพียง 12 กรัม ทำให้เป็นกระเป๋าเงินที่กะทัดรัดและมีน้ำหนักเบามาก เก็บง่าย พกพาสะดวก

Trezor One รองรับเหรียญและโทเค็นกว่า 1,000 สกุล (รวมกว่า 9,000 รายการ) ทั้งใน Trezor Suite และกระเป๋าเงินแบบ 3rd Party ที่เชื่อมต่อ ทำให้คุณสามารถเก็บ NFT บนเครือข่ายที่ Trezor รองรับได้อย่างปลอดภัย (เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้ง Ledger และ Trezor ใช้งานได้กับ Exodus ซึ่งเป็น Non-custodial Software Wallet หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านรีวิว Exodus Wallet ฉบับเต็มของเราที่นี่)

อย่างไรก็ตาม แอป Trezor Suite ยังไม่สามารถจัดการ NFT ได้ ผู้ใช้งานต้องเชื่อมต่อ Trezor กับแอปของ 3rd Party เช่น Metamask เพื่อทำธุรกรรม NFT ซึ่งถือเป็นข้อเสียหลักของการเก็บ NFT บนอุปกรณ์ Trezor

5. Tangem – Hardware Wallet ราคาถูกสำหรับมือใหม่ในโลกคริปโต

Tangem เป็นหนึ่งใน Hardware Wallet ที่ราคาถูกที่สุดในตลาด ด้วยราคาเพียง $54 สำหรับชุด 2 ใบ หรือ $69 สำหรับชุด 3 ใบ กระเป๋าเงินนี้มีรูปแบบเป็นการ์ดขนาดเท่าบัตรเครดิต ใช้งานได้ง่ายผ่านเทคโนโลยี NFC ร่วมกับแอปมือถือ Tangem ทำให้สะดวกในการพกพา การทำงานผ่าน NFC ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและทำธุรกรรมได้ง่ายเพียงแค่แตะการ์ดกับโทรศัพท์เท่านั้น

ความปลอดภัยของ Tangem อยู่ในระดับสูง ด้วยชิปที่ได้รับการรับรอง EAL6+ ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในภาคธนาคารและหนังสือเดินทาง การสร้าง Private Key ใช้ระบบสุ่มแท้ (TRNG) ที่ไม่มีทางที่ข้อมูลใดๆ จะหลุดออกจากการ์ดได้ ทำให้ปลอดภัยจากการถูกขโมยข้อมูล นอกจากนี้ ชิปยังทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น ฝุ่น น้ำ อุณหภูมิสูง รังสีเอ็กซ์ และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การที่ไม่มีสำเนาของ Key อยู่นอกการ์ด และการที่การ์ดไม่มีหน้าจอหรือการเชื่อมต่อออนไลน์ ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีไม่สามารถเข้าถึงหรือปลอมแปลง Private Key ได้

การใช้งาน Tangem นั้นเรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการส่ง รับ หรือแลกเปลี่ยนคริปโต ทำได้ง่ายผ่านแอปมือถือ โดยไม่ต้องจดจำ Recovery Phrase ที่ยุ่งยาก นอกจากนี้ ยังรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 6,000 รายการจาก 38 เครือข่าย การทำธุรกรรมสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการคัดลอกและวางแอดเดรส หรือใช้ QR โค้ด เลือกค่าธรรมเนียมเครือข่าย ยืนยันการทำธุรกรรม และแตะการ์ดกับโทรศัพท์เพื่อยืนยัน ความเรียบง่ายนี้ทำให้ Tangem แตกต่างจากกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์อื่นๆ ที่มักจะมีขั้นตอนการใช้งานที่ซับซ้อนกว่า

คุณสมบัติที่โดดเด่นอีกอย่างของ Tangem คือความสามารถในการซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนคริปโตภายในแอปได้เลย โดยการใช้ Tangem Express ซึ่งเป็นตัวรวบรวม CEX และ DEX ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับอัตราที่ดีที่สุดจากกระดานเทรดชั้นนำ Tangem Express ทำงานร่วมกับ DEX อย่าง 1inch และ CEX อย่าง ChangeNow ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำการแลกเปลี่ยนข้ามเชนและบนเชนเดียวกันได้อย่างราบรื่น

พิเศษ! ลดเพิ่มทันที 10% เมื่อใช้ลิงก์ด้านล่างซื้อ Tangem Wallet

6. Ledger Flex – Crypto Hardware Wallet รุ่นใหม่ที่ปลอดภัยและคุ้มค่า

Ledger Flex คือ Crypto Hardware Wallet รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2024 เป็นอุปกรณ์ระดับกลางที่มีหน้าจอสัมผัส สามารถเก็บโทเค็นและ NFT ได้หลายพันรายการอย่างปลอดภัย ถึงแม้จะมีขนาดที่เล็กลง แต่ก็ยังคงรักษาฟีเจอร์ความปลอดภัยหลักๆ ของ Ledger เอาไว้ได้เป็นอย่างดี

Flex มาพร้อมจอ E Ink ขนาด 2.84 นิ้ว และรองรับการเชื่อมต่อทั้ง USB-C, Bluetooth และ NFC มันสามารถเก็บเหรียญและโทเค็นได้มากกว่า 5,000 รายการจากบล็อกเชนต่างๆ รวมถึง Bitcoin, Ethereum และ NFT บน Ethereum และ Polygon

ความปลอดภัยของ Ledger Flex มาจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีชิปความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการเฉพาะ และหน้าจอที่ปลอดภัย โดยใช้ชิป Secure Element (SE) CC EAL6+ และระบบปฏิบัติการเฉพาะ ซึ่งช่วยแยกการเซ็นธุรกรรมเข้ารหัสออกจากส่วนอื่นๆ ของกระเป๋าเงิน

แม้จะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยผ่านการใช้งาน Bluetooth แต่ Ledger ยืนยันว่าการเชื่อมต่อ Bluetooth บน Flex จะได้รับการเข้ารหัสแบบ end-to-end และ Seed Phrase ของผู้ใช้งานจะอยู่บนอุปกรณ์เสมอ ไม่ว่าจะใช้การเชื่อมต่อแบบใด ทำให้ Ledger Flex เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูงในการเก็บคริปโตเคอร์เรนซี

7. Trezor T – Hardware Wallet ระดับพรีเมียมพร้อมหน้าจอสัมผัส

Trezor T เป็น Hardware Wallet ที่เปิดตัวในปี 2018 หลังจากความสำเร็จของ Trezor One มันมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสสีขนาด 240×240 พิกเซล ทำให้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้น ถึงแม้จะมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาเพียง 22 กรัม แต่ก็มาพร้อมกับตัวประมวลผล ARM Cortex-M4 พอร์ต USB-C และช่องใส่การ์ด microSD

Model T รองรับเหรียญคริปโตมากกว่า 1,800 สกุล รวมถึงโทเค็น ERC20 กว่า 10,000 รายการ นอกจากนี้ยังสามารถเก็บ NFT ได้ แม้จะต้องใช้แอป 3rd Party ในการจัดการก็ตาม นอกเหนือจากการเก็บคริปโต Model T ยังสามารถใช้เป็นตัวจัดการรหัสผ่านและระบบยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA) ได้อีกด้วย

ความปลอดภัยเป็นจุดเด่นของ Trezor Model T โดยมีการป้องกันด้วย PIN และรหัสผ่าน รวมถึงตัวเลือกความปลอดภัยเพิ่มเติมด้วยการ์ด MicroSD Trezor ไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคล มีบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันการแกะ และส่งมอบอุปกรณ์โดยไม่มีการติดตั้งเฟิร์มแวร์ล่วงหน้าเพื่อป้องกันการแทรกแซงระหว่างขนส่ง

Trezor Model T ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานหลายแสนคนทั่วโลก ด้วยอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่าย รองรับการซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนคริปโตผ่านแอป Trezor Suite จึงทำให้ Trezor เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในด้านความปลอดภัยของกระเป๋าเงินสำหรับมืออาชีพหลายคนในอุตสาหกรรมคริปโต

8. Blockstream Jade – Bitcoin Hardware Wallet แบบ Open-Source ที่ดีที่สุด

Blockstream Jade เป็น Hardware Wallet สำหรับใช้งานกับ Bitcoin โดยเฉพาะที่เปิดตัวในปี 2022 โดยบริษัท Blockstream ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการ Bitcoin มาตั้งแต่ปี 2014 Jade มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 22 กรัม และมีหน้าจอ IPS LCD ขนาด 1.14 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อผ่าน USB-C และ Bluetooth รวมถึงมีแบตเตอรี่ในตัวทำให้ใช้งานแบบไร้สายได้

ด้านความปลอดภัย Jade ใช้วิธีการที่ไม่เหมือนใคร ถึงแม้จะไม่มีชิป Secure Element แต่พวกเขาเลือกใช้ “Server Enforced PIN Protection” ซึ่งเป็นการใช้ช่องทางที่เข้ารหัสและตรวจสอบสิทธิ์กับเซิร์ฟเวอร์ Oracle ระยะไกลแบบไม่เปิดเผยข้อมูล โดยจะมีการสร้าง mnemonic และเข้ารหัสทันทีโดยใช้ AES256 และ Secret Key จะถูกคำนวณผ่านช่องทางที่ปลอดภัยนี้

Jade มี 2 โหมดหลักๆ ในการทำงาน ได้แก่ โหมดดั้งเดิมที่เก็บ Seed ไว้ในอุปกรณ์และใช้ PIN ในการเข้าถึง และ โหมดไร้สถานะที่ไม่เก็บข้อมูลใดๆ ไว้ในอุปกรณ์ ต้องป้อน Seed ทุกครั้งที่ใช้งาน เฟิร์มแวร์ล่าสุดได้ปรับปรุงอินเทอร์เฟสให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น รวมถึงเพิ่มขนาดตัวอักษรให้อ่านง่ายขึ้นอีกด้วย

กระเป๋าเงินนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูง ชื่นชอบซอฟต์แวร์แบบโอเพ่นซอร์ส และต้องการกระเป๋าเงินที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Bitcoin โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานควรพิจารณาเรื่องขนาดหน้าจอที่ค่อนข้างเล็กด้วย หากไม่มีปัญหาในการอ่านตัวอักษรขนาดเล็ก Jade ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเก็บรักษา Bitcoin อย่างปลอดภัย

9. NGRAVE Zero – Crypto Wallet ที่มีความปลอดภัยสูง

NGRAVE โฆษณาว่าเป็น Crypto Hardware Wallet แรกของโลกที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย EAL7 และเป็นแบบ Air-gapped โดยสมบูรณ์ ซึ่งจะไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ เช่น ไวไฟ, บลูทูธ, NFC หรือ 4G ได้

การยืนยันทั้งหมดบน NGRAVE Zero จะต้องผ่าน QR Code โดยรองรับเหรียญคริปโตมากกว่า 1,000 สกุล ซึ่งรวมถึงโทเค็น ERC-20 จำนวนมาก

NGRAVE Zero ยังสามารถเก็บ NFT ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum โดยในการเข้าถึงเหรียญคริปโตที่จัดเก็บไว้ใน Zero ผู้ใช้จะต้องดาวน์โหลดแอป NGRAVE Liquid ก่อน

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าแอปดังกล่าวจะไม่ให้ผู้ใช้งานซื้อหรือแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตได้ และมีราคาที่สูง ในขณะที่เขียน NGRAVE Zero มีราคาประมาณ 405 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Hardware Wallet ที่แพงที่สุดในตลาด

10. Coldcard – Bitcoin Wallet ระดับพรีเมียมเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

Coldcard เป็น Hardware Wallet สำหรับ Bitcoin ที่เน้นความปลอดภัยสูง สร้างโดย Coinkite มันทำงานแบบออฟไลน์ ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ ฟีเจอร์เด่นคือการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและการควบคุมของผู้ใช้งาน สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังรองรับการทำธุรกรรมแบบหลายลายเซ็น และมีโหมด “brick pin” ที่ช่วยลบข้อมูลในอุปกรณ์อย่างถาวรหากเกิดปัญหาความปลอดภัย

Coldcard เป็นโอเพนซอร์ส ทำให้ชุมชนสามารถตรวจสอบโค้ดได้และมีความโปร่งใส เข้ากันได้กับซอฟต์แวร์กระเป๋าเงิน Bitcoin ยอดนิยม แต่มีข้อเสียคือการเรียนรู้ในการใช้งานที่ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะระบบรหัสผ่านที่ซับซ้อน และราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ใช้งานบางกลุ่ม

ด้านความปลอดภัย Coldcard มีหลายฟีเจอร์ที่โดดเด่น เช่น การทำงานแบบออฟไลน์ การเปิดเผยซอร์สโค้ด ชิปความปลอดภัย ATECC608A และการป้องกันด้วย PIN รองรับ PSBT มีช่องเสียบการ์ด Micro SD สำหรับสำรองข้อมูล และฟีเจอร์ควบคุมธุรกรรม สามารถเชื่อมต่อกับ Bitcoin Full Node และยังรองรับการยืนยันตัวตน 2 ชั้น (2FA) และใช้งานผ่านเครือข่าย Tor ได้

ด้านการใช้งาน Coldcard มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ประหยัดพลังงาน มีการเชื่อมต่อหลากหลาย หน้าจอ OLED คุณภาพสูงที่ช่วยให้ตรวจสอบธุรกรรมและแอดเดรสได้ง่าย รองรับหลายภาษา และสร้างรหัสผ่านหลายชุดเพื่อเข้าถึงกระเป๋าเงินที่แตกต่างกันบนอุปกรณ์เดียวได้ มีดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับผู้ต้องการวิธีเก็บ Bitcoin ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้

เปรียบเทียบ Hardware Wallet ที่ดีที่สุด

การเลือก Crypto Wallet ที่เหมาะที่สุดอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แม้แต่นักลงทุนที่มีประสบการณ์ก็ตาม

โดยเราได้ใช้ตารางด้านล่าง – ซึ่งสรุปประเด็นสำคัญทั้งหมดเกี่ยวกับ Crypto Hardware Wallet ที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ

Hardware Wallet คืออะไร?

Hardware Wallet เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับเก็บรหัสส่วนตัวและการทำธุรกรรม เพียงเสียบอุปกรณ์นี้เข้ากับคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ผู้ใช้ก็สามารถจัดการและใช้เหรียญคริปโตได้

ธุรกรรมและการตรวจสอบเหรียญคริปโตทุกด้านจะได้รับการจัดการผ่านอุปกรณ์ เนื่องจากรหัสส่วนตัวจะไม่ถูกเปิดเผย เพื่อการโกงและแฮ็กเกอร์ได้อย่างแข็งแกร่ง

โดยผู้ใช้จะได้เก็บคีย์ส่วนตัวของเหรียญคริปโต ซึ่งจะสามารถควบคุมโทเค็นได้อย่างเต็มที่

ส่วน Hardware Wallet อันไหนดีที่ดีที่สุดในปัจจุบันยังมาพร้อมกับคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การรองรับการเทรดเหรียญคริปโต ผู้ให้บริการอย่าง Ledger ยังเป็นแพลตฟอร์ม Staking จากภายใน Wallet App อีกด้วย

Crypto Hardware Wallet ทำงานอย่างไร?

ใครสงสัยว่า Hardware Walletใช้ยังไง? เราก็ขออธิบายว่าเหรียญคริปโตไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้ Hardware Wallet แต่จะถูกเก็บไว้ผ่านที่อยู่เฉพาะบน Blockchain

ให้เราอธิบายกระบวนการจัดเก็บเหรียญคริปโต ดังนี้

• เมื่อสร้าง Crypto Wallet จะมีการสร้างรหัสสองประเภท
• รหัสสาธารณะใช้เพื่อสร้างที่อยู่กระเป๋าเงิน – และนักลงทุนสามารถแบ่งปันกับผู้อื่นเพื่อรับเหรียญคริปโต
• และรหัสส่วนตัวที่เป็นลายเซ็นดิจิทัลจะใช้เพื่อยืนยันการทำธุรกรรม
• ใครก็ตามที่มีรหัสส่วนตัวของ Wallet จะสามารถอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของโทเค็นได้

ซึ่งควรเก็บรหัสส่วนตัวไว้อย่างปลอดภัย เมื่อใช้ Hardware Wallet รหัสส่วนตัวจะถูกสร้างขึ้นภายในอุปกรณ์และจัดเก็บแบบออฟไลน์

การทำธุรกรรมคริปโตจะต้องได้รับการยืนยันผ่านอุปกรณ์จริง ซึ่งจะเพิ่มการป้องกันโดยรวม

Hardware Wallet ยังสร้างรหัสกู้คืนในช่วงการตั้งค่าเริ่มต้น ซึ่งเป็นชุดคำแบบสุ่มที่สามารถใช้เพื่อเข้าถึงเหรียญคริปโตได้ในกรณีที่รหัสส่วนตัวสูญหาย

และยังทำหน้าที่เป็นรหัสสำรองในกรณีที่ Hardware Wallet สูญหายหรือถูกขโมย

ประโยชน์ของ Hardware Crypto Wallet

นี่คือเหตุผลบางข้อที่นักลงทุนควรพิจารณาซื้อ Hardware Wallet

ความปลอดภัยสูง

เมื่อเก็บเหรียญคริปโตไว้ใน Custodial Wallet นักลงทุนจะต้องละทิ้งความเป็นเจ้าของโทเค็นนั้นๆ และต้องไว้วางใจกระดานแลกเปลี่ยนอย่างเต็มที่ในการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลของตนให้ปลอดภัย

แต่ถ้ากระดานแลกเปลี่ยนถูกแฮ็ก นักลงทุนอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมด แต่เมื่อใช้ Hardware Wallet ผู้ใช้จะมั่นใจได้ว่าเหรียญคริปโตของตนปลอดภัยและห่างไกลจากเงื้อมมือของแฮ็กเกอร์

การควบคุมเหรียญคริปโต

เราได้เน้นย้ำว่า Hardware Wallet จะให้ผู้ใช้ได้ควบคุมเหรียญของตนได้อย่างเต็มที่

ให้เราอธิบายเพิ่มเติม ดังนี้

• สมมติว่านักลงทุนกำลังจัดเก็บเหรียญคริปโตในกระดานแลกเปลี่ยน
• หากกระดานแลกเปลี่ยนปิดการถอนเหรียญหรือปิดปรับปรุงเว็บไซต์ นักลงทุนจะทำอะไรไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องยุ่งยากในกรณีที่ตลาดกำลังผันผวน
• หรือ อาจมีสถานการณ์ที่ผู้ใช้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดได้

แต่เมื่อใช้ Hardware Wallet นักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ของตนได้ทุกเวลา หากกระดานแลกเปลี่ยนปิดปรับปรุง ผู้ใช้ก็สามารถโอนสินทรัพย์ของตนไปยังอีกกระดานเพื่อเทรดได้

ฟังก์ชันเพิ่มเติม

ขั้นต้น Hardware Wallet ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการเก็บเหรียญคริปโต

แต่ในบทความ Hardware Wallet อันไหนดีของเราก็มาพร้อมกับคุณสมบัติมากมาย

นักลงทุนมักจะสามารถซื้อ, ขาย, Stake, และแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลได้จากภายใน Wallet App

Hardware Wallet จำนวนมากยังรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม DeFi และยังสามารถจัดเก็บ NFT ได้อีกด้วย กล่าวคือ ไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างความปลอดภัยและฟังก์ชันการทำงานอีกต่อไป

Hardware Crypto Wallets vs Software Wallets

นักลงทุนมีสองตัวเลือกในการเก็บเหรียญคริปโต

ต่อไปนี้ เราจะพิจารณาความแตกต่างระหว่างทั้งสอง Wallet อย่างละเอียดยิ่งขึ้น

Software Wallet

Software Wallet คือแอพพลิเคชั่นที่สามารถติดตั้งบนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ และอาจเป็นส่วนขยายของเบราว์เซอร์ได้ด้วย ซึ่งมีมากมายในตลาด

ส่วนใหญ่ดาวน์โหลดฟรีและใช้งานสะดวก ทุกคนสามารถเลือกได้ระหว่าง Custodial Wallet หรือ Non-custodial Software Wallet ขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุนและข้อกำหนดด้านความปลอดภัย

ปัญหาคือรหัสส่วนตัวยังคงอยู่ในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต จึงมีความเสี่ยงที่จะอาจถูกแฮ็กจากระยะไกลได้

Hardware Wallet

ผู้ใช้ควรพิจารณาจัดเก็บรหัสส่วนตัวไว้ใน Cold Wallet ทำให้ Hardware Wallet ถือเป็นตัวเลือกการจัดเก็บเหรียญที่ปลอดภัยที่สุด

Hardware Wallet ได้รับการปกป้องด้วยรหัส PINและรหัสกู้คืน หากมีคนครอบครองอุปกรณ์ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะรู้รหัสโดยไม่ต้องเดารหัส PIN

วิธีเลือกว่า Hardware Wallet อันไหนดีที่สุด

ให้เราอธิบายวิธีการเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ

เมื่อค้นหาว่า Hardware Wallet อันไหนดีที่สุด นักลงทุนก็สามารถพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ได้

ความปลอดภัย

เหตุผลหลักคือเรื่องความปลอดภัย โดยผู้ให้บริการบางรายก็มีกลไกด้านความปลอดภัยที่ดีกว่ารายอื่นๆ

ยกตัวอย่างเช่น มีผู้ให้บริการที่นำเสนอโซลูชันแบบ Air-gapped ซึ่งเป็นการป้องกันในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้

แต่ Air-gapped Wallet อาจใช้งานยุ่งยากไปบ้าง โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ เช่น Ledger Nano X Wallet ที่มีความสมดุลระหว่างความสะดวกสบายและฟังก์ชันการทำงานโดยไม่ไม่ได้ลดระดับความปลอดภัยลง

อีกหนึ่งในเรื่องความปลอดภัยที่จะต้องระมัดระวังก็คือ Seed Phrase การจดจำและเก็บรักษา Seed Phrase ของกระเป๋าเงินคริปโตของคุณไว้ให้ดีจะช่วยให้คุณสามารถเก็บสินทรัพย์ของคุณได้อย่างปลอดภัย และยังสามารถกู้คืนกระเป๋าเงินของคุณได้หากมีการเสียหายใดๆ ต่อ Hardware Wallet ของคุณ

อย่างไรก็ดี หนึ่งในปัญหาของการจัดเก็บ Seed Phrase ก็คือ หากเก็บไว้ในรูปแบบดิจิทัล เช่น ไฟล์ หรือ รูป ในรูปแบบต่างๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีช่องโหว่ในเรื่อง Cyber Security ได้

แต่หากเก็บไว้ในรูปแบบของ Physical เช่น การจดลงบนกระดาษ ก็มีความเป็นไปได้ที่กระดาษสำหรับจดบัฯทึกดังกล่าวจะเสียหายหรือสูญหายไปได้

หนึ่งในโซลูชั่นที่อาจจะช่วยในเรื่องนี้ได้ก็อาจจะเป็นอุปกรณ์อย่าง Cryptotag ซึ่งเป็นแผ่น Seed Recovery Plate ที่ทำขึ้นมาจากไทเทเนี่ยมที่ทนความเสียหายจากไฟไหม้ได้ถึง 1667°C / 3032°F อีกทั้งยังต้านทานการกัดกร่อนและการสึกกร่อนอีกด้วย

เหรียญที่รองรับ

สำหรับนักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง จำนวนโทเค็นที่รองรับก็ถือเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญ

ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินเกือบทั้งหมดที่กล่าวถึงในวันนี้สนับสนุนโทเค็นมากกว่า 1,000 สกุล รวมถึงเหรียญคริปโตที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดตอนนี้

ค่าธรรมเนียม

ผู้ใช้ควรคำนึงถึงราคาของ Hardware Wallet ด้วย

โดย Hardware Wallet ที่ดีที่สุดในตลาดมีราคาอย่างต่ำ $100 ส่วนบาง Wallet เช่น NGRAVE Zero ก็มีราคาประมาณ 400 ดอลลาร์เลยทีเดียว

ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับนักลงทุนที่จะตัดสินใจว่าจะจ่ายได้เท่าไหร่และคาดหวังคุณสมบัติอะไรใน Wallet นั้นๆ

โปรดทราบว่านี่เป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว Hardware Wallet สามารถใช้งานได้หลายปีและราคาของอุปกรณ์นั้นก็คุ้มค่ากับการลงทุนเมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยที่มอบให้

ประสบการณ์ผู้ใช้

Hardware Wallet อาจใช้ยากไปบ้าง

แต่การออกแบบ Hardware Wallet ก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และทุกวันนี้ อุปกรณ์ต่างๆ ก็ใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก

หลายๆ Crypto Hardware Wallet มาพร้อมกับหน้าจอสีขนาดใหญ่ และบางรุ่นยังมีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ซึ่งทำให้การยืนยันธุรกรรมง่ายยิ่งขึ้นไปอีก

บทสรุป

ใครมองหาการป้องกันระดับสูงสุดสำหรับเหรียญคริปโตควรพิจารณาว่า Hardware Wallet อันไหนดี โดย Bitcoin Hardware Wallet ที่ดีที่สุดในปัจจุบันไม่เพียงแต่มีความปลอดภัยสูง แต่ยังใช้งานง่ายอีกด้วย

สรุปแล้ว เราพบว่า Cypherock X1 เป็นส่วนผสมที่เหมาะสมที่สุดระหว่างความปลอดภัยและความสามารถในการใช้งาน

รองรับเหรียญดิจิทัลกว่า 9,000 รายการ พร้อมความสามารถในการใช้งาน Wallet ได้สูงสุดถึง 4 ใบ และยังเชื่อมต่อผ่านแอป CySync เพื่อจัดการสินทรัพย์ได้อย่างราบรื่น ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อ ขาย และ Stake เหรียญคริปโตได้อย่างง่ายดาย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Hardware Wallet อันไหนดี